บทที่ 2204
“แต่ว่า ตอนนี้คุณแม่พูดเด็ดขาดขนาดนี้ ด้วยนิสัยของคุณแม่ ถึงแม้ปกติจะอ่อนโยนใจดี แต่ว่าถ้าคุณแม่ตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่มีโอกาส
เปลี่ยนใจเด็ดขาด……”
“เพราะฉะนั้น ถ้าฉันเอาแต่ดื้อจะตามหาผู้มีบุญคุณต่อ คุณแม่ต้องทำตามอย่างที่พูด แล้วส่งฉันไปอเมริกา……
“ถึงเวลา ฉันอยู่อเมริกา ห่างกับในประเทศไกลขนาดนั้น อยากจะตามหาผู้มีบุญคุณก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้……
“เพราะฉะนั้น ฉันเลยต้องพูดโกหกกับคุณแม่ก่อน……จากนั้นก็ค่อยแอบไปตามผู้มีบุญคุณอย่างลับๆ ต่อ……”
ตู่ให่ชิงไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจลูกสาวกำลังคิดอะไรอยู่ ได้ยินแค่ว่าเธอตอบตกลงที่จะไม่ตามหาแล้ว ในใจจึงรู้สึกโล่งอก
เพราะฉะนั้น เธอจึงหันไปหาซูจือเฟย พร้อมพูดอย่างจริงจังว่า “จือเฟย ที่ลูกชื่อจือเฟย ก็เพราะอยากให้ลูกเป็นคนที่แยกแยะเป็น ความ
สำคัญของเรื่องน้องสาวลูก เมื่อกี้แม่พูดกับลูกๆ ชัดเจนแล้ว เพราะจะนั้นเพื่อความปลอดภัยของน้อง ลูกต้องจำไว้ว่า ห้ามแอบหาคนช่วยเหอ
น้องเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
พอซูจือเฟยได้ยิน จึงรีบเอ่ยว่า “คุณแม่ไว้ใจเถอะครับ ในใจผมเคารพนับถือวัฒนธรรมหัวเชี่ยอยู่แล้ว ในเมื่ออาจารย์พูดขนาดนี้ ผมก็จะ
ไม่ช่วยเหลือจือหยูเต็ดขาดครับ!”
สิ่งที่ซูจือเฟยพูดคือความในใจจริงๆ
คนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน เพราะได้รับผลกระทบจากวัฒธรรมตะวันตก จึงทำการดูหมิ่นวัฒนธรรมหัวเชี่ย แล้วสิ่งที่โดนดูหมิ่นมากที่สุด ก็คือ
แพทย์แผนจีนโบราณ
ตอนที่ซูจือเฟยยังเป็นวัยรุ่น ก็เคยมีความอคติกับแพทย์แผนจีน รู้สึกว่าแพทย์แผนจีนไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แล้วไม่มีเคสผู้ป่วย
ด้วย
แต่ว่าปีนั้นที่เขาอายุสิบเก้า เขามีไข้ติดต่อกันมาเป็นเตือน ตรวจเซ็กร่างกายทุกอย่างในโรงพยาบาลแล้ว พร้อมกับลองยาปฏิชีวนะมาจน
ครบ แต่ก็ไม่เห็นผลอะไรเลย
สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ครอบครัวจึงพาไปหาแพทย์ชื่อดังคนหนึ่ง พอแพทย์คนนั้นตรวจเช็กให้ขาแล้ว บอกว่าในร่างกายเขามีความชื้น จึง
ทำการฝั่งเข็มให้เขาเลย จากนั้นก็มยาให้เขา พอกินยาแล้วก็หายเลยทันที
ตั้งแต่ตอนนั้นป็นตันมา ซูจือเฟยก็เข้าใจว่า บางอย่างที่สามารถดำรงอยู่ได้ ต้องมีความหมายของมันอยู่แล้ว
แพทย์แผนจีนดำรงอยู่พร้อมกับฒธรรน แล้วอยู่มานิ่นนานถึงห้พันปี ความรู้ในนั้น เป็นสิ่งที่เด็กอย่างเขาสามารถเอ่ยปฏิเสธได้เห
รอ?
เพราะฉะนั้น ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เขาจึงเคารพวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมามากขึ้น
สำหรับอี้จิงปากั้ว ก็ต้องเหมือนกันอยู่แล้ว
พอซูจือหยูได้ยินแบบนี้ ในใจจึงยิ่งสิ้นหวังกว่าเดิม
เธอรู้ ถ้าแม้แต่พี่ชายก็ไม่ช่วยตัวเอง งั้นตัวเองก็จะไม่มีที่พึ่งพิง สถานการณ์แบบนิ้ ตัวเองจะยังมีโอกาสตามหาผู้มีบุญคุณเจออีกเหรอ?
ตั้งแต่ที่ถูกช่วยเหลือที่ญี่ปุ่นจนถึงตอนนี้ ทุกวันเธอก็จะนึกถึงเยเฉิน นึกถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ตัวเองถูกช่วยเหลือตอนนั้น
พูดได้เลยว่า สำหรับเธอ เย่เฉินอยู่ในกันบึ้งหัวใจแล้ว
เพราะฉะนั้น ถึงแม้จะเป็นแมลงที่บินเข้าหากองไฟจริงๆ ในใจเธอก็ไม่อยากล้มเลิกความคิด
ฟันใดนั้น ตู่ห่ชิงมองซูจือหยู แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่ “จือหยู แม่อยากอยู่จินหลิงสักระยะ ระหว่างนี้ ลูกก็อยู่กับแม่ที่จินหลิง ห้าม
ไปที่ไหนเด็ดขาด!”