แสงอรุณสาดส่อง ท้องฟ้าปลอดโปร่ง

เทือกเขาห่างออกไปเขียวขจี ในลานเรือนที่กว้างใหญ่สะอาดสะอ้าน เด็กหนุ่มเด็กสาวกลุ่มหนึ่งนั่งขัดสมาธิ กลืนพ่นแก่นพลังไอวิญญาณ

ที่อายุมากก็สิบเจ็ดสิบแปดปีแล้ว ส่วนที่อายุน้อยยังเป็นเด็กตัวน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

เวลานี้ชาวบ้านที่มากประสบการณ์เข้าป่าไปนานแล้ว บ้างไปเพื่อล่าสัตว์ บ้างไปเพื่อเก็บโอสถวิญญาณ

หลินสวินนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกไม้หวายในลานเรือน หรี่ตาเล็กน้อย ท่าทางสบายๆ สายลมในยามเช้าแฝงกลิ่นอายสดชื่น ภายใต้แสงตะวันที่อบอุ่น ไม่แสบตา กลับสบายมาก

สองปีแล้ว

เขากลายเป็น ‘อาจารย์’ ที่ชาวบ้านเชื่อถือไปแล้ว ลานเรือนนี้ก็คือสำนักศึกษา เหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวในหมู่บ้านก็คือลูกศิษย์

สิ่งที่หลินสวินทำ คือการชี้แนะการฝึกปราณให้ลูกศิษย์เหล่านี้

ตอนแรกชาวบ้านยังไม่วางใจ เพราะในสายตาของพวกเขา หลินสวินดูเด็กเกินไป อีกทั้งมรรควิถียังไม่ฟื้นคืน เหมือนคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง

ทว่าหลังจากพลังปราณของเสี่ยวซีพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด เวลาเพียงไม่ถึงสามเดือนก็นำคนรุ่นเดียวกันไปไกล ในที่สุดชาวบ้านก็ตระหนักได้ว่าคนหนุ่มอย่างหลินสวินที่มักจะให้คำชี้แนะเสี่ยวซีผู้นี้ แม้ท่าทางยังดูด้อยอาวุโส แต่ความสำเร็จด้านการฝึกปราณกลับร้ายกาจจนน่าตกใจ

และทำให้ทุกคนต่างหิ้วของป่าและสุราอาหารต่างๆ มาหาถึงที่ ขอให้ลูกของตนเองได้ฝึกปราณกับหลินสวิน

แน่นอนว่าหลินสวินไม่ปฏิเสธ ยามชี้แนะเด็กหนุ่มเด็กสาวเหล่านี้ก็ให้คำแนะนำตามความถนัด สลายข้อสงสัยให้

ถึงขั้นที่ยังถ่ายทอดมรรคและวิชาที่แตกต่างกันตามอุปนิสัยและรากฐานของแต่ละคน

อันที่จริงด้วยมรรควิถีของเขาในตอนนี้ ก็ครอบครองมรรคเซียนสมบูรณ์ของยุคก่อน รวมถึงวิชาที่ได้รับระหว่างฝึกปราณก็เป็นหนึ่งวิชาเชื่อมหมื่นไปนานแล้ว อย่าว่าแต่สอนเด็กพวกนี้ แม้แต่การชี้แนะให้ระดับจักรพรรดิก็เป็นเรื่องเล็กอย่างที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นถึงมกุฎบรรพจารย์หมื่นมรรคคนแรกนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน!

พัฒนาการของเด็กหนุ่มเด็กสาวเหล่านี้เห็นได้ชัดมาก ถึงขั้นเหนือความคาดหมายของชาวบ้านไปมาก ทำให้พวกเขาดีใจกับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง และการปฏิบัติต่อหลินสวินก็ล้วนเคารพนับถือและเป็นมิตรจากใจจริง มองเขาเป็นคนกันเอง

กับเรื่องนี้ ผู้ใหญ่บ้านอย่างอู่ชวนเองก็ยินดีอย่างมาก มักจะรู้สึกทอดถอนใจ ต่อไปเมื่อคนรุ่นเยาว์เหล่านี้โตขึ้น ความสำเร็จบนมหามรรคที่ได้รับจะต้องสูงส่งยิ่งกว่ารุ่นอาวุโสอย่างพวกเขา และเดินไปได้ไกลกว่าแน่

“แย่แล้ว พวกผู้ใหญ่บ้านถูกอสูรมารล้อมอยู่บริเวณสระเทพตก!” ทันใดนั้นเสียงตะโกนอย่างร้อนรนดังขึ้นไกลออกไป ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบนี้

สระเทพตก!

บรรดาเด็กหนุ่มเด็กสาวที่นั่งสมาธิอยู่ในลานต่างกระสับกระส่ายขึ้นมา

“อย่าเสียสมาธิ ฝึกปราณต่อ ข้าจะไปดูสักหน่อย”

บนเก้าอี้โยกหลินสวินลุกขึ้น พลางเอ่ยเสียงเรียบ ประหนึ่งแฝงพลังกระแทกใจคนโดยตรง ทำให้เด็กหนุ่มเด็กสาวเหล่านั้นต่างเงียบลง

“เสี่ยวซี เจ้าช่วยข้าดูแลที่นี่” สายตาของหลินสวินมองไปยังเสี่ยวซี

“อืม!”

เวลาสองปีทำให้เสี่ยวซีเผยความงามของเด็กสาวออกมาแล้ว ท่าทางอ่อนช้อย งดงามร่าเริง ไม่มีความไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อน

ฟุ่บ!

ครู่ต่อมาเงาร่างของหลินสวินก็หายไปกลางอากาศ

“สถานที่อย่างสระเทพตกเป็นสถานที่อดันตรายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน พวกผู้ใหญ่บ้านติดอยู่ในนั้นได้อย่างไร นี่อันตรายเกินไปแล้ว…”

หลินสวินเพิ่งจากไป เหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวในลานก็พลันถกกันขึ้นมา หลายคนกังวลใจ

“พวกเจ้าว่า อาจารย์หลินจะไหวหรือไม่”

มีคนอดถามไม่ได้

อาจารย์หลิน!

นี่ก็คือคำสรรพนามที่บรรดาเด็กหนุ่มเด็กสาวในหมู่บ้านเรียกหลินสวิน

“ข้าได้ยินพ่อบอกว่า แม้อาจารย์หลินจะครอบครองมรดกที่มหัศจรรย์มากมาย มีสติปัญญาเหนือจินตนาการ แต่บาดแผลของเขารุนแรงเกินไป มาหมู่บ้านพวกเราได้สองปีแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นฟูอย่างสิ้นเชิง”

มีคนพูดเสียงเบา “ว่ากันว่าตอนที่พวกผู้ใหญ่บ้านพูดถึงอาจารย์หลิน ต่างรู้สึกเสียดายมาก คิดว่าบาดแผลที่เขาได้รับ เป็นไปได้สูงมากที่จะทำลายถึงฐานมรรค ชาตินี้คงยากมากจะฟื้นฟูกลับมา”

“ถ้าอย่างนั้นอาจารย์หลินก็ไม่ไหวหรือ”

“ใครจะรู้เล่า สองปีมานี้ไม่มีใครเคยเห็นอาจารย์หลินลงมือ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เขาบาดเจ็บอยู่ ต่อให้เมื่อก่อนร้ายกาจมาก แต่ตอนนี้… เฮ้อ!”

เด็กหนุ่มสาวเหล่านี้แม้เคารพนับถือและชื่นชมหลินสวินอย่างยิ่ง มองเขาเป็นอาจารย์ แต่พวกเขาล้วนรู้เรื่องที่หลินสวินบาดเจ็บ สองปีมานี้ก็ไม่เคยเห็นหลินสวินลงมือ นี่ทำให้พวกเขาไม่มั่นใจในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของหลินสวินนัก

“หรือไม่พวกเราก็ไปด้วยเถอะ คนมากพลังมาก อย่างไรก็คงช่วยได้บ้าง!”

มีคนเสนอ

“เหลวไหล!”

ดวงตาคู่ใสของเสี่ยวซีจ้องเขม็ง กล่าวโทษว่า “ก่อนไปอาจารย์หลินบอกให้พวกเราตั้งใจฝึกปราณ ใครกล้าคิดฟุ้งซ่านอีกข้าจะลงมือแล้วนะ”

ทุกคนเงียบไปทันที

สองปีผ่านไป เสี่ยวซีในตอนนี้เป็นหัวหน้าของเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้แล้ว ไร้ศัตรูในหมู่คนรุ่นเดียวกัน มีความน่าเกรงขามอย่างมาก

‘ในเมื่อพี่เต้ายวนตัดสินใจลงมือ แน่นอนว่าต้องสามารถช่วยพวกท่านปู่กลับมาได้อย่างปลอดภัย!’ เสี่ยวซีพึมพำในใจ

ตอนที่ไม่มีคนอื่น นางก็ยังชอบเรียกหลินสวินว่าพี่เต้ายวนที่สุด

……

สระเทพตก

ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเลือดตลอดปี ถูกมองเป็นเขตต้องห้ามอันตรายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

เมื่อนานมาแล้วเคยมีผู้ยิ่งใหญ่จากเมืองหลิวเขียวมาเยือน แต่หลังจากเข้าสู่อาณาเขตสระเทพตกที่หมอกเลือดคละคลุ้ง ก็ไม่แล้วไม่หวนกลับ ไม่ปรากฏตัวอีกเลย

เรื่องนี้ถึงขั้นทำให้เกิดความฮือฮาในเมืองหลิวเขียว ดึงดูดผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่มาสำรวจ แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปโดยพลการ

ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านอู่ชวนและชาวบ้านเจ็ดแปดคนถูกขังอยู่ในหมอกสีเลือด หายใจลำบาก พลังปราณถูกพลังแปลกประหลาดสายหนึ่งกำราบ ถึงขั้นไม่สามารถกระดิกนิ้วได้

“จบสิ้นแล้ว… จบสิ้นแล้ว…” มีคนพูดด้วยเสียงขมขื่น

ก่อนหน้านี้พวกเขาจะล่าอสูรมารตัวหนึ่ง ใครจะคิดว่ากลับถูกอสูรมารหลอกล่อให้เข้ามาในอาณาเขตที่สระเทพตกตั้งอยู่

ตอนที่พวกเขาคิดจะย้อนกลับก็สายไปแล้ว

ไม่ใช่เพราะพวกเขาประมาท แต่อสูรมารตัวนั้นแม้พลังปราณเทียบเท่าระดับกึ่งจักรพรรดิเท่านั้น แต่กลับมีพลังล่อลวงใจคน จึงทำให้จิตใจของพวกเขาถูกหลอกอย่างเงียบเชียบ ถูกพามาถึงที่นี่โดยไม่รู้ตัว

“ผู้ใหญ่บ้าน ควรทำอย่างไรดี” มีคนถาม สายตามองไปยังอู่ชวน

บนใบหน้ากร้าวแกร่งของอู่ชวนปกคลุมด้วยความอึมครึม เงียบไปครู่ใหญ่ถึงเอ่ยว่า “จะทำอย่างไรได้ ทำได้เพียง… ฟังลิขิตฟ้าแล้ว…”

เสียงเผยความสิ้นหวังที่ปิดไม่อยู่

คนอื่นๆ ล้วนอดเศร้าใจไม่ได้

ฟุ่บ!

ทันใดนั้นเงาร่างสีดำสายหนึ่งพุ่งออกจากหมอกสีเลือดหนาทึบ กลายเป็นสัตว์ปีศาจที่รูปลักษณ์ราวกับสิงห์พยัคฆ์ แต่กลับปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำสนิท ดวงตาเขียวแวววาว บนศีรษะมีเขาเดี่ยว

พวกอู่ชวนขนลุกซู่ จำได้ทันทีว่านี่ก็คืออสูรมารที่พวกเขาตามล่าก่อนหน้านี้…

สมเสร็จนิมิตกาฬ!

วู้ม…

ทันทีที่สมเสร็จนิมิตกาฬปรากฏตัว ขนทั่วตัวก็สาดแสงดำแปลกประหลาดเป็นกลุ่มๆ ออกมา ร่างของพวกอู่ชวนล้วนถูกปกคลุมไว้ภายในนั้น

พลันนั้นแววตาของพวกอู่ชวนนิ่งงันไป การรับรู้ก็เปลี่ยนเป็นเลือนรางขึ้นมา

ดวงตามรกตแวววาวของสมเสร็จนิมิตกาฬวาบประกายประหลาด ส่งเสียงคำสาปที่ต่ำลึกและคลุมเครือ

“มุ่งหน้าไปอีกพันจั้งก็คือสระเทพตก ในส่วนลึกของสระมีหญ้าวิเศษที่ดูดซับพลังระเบียบต้นหนึ่ง พวกเจ้าใครสามารถเอามาให้ข้าได้ ข้าก็จะปล่อยคนนั้นไป”

“ไปเถอะ”

สมเสร็จนิมิตกาฬยกกรงเล็บขึ้นโบกเบาๆ ในหมอกสีเลือดที่ปกคลุมอยู่บริเวณนั้นเปิดเส้นทางออกสายหนึ่งทันที

พวกอู่ชวนราวกับถูกควบคุมจิตใจและวิญญาณ แต่ละคนเหมือนหุ่นกระบอก ยกเท้าเดินตรงไปเบื้องหน้า

สมเสร็จนิมิตกาฬตามหลังมาติดๆ

ไม่นานสระน้ำสีดำที่มีขอบเขตประมาณร้อยจั้งก็ปรากฏในสายตา รอบๆ สระน้ำมีโครงกระดูกกองอยู่ เน่าเปื่อยไปนานแล้ว ไม่เหลือสภาพมนุษย์ และยังมีซากของเผ่าอื่นๆ กองอยู่แน่นขนัด ล้วนร่วงหล่นมาไม่รู้นานเท่าไหร่ พาให้คนขนลุกซู่

และผิวสระมีหมอกสีเลือดที่ราวกับโซ่ระเบียบพนล้อมอยู่ หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น แปลกประหลาดและน่ากลัว

สระเทพตก!

พื้นที่อันตรายอันเป็นปริศนาแห่งหนึ่ง

สมเสร็จนิมิตกาฬที่อยู่ห่างออกไปเอ่ยคำพูดเสียงต่ำเบา “กระตุ้นพลังปราณของพวกจ้า กระโดดลงสระทั้งหมด จำไว้ว่าอย่าไปสัมผัสหมอกสีเลือดเหล่านั้น”

พวกอู่ชวนเหมือนไม่รู้สึกถึงอันตรายอย่างไรอย่างนั้น เข้าใกล้ทางนั้นไปทีละก้าว

สวบ!

แต่ก็ตอนนี้เอง เงาร่างที่สูงสง่าปรากฏขึ้นกลางอากาศกะทันหัน ขวางอยู่ตรงหน้าพวกอู่ชวน เป็นหลินสวินั่นเอง

“ผู้ใหญ่บ้าน ข้ามาพาพวกท่านกลับไป”

เงาร่างของเขาสง่างาม พูดพร้อมรอยยิ้ม ประโยคที่สบายๆ และธรรมดามากประโยคหนึ่ง แต่เมื่อเข้าหูพวกอู่ชวนแล้วกลับราวกับเสียงมหามรรคชั้นเลิศ เต็มไปด้วยพลังยิ่งใหญ่ ศักดิ์สิทธิ์และทรงพลัง

ตูม!

พวกอู่ชวนรู้สึกเพียงว่าในจิตวิญญาณเหมือนถูกสายฟ้าฟาด จิตใจและวิญญาณที่ถูกควบคุมราวกับทำลายพันธนาการ พลันได้สติจากสภาวะเลื่อนลอย

หลินเต้ายวน!?

เมื่อเห็นหลินสวิน พวกเขาอึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็จ่างแจ้งทันที สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป ในใจแต่ละคนหนาวสะท้าน ตระหนักได้ว่าหากไม่ใช่เพราะหลินสวินปรากฏตัว เป็นไปได้สูงมากว่าพวกเขาจะเข้าไปในสระเทพตกที่อันตรายและเป็นปริศนานั้นโดยไม่รู้ตัว

“เหตุใดเจ้าถึงไม่ได้รับผลกระทบจากพลังคำสาป”

ไกลออกไป ดวงตาเขียวมรกตของสมเสร็จนิมิตกาฬจ้องหลินสวินที่ปรากฏตัวกะทันหันเขม็ง ทั้งตกใจทั้งเดือดดาล

“สหายน้อยระวังอสูรมารตัวนี้ด้วย มันมีวิชาลับจิตวิญญาณ สามารถล่อหลอกใจคน ทำให้คนจมสู่ความฝันโดยไม่รู้ตัว ความเป็นตายล้วนถูกมันควบคุม!”

อู่ชวนรีบเตือน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ผู้ใหญ่บ้านไม่ต้องเป็นห่วง แค่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งเท่านั้น ก่อคลื่นลมอะไรไม่ได้หรอก”

หลินสวินยิ้มพูดอย่างอบอุ่น

คำพูดสบายๆ ทว่าความดูถูกในนั่นกลับทำให้พวกอู่ชวนประหลาดใจมาก

สองปีมานี้ ในภาพประทับใจของพวกเขา หลินสวินเป็นคนถ่อมตัวและรักสงบเสมอมา นี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นด้านที่แข็งกร้าวและเหยียดหยันของหลินสวิน

ห่างออกไปริมฝีปากของสมเสร็จนิมิตกาฬส่งเสียงคำรามต่ำคลุมเครือระลอกหนึ่ง ประหนึ่งคลื่นเป็นลูกๆ ปกคลุมไปทางหลินสวิน

“ไม่ประมาณตน”

แววตาหลินสวินเผยความดูถูก เอ่ยสี่คำนี้ออกมาลวกๆ

ตูม!

แสงดำเป็นกลุ่มๆ เหล่านั้นระเบิดออกโดยพลัน ก่อนจะสลายหายไปราวกับพายุซัด จากนั้นสมเสร็จนิมิตกาฬก็ส่งเสียงโหยหวนเจ็บปวดออกมา

ก็เห็นดวงตาทั้งคู่ของมันระเบิดออก ในปากและในหูล้วนมีเลือดสดๆ หลั่งรินออกมา ทรุดลงพื้นไปทั้งร่าง กระตุกอย่างรุนแรง ส่งเสียงครวญก้องฟ้าดิน

หลินสวินยื่นมือคว้ามือกลางอากาศ ร่างที่ใหญ่โตของสมเสร็จนิมิตกาฬพลันย่อขนาดเหลือเพียงประมาณฝ่ามือ ตกลงกลางฝ่ามือของหลินสวิน

พวกอู่ชวนล้วนอึ้งจนปากอ้าตาค้างโดยพลัน

——