เงาร่างสูงตระหง่านนั้นดุจเทพเซียน ดูโดดเด่นละโลกีย์ ยามยืนอยู่กลางอากาศ พาให้คนรู้สึกถึงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ราวกำราบทุกอย่างได้
หญิงสาวชุดกระโปรงกำม้วนตำราซีดจางในมือแน่น นัยน์ตาฉายแววใคร่ครวญ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเผยสีหน้าจริงจัง ตั้งแต่หลินสวินมาถึงกระทั่งตอนนี้
ห่างออกไปชิงเหมิ่งอึ้งงันโดยสมบูรณ์
ในสายตาเขาชายชุดผ้าหยาบก็เหมือนบุคคลที่ไร้คู่ต่อกร ในโลกยอดนิรันดร์ก็เป็นผู้ทรงพลังคนหนึ่งในระดับจักรพรรดิ แข็งแกร่งถึงขั้นไร้เหตุผล
หลายครั้งที่ชิงเหมิ่งอดสงสัยไม่ได้ว่าแค่อีกฝ่ายโจมตีลวกๆ บางทีอาจซัดตนจนยับเยินได้
แต่ตอนนี้การโจมตีที่ชายชุดผ้าหยาบลงมือด้วยตัวเองกลับถูกต้านไว้ได้!
ทั้งหลินสวินนั่นยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!
ความจริงนี้ราวกับการโจมตีที่หนักหน่วงหาใดเปรียบ ทำให้ชิงเหมิ่งอึ้งงันอย่างสมบูรณ์
ส่วนชายชุดดำที่รอดจากความตาย เดิมยามถูกหลินสวินหิ้วตัวอย่างทารุณ เขายังไม่ยินยอมและคับแค้นสุมอก
แต่ตอนนี้ก็เบิกตากว้าง อกสั่นขวัญหาย
“มกุฎจักรพรรดิขั้นแปดก็สั่นคลอนการโจมตีของข้าได้ ดูท่าว่าข่าวลือจะเป็นจริง”
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด ชายชุดผ้าหยาบจ้องหลินสวินพลางเอ่ยปาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดปากพูดในช่วงนี้ เสียงต่ำลึกหนักแน่นราวกับเหล็ก
นัยน์ตาเขาเผยแววประหลาดใจ ทั้งมีเจตจำนงต่อสู้เหมือนถูกกระตุ้นเสี้ยวหนึ่ง
“เจ้าพูดเช่นนี้ ข้าต้องรู้สึกเป็นเกียรติหรือไม่” หลินสวินเลิกคิ้ว นัยน์ตาฉายแววจริงจังเช่นกัน
การโจมตีก่อนหน้านี้ทำให้เขาระบุได้แล้ว ชายชุดผ้าหยาบที่ท่าทางดูเหมือนธรรมดาเบื้องหน้านี้ ต้องเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งแน่!
นี่ยังเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนที่สองซึ่งหลินสวินเจอ อีกคนก็คืออวิ๋นมู่เจอที่มาจากน่านฟ้าที่เจ็ด
แต่ว่ากันตามจริง นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินสู้กับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ พลังที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบนั้นวิปริตมากจริงๆ อันตรายหาใดเปรียบ
เทียบกับบรรพจารย์มรรคในความหมายทั่วไปแล้ว แตกต่างกันราวฟ้ากับดินโดยสิ้นเชิง
“ในโลกยอดนิรันดร์ ข้าเคยได้ยินว่าเผ่าเทพนิรันดร์มีพวกก้าวผ่านปราการระดับบรรพจารย์ได้อย่างเจ้า แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นข่าวลือ ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าจริงหรือเท็จ”
ชายชุดผ้าหยาบกล่าว “แต่การปรากฏตัวของเจ้า พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขาว่าข่าวลือก็ไม่ใช่ข่าวโคมลอยเช่นกัน ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ขอแค่เจ้ายืนหยัดภายใต้เงื้อมมือข้าได้หนึ่งเค่อ ข้าจะขอร้องคุณหนูให้ปล่อยพวกเจ้าไป”
หนึ่งเค่อ!
นี่คือการประกาศศึกจากมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง!
หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแล้ว แต่รอยยิ้มนั้นไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าแค่ห่วงว่านี่จะเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของเจ้า”
ชายชุดผ้าหยาบกล่าวโดยไม่สะทกสะท้าน “ข้าไม่เคยกลัวตาย”
นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความนิ่งสงบ
“ลิ่นเฟิง กลับมาเถอะ การต่อสู้นี้ไม่ต้องสู้ต่อไปอีกแล้ว” หญิงสาวชุดกระโปรงเอ่ยปากแต่ไกล สีหน้านิ่งสงบเหมือนเดิมแล้ว
ชายชุดผ้าหยาบที่ถูกเรียกว่าลิ่นเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนหันหลังกลับไป
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเช่นนี้กลับเชื่อฟังคำสั่งของหญิงสาวชุดกระโปรง!
หลินสวินอดรู้สึกผิดคาดอยู่บ้างไม่ได้
“เรื่องนี้ให้จบเพียงเท่านี้ เจ้าคิดว่าอย่างไร” นัยน์ตาของหญิงสาวชุดกระโปรงมองมาทางหลินสวิน น้ำเสียงนุ่มนวลใสกระจ่าง
หลินสวินยิ้มพลางกล่าว “พวกเจ้าเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน เจ้าคิดว่าจะจบเช่นนี้หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ครั้งนี้ถ้าข้าหลินสวินไม่มา สหายและผู้อาวุโสท่านนั้นของข้า เกรงว่าคงถูกพวกเจ้าทรมานจนตายแล้ว!”
หากห้ำหั่นให้ตายกันไปข้างจริง เขามั่นใจว่าจะสังหารชายชุดผ้าหยาบที่ชื่อลิ่นเฟิงนั่นได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักแน่
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง ใช่ว่าบรรพจารย์จักรพรรดิจะเทียบได้ ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวบุคคลเช่นนี้ ไม่มีทางไม่มีไพ่ตายบางส่วนที่เป็นภัยคุกคามอย่างมากแน่
แต่หลินสวินคร้านจะใคร่ครวญเรื่องพวกนี้แล้ว
เขารู้แค่เคราะห์ที่หลิ่วเซียงเชวียกับเซี่ยงเสี่ยวหยวนประสบเกิดขึ้นเพราะเขา แน่นอนว่าความแค้นนี้ต้องให้เขาชำระ!
“รนหาที่ตาย!” ชิงเหมิ่งเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ เขาไม่กล้าเชื่อว่าหลินสวินมีความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าสืบสาวเอาความเช่นนี้
“ชิงเหมิ่ง เจ้ามานี่” หญิงสาวชุดกระโปรงกล่าว
ชิงเหมิ่งชะงัก แต่ยังก้าวเดินไปพลางกล่าว “คุณหนู หรือว่าข้าพูดผิดอีกแล้ว”
หญิงสาวชุดกระโปรงส่ายหัว “ข้าช่วยชีวิตเจ้าเพราะเจ้าคือคนที่ข้าเลือก แต่การแสดงออกของเจ้าก่อนหน้านี้กลับทำให้ข้าผิดหวังอยู่บ้าง”
ชิงเหมิ่งใจสะท้านพลางกล่าว “คุณหนู ขอแค่ข้าจับจุดเปลี่ยนได้เสี้ยวหนึ่ง ย่อมมีโอกาสแจ้งมรรคระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิแน่!”
กร๊อบ!
น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง ลำคอเขาก็ถูกบิด
ดวงตาชิงเหมิ่งเบิกถลนในครู่เดียว เผยสีหน้ายากจะเชื่อ ชั่วขณะก่อนตายเขาเพิ่งเห็นอย่างชัดเจน คนที่ลงมือสังหารตนคือชายชุดผ้าหยาบลิ่นเฟิง!
แต่เขากลับคิดไม่ถึงสักนิด ทำไมอีกฝ่ายถึงฆ่าตนเล่า…
ปัง!
ครู่ต่อมาชิงเหมิ่งก็กลายเป็นเถ้าถ่านลอยล่อง
“นี่…” ชายชุดดำที่บาดเจ็บหนักเจียนตายสั่นไปทั้งตัว ถูกภาพเหี้ยมโหดนี้ทำให้แปลกใจ รู้สึกงุนงง รวมทั้งตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก
นี่เป็นเพราะเหตุใด!?
เขาไม่กล้าถาม กลัวว่าเมื่อถามออกไปจะประสบเคราะห์เช่นกัน
“แบบนี้เป็นอย่างไร”
สายตาของหญิงสาวชุดกระโปรงที่มือถือม้วนตำรามองหลินสวิน การตายของมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดที่ดุดันหาใดเปรียบอย่างชิงเหมิ่ง คล้ายไม่อาจทำให้นางเกิดคลื่นความรู้สึกใดแม้เพียงเสี้ยว
เมื่อเห็นทุกอย่างนี้ พอมองหญิงสาวชุดกระโปรงที่สง่างามดั่งดอกกล้วยไม้ ท่าทางสำรวมนั่นอีกครั้ง ในใจหลินสวินรู้สึกเย็นวาบเสี้ยวหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนนุ่มนวลอ่อนโยน แต่ความจริงแล้วเป็นพวกอำมหิตอย่างยิ่งคนหนึ่ง
ความอำมหิตเช่นนี้คือความไร้ปรานีที่อยู่สูงส่งเหนือผู้อื่น ดูถูกสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างหนึ่ง ต่อให้เป็นผู้เจิดจรัสอย่างมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปด ในสายตาของนางก็เป็นพวกที่เข่นฆ่าได้ตามใจ!
“ข้ากลับอยากรู้ว่าทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้” หลินสวินกล่าว
หญิงสาวชุดกระโปรงกล่าวยิ้มเล็กน้อย “เขาทำให้ข้าขายหน้า เหตุผลนี้เป็นอย่างไร”
หลินสวินเลิกคิ้วกล่าว “เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่ฆ่าคนผู้นี้ด้วยเล่า”
สายตาเขามองชายชุดดำนั่น ฝ่ายหลังสีหน้าไม่น่าดูหาใดเปรียบในชั่วขณะเดียว ในใจโกรธจนอยากจะกลืนกินหลินสวินทั้งเป็น
หญิงสาวชุดกระโปรงกล่าว “แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ แต่ภายหน้ายังมีศักยภาพแฝงที่แข็งแกร่งขึ้นได้ ข้าเสียดายที่ข้างกายจะขาด… สหายเช่นนี้”
ชายชุดดำยกภูเขาออกจากอกทันที รู้สึกว่าก่อนหน้านี้เหมือนไปเยือนเขตแดนมรณะมารอบหนึ่ง!
“สหาย?”
หลินสวินหลุดขำออกมา “คนอย่างเจ้าไม่มีทางมีเพื่อนแน่”
“อาจจะใช่”
หญิงสาวชุดกระโปรงตอบอย่างสบายๆ “ศักยภาพของเจ้าได้การยอมรับจากข้าแล้ว หากเจ้ายินดี ข้าสามารถพาเจ้าไปฝึกปราณบนน่านฟ้าที่แปด ทั้งมอบทรัพยากรในการแจ้งมรรคระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิแก่เจ้าได้”
หลินสวินอึ้งไปก่อนถามกลับ “เจ้าคิดว่าข้าจะยินดีหรือ”
หญิงสาวชุดกระโปรงมองหลินสวินแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “เรื่องราวบนโลกนี้ไม่แน่นอน คำพูดอาจดูโอ้อวดไม่กระดากสักหน่อย แต่ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ ล้วนไม่เคยหลุดมือมาก่อน”
นางพูดต่อ “เจ้าสามารถพิจารณาให้ถี่ถ้วนได้ รอการต่อสู้ในโบราณสถานทวยเทพนี้ปิดฉาก หากเจ้ายังไม่ตัดสินใจ เช่นนั้นก็ได้แต่ให้ข้าช่วยเจ้าตัดสินใจแล้ว”
พูดจบนางก็หันหลังจากไป มือหนึ่งถือม้วนตำรา อีกมือหนึ่งไพล่หลัง ชุดกระโปรงพลิ้วไหว ท่าทางสุขุม
ชายชุดผ้าหยาบลิ่นเฟิงตามหลังนางไปติดๆ
ชายชุดดำเดินรั้งท้าย แต่ก่อนไปนัยน์ตาเขาเหลือบมองหลินสวินวูบหนึ่งอย่างสับสน มีความแค้น ทั้งเจือความอิจฉาเสี้ยวหนึ่งอย่างบอกไม่ถูก
หลินสวินยืนอยู่จุดเดิม มองส่งพวกเขาจากไป สุดท้ายก็ไม่ได้ไปขัดขวาง
ไม่พูดถึงชายชุดผ้าหยาบลิ่นเฟิงนั่น แต่หญิงสาวชุดกระโปรงนั้นทำให้เขารู้สึกว่ายากเข้าใจ กระทั่งสัมผัสได้ถึงความอันตรายอยู่รางๆ
หลินสวินไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว ในใจรู้ดีว่าบนตัวผู้หญิงคนนี้ เป็นไปได้สูงว่าจะมีพลังที่สามารถคุกคามตนได้!
‘น่านฟ้าที่แปด… ดูท่าว่านางคงมาจากขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะสักแห่ง…’ ยามหลินสวินครุ่นคิด เขาก็หันหลังจากไป
…
ริมทะเลสาบมหึมาที่เหมือนคันฉ่องหยกเขียวมรกตแห่งหนึ่ง
“ขอบคุณมาก พี่หลิน” เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ นางรู้ดีว่าครั้งนี้ถ้าไม่ได้หลินสวินช่วย นางกับท่านลุงของนางหลิ่วเซียงเชวีย ย่อมไม่มีโอกาสรอดมาได้แน่
“ว่าไปแล้วก็เป็นเพราะข้า จึงทำให้เจ้ากับผู้อาวุโสหลิ่วเซียงติดร่างแห” หลินสวินถอนใจเบาๆ
เขาหยิบโอสถเทพเยียวยาล้ำค่าบางส่วนในตัวออกมา ยื่นให้เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับหลิ่วเซียงเชวีย
“สหายน้อยอย่าพูดแบบนี้อีกเลย บุญคุณในวันนี้ข้าหลิ่วเซียงเชวียไม่มีทางลืม!” หลิ่วเซียงเชวียนั่งขัดสมาธิกับพื้น กำลังรักษาบาดแผล
หลินสวินส่ายหัว กล่าวเปลี่ยนประเด็น “ผู้อาวุโส ท่านรู้ความเป็นมาของคนพวกนั้นไหม”
นัยน์ตาหลิ่วเซียงเชวียฉายแววขมขื่นและหวาดกลัวพลางกล่าว “ถ้าไม่รู้ฐานะของผู้หญิงคนนั้นอีก ข้าก็อยู่มาเสียเปล่าแล้ว…”
หลังจากนั้นเขาก็เล่าความเป็นมาของหญิงสาวชุดกระโปรงนั่น
ผู้หญิงคนนี้ชื่อฉีหลิงอวิ๋น มาจากตระกูลฉีหนึ่งในยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด ซ้ำยังเป็นบุคคลแกนหลักของตระกูลฉีสายตรง บิดาของนางคือคนที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เทียมฟ้าในน่านฟ้าที่แปด ครองอำนาจล้นฟ้าที่ยากจะจินตนาการ
ในสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด ตระกูลฉีก็คือผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถจัดอยู่ในสามอันดับแรก นับแต่อดีต ก็มีข่าวลือว่าบรรพชนของตระกูลฉีคือเทวบุตรคนหนึ่งที่มาจากเผ่าเทพนิรันดร์แห่งน่านฟ้าที่เก้า!
ในฐานะบุตรสาวของผู้นำตระกูลฉี แค่คิดก็รู้แล้วว่าฐานะฉีหลิงอวิ๋นไม่ธรรมดาและพิเศษระดับใด
เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจว่าเหตุใดหลิ่วเซียงเชวียได้รับความอัปยศครั้งใหญ่เช่นนี้ แต่กลับมีแค่ความขมขื่นและหวาดกลัวสุมอก
ต่อให้เขาเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหลิ่วเซียงแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด แต่ยามเผชิญหน้ากับบุตรสาวของผู้กุมอำนาจแห่งหนึ่งในหมู่ยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด ก็ถูกลิขิตให้ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน ไม่อาจล้างแค้น!
ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงเดือดร้อนไปถึงตระกูลหลิ่วเซียง!
สำหรับเรื่องนี้แม้หลินสวินจะไม่เห็นด้วยแต่ก็เข้าใจ ถึงอย่างไรผู้อาวุโสอย่างหลิ่วเซียงเชวียจะทำสิ่งใด ล้วนต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยของตระกูล
ส่วนชายชุดผ้าหยาบลิ่นเฟิงนั่นก็เป็นบุคคลในตำนานที่มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะแห่งน่านฟ้าที่ห้า เมื่อนานมาแล้วยามคนผู้นี้ยังไม่บรรลุเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ เขาเคยเผยประกายเจิดจรัสซัดสะเทือนดินแดนหนึ่ง ถูกบุคคลสำคัญของตระกูลฉีหมายตา และพาเข้ามาฝึกปราณในตระกูลฉีแห่งน่านฟ้าที่แปด
ปัจจุบันลิ่นเฟิงคนนี้นับได้ว่าเป็นผู้ติดตามคนหนึ่งของตระกูลฉี ขายชีวิตติดตามข้างกายฉีหลิงอวิ๋น
ดูเหมือนผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ในสายตาของคนอื่น สามารถฝึกปราณในตระกูลฉีได้ ลิ่นเฟิงก็คล้ายมัจฉากระโดดข้ามประตูมังกร ก้าวไปบนจุดสูงสุดของชีวิต!
กระทั่งเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลลิ่นซึ่งเดิมอิทธิพลนับได้แค่ว่าธรรมดาในน่านฟ้าที่ห้า หลายปีนี้อิทธิพลยังแผ่ขยายอย่างต่อเนื่องเพราะลิ่นเฟิงคนเดียว
ดังคำกล่าวที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน สุนัขระกาเยี่ยมวิมาน!
……………………