บทที่ 2184

พอตู้ให่ชิงได้ยินเช่นนี้ ก็พลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที จึงพูดโพล่งว่า “คอยติดตามให้ฉันที ฉันต้องการประมูลบ้านหลังนี้!”

พ่อบ้านชราพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “บ้านหลังนี้กินพื้นที่ไม่ใหญ่มาก มิหนำซ้ำในอนาคตก็ไม่อาจรื้อถอนได้ นับเป็นทรัพย์สินราคาต่ำที่ไร้
หนทางทำกำไรได้ ถึงเวลาน่าจะประมูลมาได้อย่างง่ายดาย”

“ดี” ตูให่ชิงพูดอย่างแน่วแน่ “ไม่ว่าจะใช้เงินมากแค่ไหน ก็ต้องประมูลบ้านหลังนี้มาให้ได้!”

พูดจบ เธอก็รีบร้อนถามอีกว่า “ลุงหวาง คุณแจ้งกับคนของศาลตุลาการได้ไหมว่า ฉันสามารถเข้าไปดูก่อนได้ไหม?”

“ได้ครับๆ” พ่อป้านชรารีบกล่าวว่า “เมื่อกี้ตอนคุยอยู่ในสาย สองวันนี้พวกเขากำลังจะมาที่นี่เพื่อทำการจดทะเบียนทรัพย์สินกับประเมิน
ราคาครั้งหนึ่งพอดี เพื่อเตรียมพร้อมและรวบรวมข้อมูลให้กับศาลประมูลขายต่อไป ดังนั้นพวกเราจึงสามารถฉีกกระดาษปิดผนึกและกุญแจ
ประตูเข้าไปได้”

ตู่ให่ชิงพูดอย่างทนรอไม่ไหว “งั้นก็ลองคิดหาวิธี เปิดกุญแจเถอะ!”

พ่อบ้านชราพยักหน้า พูดกับบอดี้การ์ดที่พ่วงตำแหน่งคนขับรถว่า “เสียวหลิว นายดูหน่อยว่าพังประตูเปิดได้ไหม”

บอดี้การ์ดเดินขึ้นหน้ามาอย่างรีบร้อน ก่อนจะฉีกผนึกลงมา จากนั้นก็มองกลอนประตู แล้วยิ้มกล่าวว่า “พ่อบ้านหวาง กลอนนี่แทบจะขึ้น
สนิมหมดแล้ว ใช้เท้าถีบก็เปิดออกแล้ว”

ตู่ไห่ซิงรีบกล่าวว่า “อย่าถิ่บ! ฉันกลัวว่าพอนายถีบลงไป ประตูจะเสียหายไปด้วย ดูหน่อยว่างัดกลอนออกได้ไหม…”

ขอดี้การ์ดมองดูอย่างละเอียด แล้วเอ่ยปากกล่าวว่า “คุณหนูรอง ไส้กลอนนในขึ้นสนิมหมดแล้วครับ เกรงว่าต่อให้เอาลูกกุญแจมาก็คง
เปิดไม่ออก ได้แต่พังกลอนเท่านั้น”

ตู่ให่ซิงพยักหน้า กล่าวว่า “เอากลอนออก แต่พยายามอย่าทำให้ประตูเหล็กเสียหาย ต่อไปหากซื้อมาล่ะก็ ฉันยังคิดจะเก็บไว้”

“ครับ” บอดี้การ์ดรับคำอย่างรีบร้อน พร้อมกับล้วงมิดสั้นสีดำเล่มหนึ่งออกมาจากเอว เอาส่วนแหลมคมของมีดดันในร่องกลอน จากนั้นก็
ออกแรงทีหนึ่ง ลิ้นกลอนก็เปิดออก

ประตูเปิดแล้ว กลอนเองเพราะว่าขึ้นสนิมเยอะมากจึงเกิดการหักพัง แต่ดีที่ประตูไม่ได้รับความเสียหาย

ตู่ให่ซิงระงับความตื่นเต้นที่อยู่ในใจไว้ไม่ไหว ก้าวเท้าผลักประตูแล้วเดินเข้าไป

ในลานบ้านมีหญ้าขึ้นเต็มไปหมด ยั่งมีชิงช้าที่ทำจากโซ่เหล็กและแผ่นเหล็กตัวหนึ่งวางตั้งอยู่ เพียงแต่ชิงช้าตัวนี้มีอายุนานเกินไป จึงขึ้น
สนิมจนไม่เหมือนสภาพเติมแล้ว

แต่ว่านี่เป็นบ้านอันชำรุดทรุดโทรมในสายตาผู้อื่น ในสายตาของตู้ให่ชิง กลับแผ่ความรู้สึกอบอุ่นเกินพรรณนาไปทั่วทุกแห่งหน
เวลานี้ รถจักรยานไฟฟ้าคันหนึ่งก็มาถึงตรงหนำา

ตอนที่เย่เฉินอยู่ห่างจากหน้าประตูประมาณหนึ่ง ก็เห็นว่าที่หน้าประตูยังมีรถโรลส์รอยซ์อีกหนึ่งคั่นจอดอยู่ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึก
ประหลาดใจอยู่บ้าง

เขามักจะมาดูป้นเก่าหลังนี้บ่อยๆ บ้นหลังนี้มีกระดาษปิดผนึกติดไว้ตลอด ไร้คนสอบถาม วันนี้ทำไมถึงมีแขกมาเยือนได๋”
น่าแปลก เขามาหยุดตรงนอกประตูใหญ่ ซะโงกศีรษะมองดูด้านใน

ในตัวบ้าน มีคนสามคนกำลังนหันหลังให้ตน หนึ่งในจำนวนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่ง คนแก่คนหนึ่ง และชายหนุ่มคนหนึ่ง
ในใจเย่เฉินจึงรู้สึกสงสัย พลางลอบคิดว่า “หรือบ้านหลังนี้จะขายได้แล้ว? ไม่จริงน่ ได้ยินว่าถูกอายัดไว้มาตลอด ยังไม่เข้าสู่
กระบวนการประมูลของศาลด้วยซ้ำ จะขายออกไปโดยไร้สุ้มเสียงได้อย่างไร?”

“แต่ว่า คนเหล่านี้มาทำอะไรกันแน่? ทำไมพวกเขาถึงพังประตูเข้าไปโดนไม่สนใจแผ่นปิดผนึกของศาล?”

เย่เฉินในใจรู้สึกโกรธอยู่บ้าง

เพราะนี่อย่างไรก็เป็นบ้านเก่าที่ตนและพ่อแม่เคยอาศัยอยู่

หากเป็นเจ้าของบ้นมา ตนย่อมจะไม่พูดอะไร

แต่คนเหล่านี้มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่เจ้าของบ้าน

พวกเขาไม่เพียงฉีกกระดาษปิดผนึกออก ยังทำลายกลอนประตูด้วย

การกระทำเช่นนี้ ในมุมมองของเขา ทำเกินไปอยู่บ้างจริงๆ!

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดจะเอ่ยปากถามให้ชัดเจน หากพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้ ก็จะให้พวกเขาออกไป

กำลังคิดอยู่ เวลานี้จู่ๆ ตู่ให่ชิงก็หันกลับมามองไปทางนอกประตูแวบหนึ่ง

ภายใต้การมองมานี้ จึงสบตาเข้ากับเย่เฉินพอดี

ชั่วขณะนี้ ตู่ไห่ชิงรู้สึกว่าจิตวิญญาณส่วนลึกพบเข้ากับลมพัดโหมฝนเทกระหน่ำาขึ้นมากะทันหัน ตัวเธอเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก…