เท้าข้างหนึ่งของชายชุดดำยังเหยียบตัวเซี่ยงเสี่ยวหยวนไว้อย่างแน่นหนา แต่สีหน้าอบอุ่นนั้นเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาแล้ว
โดยเฉพาะตอนที่ถูกสายตาของหลินสวินจับจ้อง ความหยามเหยียดและเย็นชาโดยไร้สุ้มเสียงนั้น ทำให้ศักดิ์ศรีในใจชายชุดดำรู้สึกถึงการถูกท้าทายโดยตรงอย่างที่สุด
หญิงสาวชุดกระโปรงที่มือถือม้วนตำราซีดจาง ท่าทางสง่างามสุขุมด้านข้างกล่าว “จากมุมมองของข้าคิดว่าควรถอยสักก้าว ยอมยุติเรื่องราวเถอะ”
ชายชุดดำมุมปากกระตุกเล็กน้อย ยิ้มขื่นกล่าว “คุณหนูใหญ่ อย่ามาสั่นคลอนขวัญกำลังใจกันตอนนี้ได้ไหม”
เขาใช้สองมือนวดใบหน้า จากนั้นก็ถอนหายใจยาว เมื่อมองหลินสวิน นัยน์ตาเขาเปลี่ยนเป็นเฉียบคมดุจปลายดาบเยียบเย็นแล้ว มีไอสังหารชวนประหวั่นพลุ่งพล่านอยู่ในดวงตาเหมือนวังน้ำวน
หญิงสาวชุดกระโปรงส่ายหัวอย่างจนปัญญา ไม่ได้พูดมากความอีก มองออกว่าถ้าไม่ให้ชายชุดดำข้ามหลุมนี้ไป เกรงว่าสภาวะจิตคงเกิดปัญหาแน่
จิตแห่งการฝึกปราณ เปราะบางยิ่งเสมอ
โดยเฉพาะผู้ฝึกปราณบางส่วนที่ ‘สังหารเด็ดขาด กล้ามองไปเบื้องหน้า’
แม้ดูเหมือนเป็นการถอยเพื่อยอมยุติเรื่องราว แต่สิ่งนี้มีโอกาสสูงว่าจะหมายถึงความหวาดกลัว สามารถทำลายเจตจำนงที่เคี่ยวกรำมานานปีของพวกเขาได้
โดยเฉพาะการยอมถอยเมื่อไม่ได้ลงมืออย่างแท้จริง ภายหน้ายามฝึกปราณ เมื่อไหร่ก็ตามที่นึกถึงเรื่องนี้ เกรงว่าคงคับแค้นฝังใจ กลายเป็นปราการใจอย่างหนึ่ง
ดังนั้นหญิงสาวชุดกระโปรงจึงไม่โน้มน้าวมากนัก ทำตามใจปรารถนาก็ดี จิตใจแข็งแกร่งดุจเหล็กไม่อาจทำลายได้ก็ช่าง สุดท้ายสภาวะจิตมหามรรคของแต่ละคนล้วนไม่เหมือนกัน
“ด่านนี้เจ้าจำเป็นต้องผ่านไป” ชายชุดดำเอ่ยปาก เผยรอยยิ้มอบอุ่นดุจลมวสันต์ไปทางหลินสวิน
อานุภาพทั้งตัวเขาล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง หนักแน่นดังภูผา มุ่งมั่นดุจคมดาบ แม้แต่รอยยิ้มดุจลมวสันต์นั้นก็เก็บซ่อนคมประกายทั้งตัวเขาไม่อยู่
หลินสวินเห็นอยู่ในสายตา สีหน้าเรียบเฉย แค่ชี้เซี่ยงเสี่ยวหยวนที่ถูกชายชุดดำเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าพลางกล่าว “หากนางเกิดเรื่อง ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่ตายดี”
ประโยคเดียวเรียบง่าย แต่ความหมายในคำพูดกลับทำให้ชายชุดดำอดหลุดขำไม่ได้ “วางใจเถอะ ข้าสุ่ยฉางจิ้งฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ไม่เคยใช้วิธีอื่นข่มขู่คู่ต่อสู้ยามประลอง”
คำพูดแฝงความเชื่อมั่นในมรรควิถีแห่งตนอย่างยิ่ง
เขายกปลายเท้าขึ้น เซี่ยงเสี่ยวหยวนถูกเตะลอยไปทางหลินสวิน
หลินสวินยื่นมือเตรียมรับตัวเซี่ยงเสี่ยวหยวน เวลานี้เงาร่างสุ่ยฉางจิ้งหายไปจากจุดเดิมกะทันหัน ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหลินสวิน กำหมัดแล้วซัดออกไปทันที
ตูม!
หมัดนี้พร่างพรายสะดุดตา เต็มไปด้วยความอัศจรรย์แห่งมหามรรคถึงขีดสุด นัยเร้นลับแห่งมหามรรคนานัปการหลอมรวมอยู่ภายใน ซัดหมัดออกมาดุจวิถีฟ้าบีบกดลง
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ มือซ้ายรับตัวเซี่ยงเสี่ยวหยวนไว้ทันที มือขวาวาดเป็นวงเหมือนรำมวย แต่กลับเผยลักษณ์แห่งเหวลึกที่ประหนึ่งสลัวรางไร้นาม
เสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดินพลันสะท้อนก้อง ห้วงอากาศใกล้เคียงพังครืนดังโครมคราม พื้นดินแตกระแหงดินโคลนกระจาย จากนั้นภูผาธาราไร้ขอบเขตใกล้เคียงล้วนพังทลายทันใด เศษหินและต้นไม้นับไม่ถ้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน
เงาร่างหลินสวินถอยไปก้าวหนึ่ง
แต่ไม่รอให้ยืนมั่น หมัดที่สองของชายชุดดำก็พุ่งโจมตีเข้ามาแล้ว เร็วดุจอสนีบาตสะเทือนเก้าสวรรค์ กฎเกณฑ์มหามรรคที่พลุ่งพล่านถาโถมอยู่ในพลังหมัดราวน้ำตก ในความรางเลือนเหมือนมีมายาทวยเทพพุ่งออกมาจากพลังหมัดนั้นพร้อมกัน ต้องการจะดับโลกา
หมัดนี้ไร้เทียมทานหาใดเปรียบ!
แม้แต่หญิงสาวชุดกระโปรงที่อยู่ห่างไปยังลอบพยักหน้าอย่างอดไม่ได้
ท่ามกลางเสียงปะทะอึกทึกสนั่นหู หลินสวินถูกซัดจนถอยไปอีกก้าว เขาที่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำในหมัดแรก ถูกชายชุดดำฉวยโอกาส กอปรกับมือซ้ายยังต้องปกป้องเซี่ยงเสี่ยวหยวน จึงเปลี่ยนเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างมากโดยปริยาย
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น หลังจากหลินสวินต้านหมัดร้ายกาจนี้ได้ก็ทำให้ชายชุดดำผิดคาดอยู่บ้าง ในการคาดเดาของเขา ต่อให้อานุภาพหมัดนี้ไม่อาจฆ่าหลินสวินได้ แต่จะซัดเขาจนบาดเจ็บก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ทว่าสถานการณ์นี้กลับไม่ปรากฏ
นี่ทำให้ชายชุดดำรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินยิ่งกว่าเดิม เขาที่แย่งชิงโอกาส ซัดหมัดที่สาม ที่สี่ ที่ห้าออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
แต่ละหมัดล้วนมีอานุภาพสั่นคลอนนภา ทำลายภูผาธารา สามารถทำให้เหล่ามกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดบนโลกล้วนสิ้นหวัง ต้านทานไม่อยู่
ด้วยชายชุดดำโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่รอให้อานุภาพของแต่ละหมัดถูกสลายจนหมด หมัดต่อไปก็พุ่งโจมตีเข้ามาอีก ราวกับคลื่นทะเลที่ซ้อนทับไม่หยุด กองพะเนินชั้นแล้วชั้นเล่า ซ้อนกันอย่างต่อเนื่อง อานุภาพก็ยกระดับขึ้นไม่หยุด!
ภายใต้การโจมตีที่รวดเร็วรุนแรงและชวนประหวั่นเช่นนี้ เงาร่างของหลินสวินถูกสั่นคลอนไม่หยุด ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ใต้หล้าฟ้าดินใกล้เคียงล้วนจ่อมจมและแตกระเบิด กลายเป็นภาพชวนประหวั่นราวกับจะทำลายล้างโลก
พลังหมัดไร้ใดเปรียบเคลื่อนกวาดแผ่กระจาย ถึงขั้นทำให้คนหลงคิดไปว่าฟ้าพลิกดินตลบ
กระทั่งซัดหมัดที่เก้าออกมา อานุภาพที่ซ้อนทับยกระดับไม่หยุดนั้นบรรลุถึงขั้นสะเทือนใต้หล้าแล้ว ทำให้เก้าสวรรค์ต่างตระหนก ทำให้สรรพสิ่งล้วนพังทลาย!
เคล็ดวิชาคลื่นซ้อนเก้าชั้น!
นี่คือวิชาชั้นยอดที่ชายชุดดำครอบครอง ทุกหมัดก่อนหน้านั้นล้วนสั่งสมอานุภาพให้หมัดที่เก้านี้ สะสมพลังเพื่อปะทุในตอนท้าย นัยเร้นลับของพลังหมัดเก้าชั้นรวมตัวกัน ปลดปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวถึงชีวิตซึ่งไม่เคยมีมาก่อนออกมา!
“พ่ายไปซะ!” เวลานี้ประกายเฉียบคมวาบผ่านนัยน์ตาของชายชุดดำ เผยรอยยิ้มสดใสเจิดจรัส
ตูม!
พลังหมัดที่สั่งสมถึงขีดสุดระเบิดฉับพลันในเวลานี้
ราวกับภูเขาไฟแสนลูกปะทุพร้อมกันชั่วพริบตา พลังที่ปลดปล่อยออกมาปกคลุมฟ้าดินแถบนี้ไว้อย่างสมบูรณ์ กระแสปั่นป่วนชวนประหวั่นโหมกระหน่ำ ทุกจุดที่เคลื่อนผ่าน สรรพสิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน ทุกอย่างเหมือนต้านอานุภาพของหมัดนี้ไม่อยู่
ยามละอองแสงยังอบอวล แรงสะเทือนยังสืบเนื่อง เสียงราบเรียบหนึ่งพลันดังขึ้น
“เล่นพอหรือยัง”
รอยยิ้มสดใสดุจอาทิตย์ยามเช้าบนหน้าชายชุดดำชะงักค้างทันที ดวงตาเบิกโต ใจกระตุกวูบอย่างหนักหน่วงโดยไม่อาจระงับ
“ถึงคราวข้าลงมือแล้ว”
เสียงราบเรียบนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นว่าในละอองแสงโหมกระหน่ำล้นฟ้านั้น มีเงาร่างสูงตระหง่านหนึ่งก้าวมากลางอากาศ อาภรณ์สะบัดโบก ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ทั้งตัวอบอวลด้วยเงาแสงดุจเหวลึก ราวหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย
“นี่…” ในใจชายชุดดำรู้สึกตื่นตระหนกอย่างรุนแรง เป็นไปได้อย่างไร!
“ถอยเร็ว!” เสียงของหญิงสาวชุดกระโปรงนั้นดังขึ้นแต่ไกล
แต่ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว
ก็เห็นหลินสวินก้าวย่างไปตามตำแหน่งดวงดาว มาถึงหน้าชายชุดดำในพริบตาราวแสงสายหนึ่ง ตัดทำลายกาลนิรันดร์ ส่องประกายบนโลกหล้า เร็วถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ
เขาสะบัดมือออกไป
แค่ฝ่ามือเรียบง่ายแผ่วเบาเท่านั้น ไม่มีกลิ่นอายใดๆ แต่ชายชุดดำกลับเหมือนเจอศัตรูตัวฉากจ เผยศักยภาพแฝงของตนเต็มกำลัง เข้าปะทะอย่างแข็งกร้าว
ปึง!
ครู่ต่อมาเขาก็เหมือนมดเขย่าไม้ใหญ่ ถูกฝ่ามือหนึ่งตบกระเด็น ผมเผ้าสยายยุ่ง เงาร่างซวนเซ กระแทกห้วงอากาศจนทรุดทลาย
ไม่รอให้ยืนมั่น เงาร่างหลินสวินก็มาถึงก่อนแล้ว ยื่นมือคว้าข้อเท้าเขาไว้เหมือนหิ้วท่อนไม้หนึ่ง ก่อนจะกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง
ตึง!
พื้นดินล้วนถูกกระแทกจนเกิดรูโหว่ แตกระแหงสนั่นหวั่นไหว ท่ามกลางหมอกควันตลบอบอวล ชายชุดดำจมูกเขียวหน้าบวม ปากกระอักเลือด เขาร้องเสียงอึดอัด นัยน์ตาฉายแววเหี้ยมโหด คิดใช้วิชาลับเพื่อสลัดออกจากมือใหญ่ของหลินสวิน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงคือไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง มรรควิถีแห่งมกุฎที่เขาเคยถือเป็นความภาคภูมิใจ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินกลับไม่มีแรงต้านทานอย่างสิ้นเชิง
ครู่ต่อมาเขาถูกหลินสวินเหวี่ยงและทุ่มลงมาเต็มแรงอีกครั้ง ผิวแตกเลือดอาบในชั่วขณะเดียว กระดูกล้วนแตกหักไม่รู้กี่ท่อน
น่าอนาถเกินไปแล้ว!
หญิงสาวชุดกระโปรงที่อยู่ห่างไปยังหรี่ตาลง คล้ายไม่อาจทนมองอยู่บ้าง
“ใช้เท้าเหยียบผู้หญิงสนุกไหม”
หลินสวินถาม แววตาล้ำลึกเฉยชา ขณะกล่าวเขาสะบัดข้อมือ ชายชุดดำหัวทิ่มพื้นจนคอแทบหัก พื้นดินใกล้เคียงล้วนถูกสะเทือนจนทรุดตัวไปหมด แค่คิดก็รู้แล้วว่าพลังนั้นน่ากลัวระดับใด
ชายชุดดำใบหน้าไม่เหลือสภาพแล้ว สะบักสะบอมไปทั้งตัว เลือดสีสดไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ เบื้องหน้าพร่าเลือนเหมือนถูกอัดจนมึน ท่าทางอนาถเหลือเพียงลมหายใจรวยริน
ห่างออกไป เวลานี้ชิงเหมิ่งที่ถูกหลินสวินซัดกระดูกทั้งตัวแตกเป็นเสี่ยงอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ ตอนนี้ในแววตาดุดันนั้นฉายแววตื่นตระหนกอย่างควบคุมไม่อยู่
เขารู้ชัดถึงความแข็งแกร่งของชายชุดดำดี แต่กลับถูกทารุณในมือหลินสวินเหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ภาพนั้นทำให้เขาเห็นแล้วขนลุกขนชันไปทั้งตัว
“อยากให้ข้าจับเจ้าแก้ผ้า แขวนไว้หน้าเมืองจรดฟ้าให้ผู้คนดูไหม” หลินสวินยิ้มพลางเอ่ยถาม
เซี่ยงเสี่ยวหยวนเป็นสหายของเขา แต่ก่อนหน้านี้กลับถูกคนผู้นี้เหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้ามาโดยตลอด ภาพอัปยศหาใดเปรียบนั้นทำให้หลินสวินเผยไอสังหารโดยสมบูรณ์เช่นกัน
เมื่อเห็นว่าเขาเหวี่ยงตัวชายชุดดำเพื่อจะทุ่มลงมาต่อ
สุดท้ายชายท่าทางธรรมดาที่ยืนเงียบอยู่ข้างกายหญิงสาวชุดกระโปรงมาตลอดเหมือนทนไม่ไหว ร่างพริบวาบพุ่งตัวมาแต่ไกล
ถึงอย่างไรชายชุดดำก็เป็นคนของฝ่ายตน ไม่อาจถูกสังหารต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้
หลินสวินเงยหน้ามองชายชุดผ้าหยาบที่พุ่งตัวมา เหวี่ยงชายชุดดำที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดทิ้งไป จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พุ่งทะยานไปเบื้องหน้าทันที
ตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาก็สังเกตเห็นก่อนแล้ว บางทีผู้ที่ฐานะสูงส่งที่สุดอาจเป็นหญิงสาวชุดกระโปรงนั่น แต่บุคคลอันตรายที่สุด ย่อมเป็นชายชุดผ้าหยาบนั่นโดยไม่ต้องสงสัย
ฟุ่บ!
ชายชุดผ้าหยาบเยื้องย่างราบเรียบ ดูเหมือนเชื่องช้า ความจริงแล้วเร็วถึงขีดสุด ใบหน้าธรรมดาไม่ไหวติง แต่เมื่อเขาลงมือกลับเหมือนกระบี่เทพที่หลับใหลอยู่ในฝักปรากฏขึ้นบนโลก
กลิ่นอายน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจบรรยายพุ่งขึ้นมาจากตัวเขา แหวกผ่านท้องนภา พุ่งทะลวงทั่วทิศ ราวกับจอมราชันในหมู่จักรพรรดิองค์หนึ่งเยือนโลกหล้า
เขาแค่ยกมือขึ้น นิ้วมือทำมุทราแล้วซัดไปกลางอากาศ
ตูม!
ฟ้าดินนี้ระเบิดดังสนั่นดุจเครื่องแก้วที่แตกง่าย ประทับฝ่ามือสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมา เปล่งประกายพร่างพราว ให้ความรู้สึกว่าไม่เปิดช่องให้ทำลาย เหมือนบริบูรณ์และเต็มไปด้วยปัญญา
คมประกายทั้งหมด วิชามรรคทุกอย่างแฝงอยู่ในประทับฝ่ามือนี้ทั้งสิ้น!
ส่วนหลินสวินก็ปลดปล่อยมรรควิถีทั้งตัวเต็มกำลังในพริบตา ซัดหมัดราวกับเหวลึกคล้ายเตาหลอม พร่าเลือนขุ่นมัวออกมา
ทั้งสองปะทะกัน ราวกับเทพสององค์กำลังชิงชัย ฟ้าดินแถบนี้ถูกพลังทำลายล้างที่ปลดปล่อยออกมาสะบั้นแหลกเหมือนกระดาษเปื่อย ภาพทุกอย่างล้วนมีท่าทีว่าจะดับสลายและโกลาหล
หากอยู่ในโลกภายนอก แค่การโจมตีนี้ก็เกรงว่าคงทำลายโลกฟากหนึ่งได้!
กระทั่งฝุ่นควันจางหาย
เงาร่างหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศดุจภูเขาเทพสูงตระหง่านไม่ขยับ มีเพียงเสื้อผ้าและเรือนผมยาวโบกสะบัดกลางสายลม เวลานี้นัยน์ตาทั้งสองเผยแววผิดคาดเสี้ยวหนึ่งอย่างไม่อาจระงับ
เป็นชายชุดผ้าหยาบนั่นเอง
ในจุดที่ห่างออกไปมีเงาร่างหนึ่งยืนนิ่งอยู่เช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าเงาร่างนี้ก็สมบูรณ์ไม่สึกหรอ หญิงสาวชุดกระโปรงที่มือถือม้วนตำราเผยสีหน้าไหวหวั่นอย่างยากจะพบเห็น
……………………