บทที่ 2183

ตู่ให่ซิงแค่คิดอยู่ในสมอง ก็ยังอดเอาตัวเองเข้าไปแทนที่ภรรยาของเย่ฉางอิงโดยอัตนมติไม่ได้ พริบตานั้นก็รู้สึกว่าน้ำตาเอ่อล้นออกมาก
ลบดวงตา

เดิมเธอคิดจะกสั้นน้ำตากลับไป กลับคิดไม่ถึงว่าจะไร้หนทางควบคุม น้ำตาเม็ดโตถึงกับไหลออกมาจากดวงตา ไหลผ่าน ใบหน้าที่ไม่บ่ง
บอกอายุ และแทบจะไม่มีริ้วรอยใบนั้น

พ่อบ้านชราที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้า จึงเสี่ยงไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาโดยไร้สุ่มเสียง

“เฮ้อ…ทั่วทั้งจิ่งเฉิง ใครไม่รู้บ้างว่าคุณหนูรองตระกูลเลตู้หลงรักเย่ฉางอิงมานานหลายปี…

“เพียงแต่ ใครจะไปรู้ได้ว่าเย่ฉางอิงจากไปเกือบจะยี่สิบปีแล้ว ความรู้สึกที่คุณหนูรองมิต่อเขา จะยังคงลึกซึ้งขนาดนี้…”

โบราณว่าไว้รักมากก็มีแต่ความคับแค้นใจ ความคับแค้นใจนี้กลับยาวนานไร้ที่สิ้นสุด

ในภาษาจีนโบราณ คำว่าคับแค้นใจนี้ เป็นการบรรยายความรู้สึกเสียใจได้ดีมาก

แล้วก็เพราะคนที่ลุ่มหลงในรัก บ่อยครั้งมักเหลือไว้เพียงความเสียใจ และความเสียใจนี้จะคงอยู่ไปชั่วชีวิต
ตู่ให่ชิงก็เป็นเช่นนี้

คนที่ข้ามผ่านความรักที่สลักสึกไปไม่ได้ ไร้หนทางที่จะเข้าใจคนคนหนึ่ง อาลัยอาวรณ์ต่อคนอีกคน

เมื่อมีความอาลัยอาวรณ์แล้ว ต่อให้แยกจากกันเป็นสิบปี ยี่สิปี ต่อให้อยู่ห่างกันเป็นหมื่นลื้ ต่อให้อยู่ไกลกันคนละฟากฟ้า ต่อให้แยกกัน
เหมือนยินกับหยาง ความอาลัยอาวรณ์ก็ยังคงอยู่

ตู้ให่ชิงก็เป็นเช่นนี้

เธอก็อยากจะลืมเย่ฉางอิงนานแล้ว อยากจะผ่านวันเวลาไปอย่างมั่นคงไม่สั่นคลอนมานานแล้ว

แต่ว่า ความอาลัยอาวรณ์ส่วนนั้นในจิตใจกลับไม่ยินยอม

ความอาลัยอาวรณ์นั้นราวกับเป็นต้นหญ้าฝืนหนึ่งที่กำลังเติบโตอยู่ในใจ

มีต้นหญ้าผื่นนี้แล้ว พี่ซอะไรอย่างอื่นก็ลงปลูกไม่ได้อีกต่อไป

บางเวลา เธอรู้สึกว่าหญ้าผื่นนี้รกร้างไปแล้ว ถึงกับรู้สึกว่ามันถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว

แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จู่ๆ ลมวสัต์หอบนี้ก็พัดผ่านเข้ามาในหัวใจ ทำให้ตันหญ้าฝืนนี้เติบโตขึ้นมาอีกครั้ง

ความอาลัยอาวรณ์นั้น ก็เหมือนกับหนามที่ทิ่มต่ำอยู่ในหัวใจ

บางครั้งรู้สึกไม่เจ็บปวด ก็นึกว่าหนามได้หายไปแล้ว

แต่มักจะเป็นยามที่ไม่รู้ตัว ถูกหนามอันนี้ทิ่มแทงอย่างรุนแรงจนเจ็บปวดอยู่กายในหัวใจ

ดังนั้น ภายหลังตู้ให่ซิงจึงคิดตกแล้วเช่นกัน

ความอาลัยอาวรณ์นี้ ซึมลึกอยู่ในกระดูกมานานแล้ว ชาตินี้คงเป็นไปไม่ได้อีกที่จะกำจัดมันออกไป

“ฉางอิง ในเมื่ออยู่ตลอด ทำไมฉันจะต้องพยายามลืมคุณด้วย?”

“ในเมื่อรักคุณมาตลอด ก็ให้คุณเติบโตอยู่ในหัวใจตรงที่ที่มันเป็นของคุณแต่เพียงผู้เดียวตรงนั้นเถอะ…”

“เมื่อก่อนทุกครั้งที่คิดถึงคุณขึ้นมา ฉันยังเกิดความละอายใจและรู้สึกผิดต่อซูโสว่เต้า แต่ตอนนี้กลับหลุดฟันแล้ว ต่อไปฉันสามารถคิดถึง
คุณอย่างโจ่งแจ้ง สามารถห่วงหาคุณอย่างโจงแจ้งได้แล้ว โดยไม่ต้องรู้สึกผิดต่อผู้ใดอีก…

พอคิดมาถึงตรงนี้ ตู้ให่ชิงก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก

เธอเช็ดน้ำตาจนแห้ง เอ่ยปากถามพ่อป้านชราว่า “ลุงหวาง บ้านหลังนี้ ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของ?”

พ่อบ้านซราชี้ไปที่แผ่นปิดที่ติดอยู่ตรงประตูรั้วเหล็กทางด้านข้าง แล้วกล่าวว่า “เรียนคุณหนูรอง บ้านหลังนี้ ถูกศาลอายัดไว้แล้วครับ”
“อายัด?” ตู่ให่ชิงขมวดคิ้ว รีบร้อนถามว่า “เรื่องเป็นมายังไง? พอสอบถามได้ไหม?”

พ่อป้านชราพยักหน้า กล่าวว่า “ผมอยู่จินหลิงมาหลายปีขนาดนี้ แต่ละหน่วยงานล้นมีเส้นสายอยู่ป่าง เดี๋ยวผมจะโทรไปถามให้ครับ”
ตู่ให่ซิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เร่งรัดว่า “งั้นคุณรีบโทรหน่อย ฉันอยากรู้รายละเอียดเร็วที่สุด นอกจากนี้ก็ช่วยฉันถามหน่อยว่าจะเปิด
ผนึกเข้าไปดูได้ไหม”

พ่อป้านชรารีบล้วงมือถือออกมาโทรทันที

หลั่งสอบถามไปหนหนึ่ง เขาก็รีบรายงานตู้ไห่ชิง “คุณหนูรอง เจ้าของบ้านหลั่งนี้ เพราะติดคดีความเรื่องได้เงินมาโดยมิชอบ ดังนั้น
ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในชื่อของเขาจึงถูกอายัดไร้ แต่คดีของเขาไต่สวนอยู่ต่างถิ่นมาสองปีกว่า อีกไม่นานก๊จะตัดสินคดีแล้ว หลังตัดสินคดี บ้าน
หลังนี้ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนศาลตุลาการเพื่อประมูลขายต่อไป”