ลี่เหิงเสีย

ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด มรรควิถีทั้งตัวแกร่งกล้าหาใดเปรียบ เทียบกับหนานเทียนเจิงแล้วไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร พลังต่อสู้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

พริบตาแรกที่สังเกตเห็นว่าไม่เข้าทีเขาก็โคจรพลังปราณ หมายเค้นมรรควิถีทั้งหมดเพื่อป้องกันตามจิตใต้สำนึก

ทว่าพริบตานี้เอง กำปั้นหนึ่งซัดมาดุจคีรีเทพจากฟากฟ้า มรรควิถีทั้งตัวและสมบัติป้องกันของเขาถึงกับระเบิดกระจุยในพริบตาราวกระดาษเปื่อย!

เมื่อลี่เหิงเสียคิดหลีกหลบก็ไม่ทันท่วงทีแล้ว มองดูหมัดนั้นซัดมาตาปริบๆ

ปัง!

ศีรษะ ลำคอ หน้าอกของเขา… ถูกหมัดนี้บดขยี้ด้วยอานุภาพทำลายล้างรุนแรงดุจเส้นตรง พลังหมัดชวนประหวั่นทำให้ฝนโลหิตที่สาดพรมของเขาระเหยหาย

ลี่ชิงปี้

มกุฎมหาจักรพรรดิเหมือนลี่เหิงเสีย แต่ปราณบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ของระดับจักรพรรดิขั้นแปดแล้ว ถูกมองเป็นไข่มุกของตระกูลลี่ ได้รับการยกย่องจากบุคคลรุ่นอาวุโสในตระกูล คิดว่าด้วยมรรควิถีของนาง ย่อมมีหวังในการไปชิงจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคบรรลุมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิมากที่สุด

พริบตาแรกที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน นางอาศัยสัญชาตญาณรับรู้อันตราย คิดหลีกหลบโดยไม่ลังเล

ทว่าห้วงอากาศรอบทิศนั้นกลับเผยปราณกระบี่นับไม่ถ้วน ถึงขั้นแน่นขนัดขึ้นฉับพลัน ปกคลุมร่างสูงโปร่งที่สง่างามไร้เทียมทานนั้นของนางอย่างมืดฟ้ามัวดิน

ตูม!

ท่ามกลางเสียงกึกก้องราวอสนีบาตของปราณกระบี่ ลี่ชิงปี้ถูกปราณกระบี่นับไม่ถ้วนฟาดฟัน ไม่เหลือซากเหมือนถูกแล่เนื้อเถือหนังอย่างทารุณที่สุด

ลี่โยวถง

อีกแค่ก้าวเดียวก็เป็นบรรพจารย์ขั้นเก้าที่ครอบครองมหามรรคอันสมบูรณ์ได้ เขาสวมหมวกเกราะจักรพรรดิที่อัศจรรย์เกินคาดเดา พลังป้องกันชวนตะลึงหาใดเปรียบ

แต่กลับถูกเตาหลอมหนึ่งซัดจนยับเยินในพริบตา หมวกเกราะจักรพรรดิระเบิดกระจุย แม้แต่ตัวคนก็วิญญาณแตกซ่านพร้อมกัน

นอกจากนี้ในที่นั้นยังมีคนตระกูลลี่อีกสามคนทยอยตายอนาถ บ้างถูกปราณกระบี่สังหาร บ้างถูกประทับฝ่ามือซัดกระจาย บ้างถูกพลังหมัดกวาดล้าง…

ทั้งหมดนี้แทบจะเกิดขึ้นพร้อมกัน

เร็วเกินไปแล้ว!

เกือบจะพร้อมๆ กับตอนที่พวกลี่เฮิ่นสุ่ยสังเกตเห็นความผิดปกติ เคราะห์สังหารที่มาอย่างกะทันหันนี้ก็ปะทุฉับพลัน ซ้ำยังน่ากลัวถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ

การตอบสนองของลี่เฮิ่นสุ่ยก็ไม่ได้ช้า แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแค่จัดการร่างแยกคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมถึงเกิดเคราะห์สังหารร้ายกาจกะทันหันเช่นนี้ได้

เพียงชั่วขณะก็ถูกซัดจนรับมือไม่ทัน!

เวลานี้เขาเพิ่งเห็นอย่างชัดเจน ร่างแยกมหามรรคของหลินสวินในการคาดเดา ไม่ได้มีแค่คนเดียว

หากแต่มีถึงสี่คน!

ทั้งคนหนึ่งในนั้นที่เตากระบี่ลอยเหนือศีรษะก็เห็นชัดว่าไม่ใช่ร่างแยก แต่เป็นร่างต้นของหลินสวิน!

“บัดซบ ถูกหลอกแล้ว!”

ลี่เฮิ่นสุ่ยหน้าดำทะมึน ดวงตาปูดโปน ส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์ที่กำลังเดือดดาลตัวหนึ่ง จู่โจมไปทางร่างต้นของหลินสวิน

ตูม!

เขาสะบัดขวานยักษ์หนึ่งจั้งเศษในมือ ก่อให้เกิดแสงมรรคกฎเกณฑ์ซ้อนสลับนับหมื่นราวเบิกฟ้า อานุภาพบรรพจารย์จักรพรรดิที่น่าหวาดกลัวทำให้ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือนไร้ระเบียบ ห้วงอากาศทรุดทลาย

ตึง!!

ร่างต้นของหลินสวินใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งต้านทาน กระเทือนจนเงาร่างลี่เฮิ่นสุ่ยซวนเซ

ลี่เฮิ่นสุ่ยหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง สุดท้ายจึงเข้าใจว่าทำไมในศึกครองสังเวียนนั้น ผู้แข็งแกร่งอย่างหนานหย่งเชียงถึงถูกหลินสวินสังหาร

พลังต่อสู้ของเจ้าหมอนี่บรรลุถึงขั้นสั่นคลอนและกำราบบรรพจารย์จักรพรรดิได้ดังคาด เย้ยฟ้าเกินไปแล้ว!

“อ๊าก…!”

“ไม่!”

พริบตานี้เสียงร้องโหยหวนสองสายดังขึ้นติดต่อกันแต่ไกล คนตระกูลลี่สองคนถูกสังหารอีกครั้ง นอนตายเกลื่อนกลาด

ความจริงยามนี้ในที่นั้นอลหม่านไปทั้งแถบแล้ว เหล่าคนตระกูลลี่ถูกโจมตีจนนองเลือดชวนประหวั่นเช่นนี้ แม้ตอบสนองรวดเร็ว แต่มีหรือจะกำราบความดุดันของหลินสวินได้

ต้องรู้ว่าทุกร่างแยกของเขาสร้างขึ้นใหม่จากคัมภีร์เตาหลอมมหามรรค ตอนนี้อานุภาพที่มี เทียบกับร่างต้นแล้วไม่ด้อยไปกว่ากันสักนิด

ทั้งช่วงแรกที่ลงมือ ร่างต้นอย่างหลินสวินกับร่างแยกพวกนี้ก็เค้นพลังต่อสู้ถึงขีดสุด ปลดปล่อยพลังอย่างสมบูรณ์โดยไม่เก็บงำแม้แต่น้อย

อานุภาพเช่นนั้นมีหรือจะธรรมดา

จนถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปเพียงชั่วขณะ คนตระกูลลี่ก็สิ้นชีพไปเก้าคนแล้ว!

ต้องรู้ว่าเดิมทีเหล่าคนตระกูลลี่มีแค่สิบเก้าคน หรือกล่าวได้ว่า เพียงชั่วขณะตระกูลลี่ก็บาดเจ็บล้มตายไปเกือบครึ่ง!

เหตุการณ์นองเลือดต่างๆ เหมือนเงามืดแห่งความตายปกคลุมทั้งที่นั้น กวาดล้างชีวิตไม่หยุด กระตุ้นจนคนตระกูลลี่ที่เหลืออยู่นั้นคำรามอย่างต่อเนื่องราวกับคลุ้มคลั่ง

บรรยากาศก็อลหม่านเป็นอย่างยิ่ง

มีคนวางแผนหลบเลี่ยงไปให้ไกล คิดหนีจากสถานการณ์ที่ถูกกำราบไม่หยุดเช่นนั้น แต่กลับจบลงด้วยความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

ร่างแยกทั้งสามของหลินสวินก็เหมือนกระบวนค่ายกลสามมุม อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาสยบเหล่าคนตระกูลลี่ในที่นั้นได้อย่างสมบูรณ์ ไม่อาจทำให้พวกเขาพลิกสถานการณ์ได้ในเวลาอันสั้น

มีคนใช้ไพ่ตายโดยไม่ลังเล เผยพลังเจตจำนงชวนประหวั่นของระดับอมตะ บีบอัดจนฟ้าดินแถบนี้มีสัญญาณว่าจะดับสลาย

แต่ยังไม่รอให้พลังเจตจำนงนี้สำแดงอานุภาพ ก็ถูกคมดาบสนิมเขรอะท่อนหนึ่งแหวกผ่า แตกระเบิดกลายเป็นละอองแสงทั่วฟ้า

ดาบนี้มาจากตระกูลหนาน เดิมเป็นศาสตรามรรคอมตะ แม้จะเสียหายสาหัสแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นสมบัติลับที่พลังสังหารร้ายกาจชิ้นหนึ่ง

แต่ดาบนี้ก็ดับสลายไปในเวลาเดียวกัน สุดท้ายก็เป็นสมบัติที่ชำรุดอย่างหนัก พลังที่สั่งสมมีจำกัด

เมื่อเห็นภาพทั้งหมดนี้ นัยน์ตาลี่เฮิ่นสุ่ยที่กำลังห้ำหั่นกับร่างต้นของหลินสวินฉายแววคลุ้มคลั่ง

“โอม!”

ฝ่ามือลี่เฮิ่นสุ่ยสาดแสงทองส่องประกายหาใดเปรียบฉับพลัน

เมื่อมองอย่างละเอียด นั่นกลับเป็นรูปปั้นไม้หนึ่งที่สูงไม่เกินครึ่งฉื่อ นั่งอยู่บนเมฆมงคล รูปปั้นเทพนั่งขัดสมาธิ ใบหน้าเหี่ยวย่น คล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม เหมือนร้องไห้แต่ไม่ได้ร้องไห้ สองมือประสานตรงช่วงท้อง ทำมุทราโบราณแปลกประหลาด

แสงทองส่องประกายไร้สิ้นสุดพุ่งออกมาจากรูปปั้นเทพนี้เอง แฝงกลิ่นอายอมตะที่เจิดจรัสไร้ขอบเขต ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศเคร่งขรึมและลึกลับ

ร่างต้นและร่างแยกทั้งสามของหลินสวินที่กำลังห้ำหั่นกับศัตรูตัวแข็งทื่อพร้อมกัน สัมผัสได้ถึงความอันตรายร้ายแรง

ไม่ต้องสงสัยว่ารูปปั้นเทพที่ถูกลี่เฮิ่นสุ่ยเรียกออกมายามนี้ก็คือไพ่ตายที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งชิ้นหนึ่ง เต็มไปด้วยพลังที่เหมือนสิ่งต้องห้าม!

เวลานี้เหล่าคนตระกูลลี่กลับถอนใจโล่งอกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย นัยน์ตาฉายแววเร่าร้อน เหมือนมั่นใจในตัวรูปปั้นเทพนั้นอย่างที่สุด

เมื่อลี่เฮิ่นสุ่ยท่องคาถาประหลาดลึกลับบทหนึ่งออกมา พลังทั้งตัวเขาก็ถูกรูปปั้นเทพในมือนั้นดูดไปอย่างบ้าคลั่ง

แสงอมตะเจิดจ้าที่แผ่คลุมรอบรูปปั้นเทพส่องประกายยิ่งกว่าเดิมแล้ว กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาก็น่ากลัวยิ่งขึ้น

มองเห็นได้รางๆ ว่านัยน์ตาที่ปิดสนิทของรูปปั้นเทพนั้นเหมือนจะลืมตาขึ้น!

ตูม!

หลินสวินกระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งโดยไม่ล่าช้า วางแผนจะขัดขวางทุกอย่างนี้

แต่พร้อมกับเสียงกัมปนาทอึกทึกสนั่นหู เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถึงกับถูกแสงอมตะสีทองที่รูปปั้นเทพนั้นปลดปล่อยออกมาซัดถอยหลัง ไม่อาจเข้าใกล้ได้อย่างสิ้นเชิง

“เจ้าสวะ ได้ตายด้วยร่างทองอมตะที่บรรพบุรุษตระกูลข้าเหลือไว้ เจ้าก็ตายตาหลับแล้ว!”

สีหน้าลี่เฮิ่นสุ่ยดูคลุ้มคลั่ง กลิ่นอายทั้งตัวเขาพลุ่งพล่าน พลังทั้งหมดถูกรูปปั้นที่เรียกว่า ‘ร่างทองอมตะ’ นั้นดูดกลืนเหมือนแม่น้ำใหญ่

ร่างต้นของหลินสวินโบกมือซัดยันต์หยกแผ่นหนึ่งออกไป พริบตานั้นมายาทวนศึกที่พันรอบด้วยกลิ่นอายอมตะเล่มหนึ่งออกมาพร้อมเสียงครวญ

สิ่งที่ประทับอยู่ในนั้นก็คือกลิ่นอายของทวนหมื่นมายา!

เหมือนดาบสนิมเขรอะเล่มก่อนหน้านั้น นี่เป็นไพ่ตายอย่างหนึ่งที่มาจากตระกูลหนานเช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินใช้ออกมา

ทว่า…

พร้อมกับเสียงกัมปนาท มายาทวนศึกเล่มนี้ถึงกับถูกแสงมรรคสีทองเจิดจ้านั้นขวางกั้น จากนั้นก็ระเบิดออกทุกกระเบียดจนสลายหายไป

นัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด

การโจมตีที่พอจะสร้างภัยคุกคามร้ายแรงต่อบรรพจารย์จักรพรรดินี้ กลับไม่อาจสั่นคลอนรูปปั้นร่างทองอมตะนั้นได้!

“ฮ่าๆๆ เปล่าประโยชน์ ต่อให้ดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์!” ลี่เฮิ่นสุ่ยหัวเราะลั่น แฝงความคลุ้มคลั่ง

เหล่าคนตระกูลลี่ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา

ความจริงรูปปั้นเทพนี้เป็นศพบรรพบุรุษระดับอมตะคนหนึ่งของตระกูลพวกเขา ได้รับการกล่าวขานว่าหมื่นเคราะห์ไม่ทลาย มีอานุภาพน่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง

ไพ่ตายทั่วไปไม่อาจสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย!

ตูม!

รูปปั้นนั้นเหมือนรวบรวมพลังได้เพียงพอ เปล่งแสงอมตะสีทองราวกับทะลวงขึ้นเหนือเมฆฉับพลัน ม้วนกลืนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน เจิดจรัสไร้ขอบเขต

นัยน์ตาที่ปิดสนิทของรูปปั้นนั้นไหวสั่นเบาๆ ลืมตาขึ้นอย่างเนิบช้า…

อานุภาพน่ากลัวที่ไม่อาจบรรยายอบอวลตามมา บีบกดจนเวิ้งฟ้าแถบนี้สั่นสะเทือนไร้ระเบียบ สรรพสิ่งล้วนมีสัญญาณว่าจะดับสลาย

ภาพนั้นทำให้เหล่าคนตระกูลลี่สั่นไปทั้งตัว จิตใจปั่นป่วน ราวกับเห็นบรรพบุรุษในตระกูลพวกเขาตื่นขึ้นมาหลังจากผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด ปรากฏตัวบนโลกอีกครั้ง!

และในตอนนี้เอง

หลินสวินพลันยิ้มกล่าว “หลังจากวันนี้ไป สมบัตินี้จะเป็นทรัพย์หลังศึกของข้าหลินสวิน”

น้ำเสียงยังดังสะท้อน

เพียงพริบตาเวลากลับเหมือนชะงักค้างและถูกแช่แข็ง ฟ้าดินหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

แน่นอนว่านี่คืออภินิหารหยุดเวลา!

พริบตานี้หลินสวินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าลี่เฮิ่นสุ่ยแล้วซัดฝ่ามือหนึ่งออกไป

ปึง!

ลี่เฮิ่นสุ่ยที่ถูกรูปปั้นนั้นดูดพลังทั้งตัวไปก่อนแล้ว ถูกซัดจนร่างระเบิดแหลกราวกระดาษเปื่อยยุ่ย

ขณะเดียวกันเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปกคลุมลงมา กำราบรูปปั้นนั้นไว้ภายใน ดวงตาที่เดิมลืมตาขึ้นครึ่งหนึ่งของมันล้วนปิดสนิทใหม่อีกครั้งในยามนี้…

ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

เมื่อเหล่าคนตระกูลลี่ได้สติกลับมา ก็เห็นภาพที่ร่างกายลี่เฮิ่นสุ่ยระเบิดกระจาย ฝนโลหิตสาดพรม ทั้งเห็นภาพที่รูปปั้นเทพนั้นถูกหลินสวินใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเก็บไป

“ไม่…!”

พวกเขาต่างตะโกนร้องเสียงหลงออกมาเหมือนถูกฟ้าผ่า แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ แทบคลั่งราวสูญพ่อสิ้นแม่

นี่จะพลิกผันเกินไปแล้ว ราวกับฝันไป

เพียงพริบตาทุกอย่างล้วนพลิกกลับ!

ภาพที่ร่างทองอมตะนั้นสำแดงอานุภาพสังหารหลินสวินอย่างง่ายดายในการคาดเดาของพวกเขาก็ดับสลายตามไป ไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว…

ขณะเดียวกันหลินสวินกลับยกภูเขาออกจากอก รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว

กลิ่นอายที่รูปปั้นนั้นปลดปล่อยออกมาก่อนหน้านี้เหมือนคมดาบจ่อคอหอย ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามร้ายแรงเช่นกัน

ไม่ต้องสงสัยสักนิด หากให้อานุภาพของรูปปั้นนั้นปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ เกรงว่าคงฆ่าเขาหลินสวินได้อย่างง่ายดายในพริบตาแน่

ยังดีที่ทุกอย่างนี้ถูกอภินิหารหยุดเวลาขัดขวาง ไม่ให้เปิดฉากขึ้นอย่างแท้จริง

ไม่มีเวลาร่ำไร

ร่างต้นของหลินสวินกระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจู่โจมไปทางคนตระกูลลี่พวกนั้น

แต่ที่เร็วกว่าเขาคือร่างแยกทั้งสามนั่น ระหว่างที่คนตระกูลลี่พวกนั้นตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี ก็ฉวยโอกาสโจมตีเต็มกำลัง

ครั้งนี้หลินสวินไม่คิดปล่อยให้คนตระกูลลี่หนีไปได้สักคน!

…………………..