บทที่ 2200

ล่ายซิงหวาส่งเสียงอิ่มรับคำ กล่าวอย่างจริงจังว่า “สมควรให้เธอหยุดเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ สุตท้าย
คนที่บาดเจ็บก็คือตัวเธอเอง”

ตู้เจิ้นหัวกล่าวคำของคุณติดๆ กัน จากนั้นก็วางสายอย่างรีบร้อน พร้อมกับวิดีโอคอลไปหาซูจี่อหยู

ที่ต้องการวิตี้โอคอล เป็นเพราะเขารู้ว่าการวิตี้โอคอล หลังอิกฝ่ายรับสายแล้ว ก็จะใช้โหมดปิดลำโพงได้เลย หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เนื้อหาที่
เขาจะพูด จะไม่ใช่แค่ซูจือหยูที่ได้ยิน ตู้ให่ชิงลูกสาวและซูจือเฟยหลานชายเขาก็จะได้ยินด้วย

ที่ตู้เจิ้นหัวกลั่วก็คือซูจือหยุจะไม่เชื่อพวกคำทำนาย หากบอกเธอไปโต้งๆ ว่าในกูเขามีเสือ เป็นไปได้มากว่าเธอไม่เพียงไม่ถอยหลัง แต่จะ
เดินเข้าไปหาเสือแทน

ดังนั้น เขาจึงอยากจะเผชิญหน้ากับตู้ให่ชิงสามคนครอบครัว บอกเรื่องนี้กับพวกเขาอย่างเอาจริงเอาจัง ต่อให้ตนแนะนำซูจือหยูไม่ให้หา
ต่อแล้ว ก็ยังมีตู่ให่ซิงกับซูจื่อเฟยอีก

เวลานี้เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี ซูจือหยูที่กำลังทานข้าวพร้อมกับแม่และพี่ชาย รับสายวิติโอคอลจากคุณตา ในใจพลั่นยินดีขึ้นมา คิด
ว่าการเสี่ยงทายมีความคืบหน้าแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงรีบรับสายทันที

วิดีโอคอลถูกรับ ตู้เจิ้นหัวก็ยิ้มตาหยี่ถามว่า “อหยุเอ่ย กำลังทำอะไรอยู่?”

ซูจือหยูรีบกล่าวว่า “กำลังเตรียมจะกินข้าวพอดีเลยค่ะคุณตา คุณตาล่ะคะ?”

ตู้เจิ้นหัวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ตากินเสร็จแล้ว”

ใดๆ กับเขา”

กล่าวจบ ก็ถามอีกว่า “แม่หลานกับพี่ชายหลานล่ะ?”

ซูจือหยูรีบหันกล้องวิดีโอทันที ถ่ายเข้าไปให้เห็นแม่กับพี่ชาย แล้วกล่าวว่า “แม่กับพี่ก็อยู่ค่ะ จริงสิ คุณตาคะ คุณตาให้อาจารย์คนนั้น
ช่วยทำนายให้หรือยั่ง?”

ตู้เจี้นหัวพยักหน้า กล่าวว่า “ทำนายให้แล้ว”

ซูจือหยูถามอย่างยากจะปิดบังความตื่นเต้นไว้ได้ “จริงเหรอคะ? อาจารย์คนนั้นได้ให้เบาะแสอะไรที่แน่ช้ดบ้างไหมคะ?”

ตู้จิ้นห้วลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็ถนหายใจอกมาเขาๆ แล้วกล่าวว่า “อหยูเอ่ย อาจารย์ล่ายช่วยเสี่ยงทายให้หลานแล้ว แต่แผนภาพเสี่ยงทาง
บ่งชี้ว่าคนคนนี้ที่หลานต้องการตามหา ดวงชะตาสูงส่งมาก อีกทั้งยังแข็งมากด้วย ดังนั้นแม้แต่อาจารย์ล่ายก็ยังมองไม่เห็นเบาะแสที่เกี่ยวข้อง
“หา?” ซูจือหยูพูดด้วยความผิดหวังสุดแสน “คุณตาคะ ไหนคุณตาบอกว่าอาจารย์ล่ายยอดเยี่ยมมากไม่ใช่หรือ? ทำไมเบาะแสนิดหน่อยก็
หาออกมาไม่ได้ล่ะคะ?”

ตู้จิ้นหัวอธิบายว่า “ไม่ใช่หบาะแสไม่เจอ แต่เป็นมองเห็นไม่ซ้ด ต่อให้เป็นอาจารย์ล่าย ดวงชะตาก็ยั่งด้อยกว่าคนผู้นั้นที่หลานต้องการ
ตามหาระดับหนึ่ง”

ซูจือหยูกล่าวขึ้นด้วยความขัดเคืองเป็นอย่างมาก “ด้อยกว่าหนี่งระดับสูงกว่าหนึ่งระดับอะไรกัน หนูว่าอาจารย์ล่ายคนนั้นก็แค่หาเบาะแส
ไม่เจอ ดังนั้นถึงได้หาเหตุผลให้รอดตัวเท่านั้นเอง”

ตู่ให่ซิงรีบร้อนกล่าวว่า “จื่อหยู อย่าเสียมารยาท!”

ซูจือหยูพูดโพล่งออกมาว่า “แม่คะ หรือว่าที่หนูพูดมาไม่ใช่ความจริง? อจารย์ล่ายคนนั้นสืบได้ก็บอกว่าสืบได้ สืบไม่ได้ก็บอกว่าสืบไม่ได้
สิ ไม่ต้องพูดอะไรสูงกว่าด้อยกว่านี่หรอก ก็แค่หาข้ออ้างมาปิดบังความไร้สามารถของตัวเองไม่ใช่เหรอ?”

ซูจือเฟยที่อยู่ด้นข้างเอ่ยปากกล่าวว่า “จือหยู เธอก็ไม่เห็นต้องพูดจารุนแรงขนาดนี้เลย หากเป็นพวกสิบแปดมงกุฎเหล่านั้นจริง จะต้อง
ไม่มีทางบอกเธอว่าเขามองเห็นไม่ซ้ดหรอก เขาแค่พูดจาคลุมเครื่อให้เธองหรือคำพูดค่ที่ไร้หลักฐานก็ยั่งได้

“อย่างเช่นเธอต้องการหาคน เขาก็อาจจะชักแม่น้ำทั้งห้มาพูดกับเธอ ว่าคนที่เธอต้องการตามหาอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จากนั้นที่
เหลือก็ให้เธอไปหาเอาเอง่ ส่วนเธอจะหาเจอหรือไม่ ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเขาแล้ว”

“ซึ่งอาจารย์ล่ายคนนี้ในเมื่อเขาสามารถพูดว่ามองเห็นไม่ซัดได้ อย่างนั้นฉันก็เชื่อว่านี่ไม่ใช่ข้ออ้างอะไรอย่างแน่นอน”

แม้ซูจือหยุจะไม่เชื่อเรื่องเช่นนี้ แต่เวลานี้ก็ไม่อยากโต้เถิยงกับคนอื่นมากเกินไปเช่นกัน จึงได้แต่พูดอย่างฉุนๆ ว่ “ในเมื่อแม้แต่อาจารย์
ล่ายคนนี้ก็ยังมองเห็นไม่ช้ด งั้นหนูก็จะอาศัยตัวเองค่อยๆ ตามหาต่อแล้วกัน!”

เวลานี้ตู้เจิ้นหัวจึงรีบร้อนกล่าวว่า “จื่อหยูเอ่ย หลานฟังตาแนะนำสักประโยค คนผู้นี้อย่าตามหาอีกเลย”