บทที่ 2248 สองพี่น้องอายุน้อย

The king of War

The king of War บทที่ 2248 สองพี่น้องอายุน้อย

“บูม บูม บูม…”

วินาทีต่อมาภาพที่ทำให้ทุกคนตะลึงก็เกิดขึ้น ศิษย์สำนักเทียนไห่หลายสิบคนกระเด็นออกไปเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัส

“อะไร?”

“เป็นไปได้อย่างไร”

ช่าวเหยียนและเหอตงเฉิงเบิกตากว้าง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

จุดตันเถียนของช่าวเหยียนถูกหยางเฉินทำลายเขาไม่มีพลังการต่อสู้เลย ในขณะที่เหอตงเฉิงถูกหยางเฉินโจมตีเมื่อกี้นี้ นอกจากนี้ยังมี หลิ่วเฉียงที่ถูกหยางเฉินโจมตีจนสลบไป

นอกจากพวกเขาทั้งสามคนและหลิวชิ่งที่คาดการณ์ผลลัพธ์ไว้นานแล้ว ศิษย์สำนักเทียนไห่คนอื่นๆที่บุกเข้าไปพร้อมกันตอนนี้พวกเขาถูกพลังที่ออกมาจากตัวหยางเฉินกระแทกออกไปไกลหลายเมตร

เมื่อมองนักบูโดหลายสิบคนที่ล้มลงบนพื้น และรอยร้าวที่กระจายไปทุกที่โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่หยางเฉิน เหอตงเฉิงและช่าวเหยียนยังยืนงงอยู่ที่เดิมราวกับโดนฟ้าผ่า

แม้แต่หลิวชิ่งซึ่งคาดมานานแล้วว่าศิษย์สำนักเทียนไห่จะพ่ายแพ้ ตอนนี้เขาก็ไม่อาจปกปิดความตกใจได้อีกต่อไป

แค่อาศัยพลังที่ปะทุออกมาจากร่างก็สามารถทำให้บูโดอัจฉริยะสำนักเทียนไห่ปลิวไปได้โดยไม่ต้องลงมือ ที่สำคัญคือคนเหล่านี้ที่ถูกขนานนามว่าบูโดอัจฉริยะสำนักเทียนไห่ล้วนแก่กว่าหยางเฉินบางคนแก่กว่า หยางเฉินสิบกว่าปี

แต่สุดท้ายหยางเฉินก็ชนะโดยไม่ต้องออกแรง

นักบูโดเหล่านี้ที่มากับเหอตงเฉิง โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาเป็นล้วนเป็นนักบูโดแดนนภาขั้นสาม ถ้าในโลกล่างทุกคนล้วนถือว่าเป็นนักบูโดชั้นยอด

ผู้แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้หยางเฉินไม่แม้แต่จะลงมือแค่ปล่อยพลังออกมาจากตัวก็สามาถทำให้คนเหล่านี้กระเด็นออกไปได้

หยางเฉินยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย ยืนเอามือไพล่หลัง เสื้อผ้าของเขาส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดราวกับราชาแห่งสวรรค์และโลก

“เขาเป็นนักบูโดจากโลกจริงหรือ?”

ขณะเดียวกัน ไม่ไกลมีสาวสวยปากสีแดงคนหนึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

หญิงสาวคนนั้นยังเด็กมากประมาณยี่สิบแปดหรือยี่สิบเก้าปี แต่เธอเป็นนักบูโดแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นแล้ว

ในสำนักเทียนไห่ ทุกคนรู้ว่าอู่หยางผิงลูกชายคนเดียวของท่านเจ้าสำนักเป็นบูโดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าอู่หยางผิงซึ่งอายุสามสิบสองปีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้พรสวรรค์ด้านบูโดของเขาก็แค่ขยะ

“ชิงจู เธอคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นอย่างไร”

ขณะนี้ จู่ๆชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังหญิงสาวก็ถามขึ้น

ชายผู้นั้นสวมชุดสีขาวและมีสีหน้าที่หล่อเหลาอย่างยิ่ง เขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับเจ๋อเซียนจากเก้าสวรรค์

บนตัวเขาไม่มีร่องรอยลมปราณบูโดเขาเหมือนเป็นคนธรรมดา แต่คนที่ได้เห็นเขาแม้จะสัมผัสลมปราณบูโดจากเขาไม่ได้ก็ไม่คิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาจริงๆ

ชายคนนี้ชื่อ ม่อชิงจู หากชื่อนี้อยู่ข้างนอกทุกคนต้องตกใจอย่างแน่นอน

ในโลกบู๊โบราณกลางในหมู่คนรุ่นใหม่เขามีฉายาที่โดดเด่น เทพสังหารชุดขาว!

เขาอายุเพียง37ปีเท่านั้น แต่เขาได้ฝึกฝนจนแข็งแกร่งถึงระดับแดนนภาขั้นห้าชั้นต้นแล้ว ในโลกกลางนักบูโดที่สามารถเข้าสู่แดนนภาขั้นห้าภายในอายุสี่สิบปีก็เพียงพอที่จะขนานนามว่าบูโดอัจฉริยะ แต่เขาอายุเพียงสามสิบเจ็ดปีและสามารถฝึกฝนได้ถึงระดับนั้นใครๆ คงไม่มีใครรู้ว่าพรสวรรค์ด้านบูโดของเขาแข็งแกร่งเพียงใด

“แข็งแกร่งมาก!”

หญิงสาวที่ถูกม่อชิงซิวเรียกว่าม่อชิงจูพูดเพียงสองคำ จากนั้นมองม่อชิงซิวและถามว่า “ฉันมีความรู้สึกว่าพลังที่แท้จริงของเขาน่าจะอยู่แดนนภาขั้นาชั้นปลายหรือชั้นยอด ”

“พี่คิดยังไง”

ผู้หญิงคนนี้ชื่อ ม่อชิงจู เป็นน้องสาวแท้ๆของม่อชิงจู

ม่อชิงจูมองไปทางหยางเฉินด้วยสีหน้าที่จริงจังและพูดว่า “อาจจะแข็งแกร่งกว่านั้น!”

รูม่านตาของ ม่อชิงจูหดตัวลงอย่างกะทันหันสีหน้าที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“พี่ พี่คงไม่คิดว่าแดนบูโดของเขาก้าวหน้าไปถึงแดนนภาขั้นห้าใช่ไหม?”

มั่วชิวจูไม่สามารถจินตนาการได้ว่านักบูโดที่อายุน้อยพอๆ กับตนจะสามารถบำเพ็ญเพียรไปถึงแดนนภาขั้นห้าได้

โม่ซิงซิวส่ายหัว”ฉันไม่รู้ว่าเขาก้าวหน้าไปถึงแดนนภาขั้นห้าหรือไม่ แต่จากพลังอันรุนแรงที่เขาปล่อยออกมาเมื่อกี้ แม้ว่าเราจะอยู่ไกลขนาดนี้ฉันยังสัมผัสถึงมันได้”

“มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่สามารถสัมผัสถึงมันได้ นั่นคืออีกฝ่ายมีพลังมหาศาลและสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของฉันได้”

ม่อชิงจูดูเหลือเชื่อ”พี่ชาย เป็นไปได้คิดผิดหรือไม่? เขาน่าจะไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ? เขาจะมีความแข็งแกร่งแดนนภาขั้นห้าได้อย่างไร? หากเป็นอย่างนั้นจิรงๆแม้ว่าแต่บูโดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของโลกลางก็คงหม่นหมองไร้ราศีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ”

โม่ชิงซิวมองน้องสาวและพูดอย่างเคร่งขรึม: “ชิงจู น้องต้องเข้าใจว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน! ไม่ว่าเมื่อใดอย่าประเมินใครต่ำเกินไป”

“ชายหนุ่มผู้มาจากโลกมนุษย์ดินแดนรกร้าที่ขาดแคลนชี่ทิพย์สามารถเอาชนะเหอตงเฉิงซึ่งอยู่แดนนภาขั้นสี่ชั้นปลายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แค่อาศัยพลังที่ออกมาจากตัวเพียงชั่วพริบตาก็สามารถทำให้นักบูโดแดนนภาขั้นสามหลายสิบคนกระเด็นออกไปโดยไม่ต้องลงมือ”

“ชายหนุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้จะธรรมดาได้อย่างไร เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา หากเขาไม่ตายต่อไปคงสร้างเสถียรภาพให้จุดสูงสุดของโลกบู๊โบราณได้อย่างแน่นอน!”

ม่อชิงจูตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินการประเมินที่สูงเช่นนี้จากปากม่อชิงซิว

พรสวรรค์บูโดของม่อชิงซิวโดดเด่นและมีพลังในการต่อสู้กับศัตรูข้ามพรมแดน ทั้งโลกบู๊โบราณกลางมีคนหนุ่มสาวไม่มากนักที่สามารถทำได้อย่างเขา

ตอนนี้เขาประเมินชายหนุ่มคนหนึ่งจากโลกมนุษย์สูงมาก สิ่งที่เขากำลังพูดถึงไม่ใช่โลกบู๊โบราณกลางแต่เป็นโลกบู๊โบราณ กล่าวคือเขาเชื่อว่าในอนาคตหยางเฉินอาจสร้างเสถียรภาพให้จุดสูงสุดของโลกบู๊โบราณบน

“แต่เขาทำ

ลายจุดตันเถียนของช่าวเหยียนและทำร้ายนักบูโดมือหนึ่งของผู้อาวุโสรอง เกรงว่าผู้อาวุโสรองจะไม่ปล่อยเขาไป เขาจะรอดจากสำนักเทียนไห่ได้หรือไม่ก็ยังเป็นปัญหา”

ม่อชิงจูมองไปทางหยางเฉินด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนและพูดช้าๆ

ม่อชิงซิวไม่ได้พูดอะไรแต่ยังคงมองไปทางหยางเฉินไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ขณะนี้หยางเฉินยืนอยู่ที่เดิมมองตงเฉิงอย่างใจนิ่งเฉยและพูดว่า “แกยังเทียบไม่ได้กับขยะ ไม่คิดว่าศิษย์น้องของแกจะขยะยิ่งกว่าแก ถ้าอย่างนั้นศิษย์น้องของแกยังเทียบกับขยะไม่ได้แล้วจะเทียบเศษสวะได้?”

“ไอ้สารเลว รนหาที่ตาย!”

เหอตงเฉิงโกรธจัดสีหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย

เขากำหมัดแน่นจ้องหยางเฉินเขม็ง เขาอยากจะจัการทันทีแต่เขารู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน

ขณะนี้หลิวชิ่งเดินออกมามองเหอตงเฉิงและพูดว่า “ศิษย์พี่เหอ คุณหยางเป็นแขกผู้มีเกียรติที่อาจารย์ของฉันเชิญมา ฉันหวังว่าศิษย์พี่เหอจะยุติความขัดแย้งเพื่อเห็นแก่อาจารย์ของฉัน ”

แม้ว่าเขาจะมีความสุขที่เห็นเหอตงเฉิงพ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่ต้องการทำให้เรื่องบานปลาย

แต่ในขณนั้นเองมีชายหญิงสองคนเดินมา

“ศิษย์น้องมั่ว!”

เมื่อเห็นคนที่เดินมาเหอตงเฉิงมีความสุขมาก เขามองม่อชิงซิวและรีบพูดว่า “ศิษย์น้อง ลูกชายคนนี้หยิ่งยโสยิ่งนัก เขาใช้กลอุบายเอาชนะพวกศิษย์น้องและคิดว่าตนแข็งแกร่งไร้เทียมทาน อีกทั้งยังด่าศิษย์เทียนไห่ว่าขยะ”

“ศิษย์น้องรีบลงมือ ให้มันรู้ว่าสำนักเทียนไห่ไม่ใช้สิ่งที่ลิงจากโลกมนุษย์อย่างเขาจะดูถูกได้”