เจ้าสำนักเรียนเชิญหรือ
เนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนเสียวใจวาบ สังหรณ์ได้ถึงความไม่เข้าที
“หย่งเฟยตู้ ข้าขอถามเจ้า อาจารย์ของเจ้าเหนียนอวิ๋นจิ่งตอนนี้เป็นหรือตายกันแน่” เนี่ยชิงหรงแววตาเย็นชา
ชายหนุ่มมาดงามสง่าคนนั้นก็คือหย่งเฟยตู้ หนึ่งในรองเจ้าสำนักสำนักศึกษาสองลักษณ์ เมื่อได้ยินก็อดกล่าวกลั้วหัวเราะไม่ได้ “เรื่องนี้เดี๋ยวเจ้าไปถามเจ้าสำนักก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ”
ดวงตาเขากวาดมองรูปร่างสะโอดสะองของเนี่ยชิงหรงอย่างแนบเนียน ในใจเร่าร้อนระลอกหนึ่ง
ว่าตามหลักแล้ว ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้สามารถตัดกิเลสตัณหาได้นานแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเนี่ยชิงหรง เขากลับควบคุมความปรารถนาอันบ้าคลั่งของตัวเองได้น้อยครั้งยิ่ง
สำหรับคนระดับเขา เคยพบหญิงงามเลิศล้ำในโลกนี้จนชินนานแล้ว แต่คนที่เข้าตาเขาจริงๆ ก็มีเพียงหญิงงามที่ระดับพลังเหมือนกันกับเขาเท่านั้น
ไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่มรรควิถีระดับบรรพจารย์ของเนี่ยชิงหรงก็สามารถทำให้เขาเกิดความปรารถนาแรงกล้าได้แล้ว ยิ่งกว่านั้นเนี่ยชิงหรงยังเป็นยอดสตรีแห่งยุค นี่ยิ่งตอกย้ำความคิดอันมิควรบางอย่างของหย่งเฟยตู้
หากเป็นเมื่อก่อนเขาไม่กล้าเพ้อฝันเช่นนี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้…
ไม่เหมือนเดิมแล้ว!
แม้แววตาหย่งเฟยตู้จะไม่ทิ้งร่องรอย แต่ยังคงถูกเนี่ยชิงหรงเห็นอยู่ในสายตา ในใจผุดความชิงชังอย่างบอกไม่ถูก กล่าวว่า “ใต้เท้าเหนียนอวิ๋นจิ่งเป็นอาจารย์ของเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ทุกข์ร้อน ไม่กลัวว่าภายหน้าจะถูกกรรมตามสนองบ้างหรือ”
หย่งเฟยตู้ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยว่า “กรรมตามสนองอะไรกัน ข้าไม่สนใจสักนิด เจ้าสำนักยังรออยู่ที่ตำหนักสองลักษณ์ ทั้งสองท่านควรไปได้แล้วหรือไม่”
“พี่สาว…” เหลิ่งชิงเสวี่ยเพิ่งหมายจะพูดอะไร
เนี่ยชิงหรงพลันตัดบท “ชิงเสวี่ย ในเมื่อเจ้าสำนักเชิญ พวกเราก็ไปพบเขาหน่อย ถือโอกาสถามเรื่องใต้เท้าเหนียนอวิ๋นจิ่งด้วย”
เหลิ่งชิงเสวี่ยร้อมอืมคราหนึ่ง
หย่งเฟยตู้ยกยิ้มพร้อมผายมือ “เชิญทั้งสองท่าน”
…
ตำหนักสองลักษณ์
โหยวเชียนเหิงนั่งบนที่นั่งประธานตรงกลาง ขณะมองสำรวจแผนภาพลับที่เก่าชำรุดม้วนหนึ่ง
เขารูปร่างสูงกำยำ ผมยาวทิ้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาราวเด็กหนุ่ม แม้จะนั่งสบายๆ แต่ราวกับมังกรขดพยัคฆ์หมอบ มีอานุภาพบีบคั้นกลายๆ
“เจ้าสำนัก รองเจ้าสำนักทั้งสองมาแล้ว”
นอกตำหนักใหญ่เสียงของหย่งเฟยตู้ดังขึ้น
จากนั้นเขา เนี่ยชิงหรง และเหลิ่งชิงเสวี่ยก็เดินเข้าตำหนักใหญ่
โหยวเชียนเหิงเก็บแผนภาพลับในมือไว้ เงยหน้ามองไป นัยน์ตาเจือแววเย็นชาและเฉยเมย กล่าว “ที่เชิญพวกเจ้าสองคนมาครั้งนี้ก็มีเพียงเรื่องเดียว”
เนี่ยชิงหรงแววตาเย็นชาและสงบนิ่ง เอ่ยขึ้น “ก่อนพูดคุยธุระ ข้าขอถามเจ้าสำนักสักคำได้หรือไม่ ตอนนี้ใต้เท้าเหนียนอวิ๋นจิ่งเป็นหรือตาย”
โหยวเชียนเหิงขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดถึงเจ้าเฒ่านี้ทำไมกัน ในเมื่อเจ้าถามข้าก็จะบอกให้ เขาตายไปแล้ว”
“ตายไปแล้ว!?”
เนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยล้วนตกใจ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ข่าวร้ายนี้ทำให้พวกนางตั้งรับไม่ทัน ไม่สามารถทำใจรับได้ในทันที
“ข้าได้รับข่าวว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับคนของสำนักศึกษาเยือกแข็งเป็นการส่วนตัว พยายามขัดแข้งขัดขาข้า โจรเฒ่าที่มีเจตนาอื่นแอบแฝงเช่นนี้จะเก็บไว้ทำไม”
เสียงโหยวเชียนเหิงเฉยเมย
“เจ้า… ทำเช่นนี้ได้อย่างไร” เหลิ่งชิงเสวี่ยโมโห นัยน์ตาใสกระจ่างเต็มไปด้วยแววเย็นเยียบ
“ข้าในฐานะเจ้าสำนัก การกำจัดคนทรยศเพื่อสำนักศึกษาสองลักษณ์ก็เป็นเรื่องถูกต้อง ไม่ต้องให้รองเจ้าสำนักอย่างเจ้ามาตั้งข้อสงสัย!”
โหยวเชียนเหิงแค่นเสียงเย็น
เนี่ยชิงหรงสงบใจ ส่งสัญญาณบอกเหลิ่งชิงเสวี่ยว่าอย่าหุนหันพลันแล่น ถึงค่อยเอ่ยว่า “เช่นนั้นครั้งนี้เจ้าสำนักเรียกพวกเราสองคนมาด้วยธุระอะไรหรือ”
โหยวเชียนเหิงเคาะพนักพิงหลัง หันมองหย่งเฟยตู้ที่ยืนอยู่อีกด้านของตำหนักใหญ่ “เจ้ามาพูด”
“ขอรับ!”
หย่งเฟยตู้ก้าวออกมาทันที ยิ้มบางๆ มองเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ย เอ่ยว่า “เจ้าสำนักตัดสินใจเปลี่ยนตัวรองเจ้าสำนักใหม่ หรือก็คือนับแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าสองคนไม่ได้รับตำแหน่งรองเจ้าสำนักอีกต่อไปแล้ว”
ในใจเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยล้วนหนักอึ้ง
หย่งเฟยตู้กล่าวต่อ “แต่เจ้าสำนักเห็นแก่ไมตรีที่ผ่านมา จะให้โอกาสพวกเจ้าครั้งหนึ่ง ขอเพียงพวกเจ้าเลือกยอมจำนน อยู่ใต้อาณัติเจ้าสำนัก ภายหน้าสำนักศึกษาสองลักษณ์แห่งนี้ยังมีที่สำหรับพวกเจ้า”
เนี่ยชิงหรงโมโหจนหัวเราะ “หากพวกเราไม่ยอมล่ะ”
สายตาหย่งเฟยตู้ไม่อาจปกปิดความปรารถนาอันแรงกล้าของตัวเองได้อีก จ้องเนี่ยชิงหรงอย่างไม่เกรงกลัว เอ่ยว่า
“เช่นนั้น… โจรเฒ่าเหนียนอวิ๋นจิ่งก็คือตัวอย่างของพวกเจ้า แน่นอน หากพวกเจ้าถูกกำราบ ข้าจะยังขอความเมตตากับเจ้าสำนักให้ ถึงอย่างไรหญิงงามหยาดเยิ้มอย่างพวกเจ้ากว่าจะแจ้งมรรคเป็นบรรพจารย์ได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ หากฆ่าทิ้งก็ทำให้คนปวดใจเกินไป”
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
นัยน์ตาเหลิ่งชิงเสวี่ยเต็มไปด้วยแววเย็นเยียบกรีดกระดูก ไอสังหารรายล้อมใบหน้างาม
เนี่ยชิงหรงกล่าว “พวกเจ้าไม่กลัวว่าหากตระกูลเฮ่อและตระกูลหงรู้เรื่องนี้ จะเอาผิดกับพวกเจ้าหรือ”
เบื้องหลังสำนักศึกษาสองลักษณ์มีเผ่าจักรพรรดิอมตะสามตระกูล อย่างตระกูลจู้ หง และเฮ่อหนุนหลังอยู่ แต่ละฝ่ายต่างถ่วงดุลกัน ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปไม่มีใครกล้าฉีกหน้าเป็นศัตรูกัน
กลับเห็นหย่งเฟยตู้ยิ้มหยัน “ลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ไม่นานตระกูลจู้เพิ่งชิงพลังระเบียบระดับสวรรค์มาจากแดนลับผนึกแห่งหนึ่งมาได้ อีกไม่นานก็จะย้ายจากน่านฟ้าที่หกไปตั้งรกรากที่น่านฟ้าที่เจ็ด เจ้าคิดว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลหงและตระกูลเฮ่อจะเป็นศัตรูกับตระกูลจู้เพราะการตายของพวกเจ้าสองคนหรือ”
เนี่ยชิงหรงหน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง เข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดโหยวเชียนเหิงและหย่งเฟยตู้ถึงกล้านอนใจไร้เกรงกลัวเช่นนี้ ที่แท้เป็นเพราะตระกูลจู้รุ่งโรจน์เกินกว่าอดีตจะเทียบได้นานแล้ว!
“พี่สาว ข้ายอมตายแต่ไม่ยอมจำนนเด็ดขาด” เหลิ่งชิงเสวี่ยที่อยู่ข้างกันกล่าวชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่รู้ดีชั่ว!”
หย่งเฟยตู้แค่นเสียง “หลายปีที่ผ่านมามีโจรเฒ่าเหนียนอวิ๋นจิ่งคุ้มครองเจ้า ถึงทำให้เจ้ามุ่งมั่นฝึกปราณ ไม่สนใจเรื่องขัดแย้งทางโลกได้ แต่ตอนนี้โจรเฒ่าเหนียนอวิ๋นจิ่งตายไปแล้ว ต่อให้เจ้าอยากตายก็ไม่มีทาง ต้องสวามิภักดิ์เท่านั้น!”
“เจ้านับเป็นตัวอะไร หากข้ากับชิงเสวี่ยร่วมกันสู้สุดชีวิต เชื่อหรือไม่ว่าแม้แต่โหยวเชียนเหิงก็ช่วยเจ้าไม่ได้” เนี่ยชิงหรงแววตาดุกร้าว
ประโยคเดียวทำเอาหย่งเฟยตู้หน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ กล่าวว่า “พวกเจ้าคิดดีแล้วหรือว่าจะทำเช่นนี้”
เนี่ยชิงหรงไม่สนใจเขา หันมองโหยวเชียนเหิงแล้วกล่าวว่า “พูดเช่นนี้ หากข้าสองคนไม่ตอบตกลงเรื่องนี้ วันนี้ก็ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้หรือ”
โหยวเชียนเหิงถอนใจเบาๆ “พวกเจ้าสองคนจะดึงดันไปทำไม ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าตามรอยโจรเฒ่าเหนียนอวิ๋นจิ่งเลยจริงๆ”
เนี่ยชิงหรงยิ้มเย็นก่อนกล่าว “คำถามสุดท้าย เจ้าเป็นคนเปิดเผยเส้นทางเดินทางของข้าให้สำนักศึกษาเยือกแข็งใช่หรือไม่”
โหยวเชียนเหิงนัยน์ตาหดรัด จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “น่าขัน ข้าในฐานะเจ้าสำนักของสำนักศึกษาสองลักษณ์ ไยต้องทำเรื่องแบบนี้”
ว่าพลางเขาหยัดตัวลุกขึ้น นัยน์ตาทอประกายกล้ากวาดมองเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ย เอ่ยว่า “ข้าถามแค่คำเดียว พวกเจ้าตัดสินใจแล้วใช่ไหม”
เนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยสบตากันปราดหนึ่ง
สวบ! สวบ!
ทั้งสองคนหมุนตัวแทบจะในทันที หายลับไปในอากาศ พุ่งออกไปนอกตำหนักใหญ่
“เข้ามาในตำหนักนี้แล้วยังจะหนีไปได้อีกหรือ…” มุมปากโหยวเชียนเหิงเผยรอยยิ้มหยัน
ตูม!
ใกล้กับประตูใหญ่ของตำหนักผุดม่านแสงระเบียบน่าสะพรึงชั้นหนึ่งโดยพลัน ดุจปราการสวรรค์ขวางอยู่ตรงนั้น เงาร่างของเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยซวนเซออกจากห้วงอากาศ ถูกขัดขวางอยู่ตรงนั้น
หัวใจของทั้งคู่จมดิ่งลงทันที
เดิมทีพวกนางเตรียมการและระวังตัวอย่างดี ตั้งใจจะหาโอกาสล่อโหยวเชียนเหิงออกจากสำนักศึกษาสองลักษณ์ ถึงตอนนั้นค่อยยืมพลังของหลินสวินอีกที เท่านี้ก็จัดการโหยวเชียนเหิงได้แล้ว
แต่ไหนเลยจะคาดคิด ไอสังหารของโหยวเชียนเหิงถึงกับมาเร็วขนาดนี้!
หากรู้แต่แรกว่าการมาครั้งนี้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ พวกนางไม่มีทางตกลงเด็ดขาด
แต่มานึกเสียใจตอนนี้ก็เห็นชัดว่าสายไปแล้ว
“ฮ่าๆๆ เนี่ยชิงหรง เหลิ่งชิงเสวี่ย พวกเจ้ายอมให้จับแต่โดยดีดีกว่า อยู่ที่นี่เจ้าสำนักก็คือฟ้า สั่งเป็นสั่งตายได้ พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ขัดขืนและต่อต้าน!”
ไกลออกไปหย่งเฟยตู้ระเบิดหัวเราะลั่น แววตาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย อยากจับเนี่ยชิงหรงมาอยู่ใต้ร่างตัวเองเสียเดี๋ยวนี้ใจจะขาด
“ฆ่าเจ้าต่ำช้าหน้าไม่อายนี่ก่อน!”
ยามเนี่ยชิงหรงโบกมือ ดาบบินสีขาวหิมะสายหนึ่งพุ่งออกมา ฟันไปทางหย่งเฟยตู้
“ไป!”
ริมฝีปากอมชมพูของเหลิ่งชิงเสวี่ยขยับเบาๆ เสียงชิ้งดังคราหนึ่ง กระสวยบินหลากสีสันชิ้นหนึ่งพุ่งออกมา ราวกับสายฟ้างดงาม กลิ่นอายเข่นฆ่าน่าตะลึง
หย่งเฟยตู้หัวเราะเหิมเกริม ไม่ต่อต้านสักนิด เบี่ยงหลบออกไปไกลๆ
ตูม!
พลังระเบียบสีเขียวน่าสะพรึงสายหนึ่งปรากฏขึ้น แปลงเป็นตาข่ายใหญ่ที่ละอองแสงพร่างพราว ดาบบินสีขาวหิมะและกระสวยบินหลากสีนั่นล้วนชะงักค้างในพริบตา ถูกกำราบอยู่ในตาข่ายใหญ่ ส่งเสียงครวญดังวู้มๆ ไม่สามารถขยับได้
ขณะเดียวกันภายใต้แรงกดดันของพลังระเบียบสีเขียวนั่น เงาร่างของเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยถูกจองจำตรงๆ ทันที ต่อให้มีมรรควิถีระดับบรรพจารย์ในตัวก็ไม่สามารถขยับนิ้วได้แม้แต่นิ้วเดียว
ทั้งคู่ล้วนเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
นี่ก็คือพลังระเบียบ ต่อให้เป็นเพียงระดับปฐพีขั้นสาม ก็ไม่ใช่สิ่งที่บรรพจารย์จักรพรรดิอย่างพวกนางจะสามารถต่อต้านได้สักนิด
และโหยวเชียนเหิงที่ครอบครองพลังระเบียบ ก็เหมือนนายเหนือหัวบนฟ้า!
“ตอนนี้ต่อให้พวกเจ้าอยากฆ่าตัวตายก็ไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ…”
หย่งเฟยตู้หัวเราะลั่น อวดกล้าเหิมเกริม จ้องมองตัวเนี่ยชิงหรงตรงๆ กล่าวขึ้นพร้อมเลียริมฝีปาก “เจ้าสำนัก ยกเนี่ยชิงหรงให้ข้าน้อยเถิด ข้าน้อยสัญญาว่าจะสั่งสอนให้นางว่านอนสอนง่าย ทำตัวเชื่องๆ ไม่มีใจคิดเป็นอื่นอีก!”
“เจ้า…”
เนี่ยชิงหรงทั้งโกรธทั้งอายจนอยากตาย ดวงตาโตเรียวเจียนจะพ่นไฟได้ แต่ไม่ว่านางจะขัดขืนอย่างไรล้วนไม่เป็นผล
“ข้ายกพวกนางให้เจ้าปราบพยศ จำไว้ สิ่งที่ข้าต้องการคือความจงรักภักดี”
โหยวเชียนเหิงแววตาเย็นชา เฉยเมยไร้ความรู้สึก
หย่งเฟยตู้ดีใจยิ่ง กล่าวขึ้นว่า “จะไม่ทำให้เจ้าสำนักผิดหวังเด็ดขาด!”
กล่าวพลางเขาเดินไปทางเนี่ยชิงหรงอย่างอดใจไม่ไหว หญิงงามเลิศล้ำคนนี้เปรียบเหมือนมารในใจของเขา ในที่สุดตอนนี้ก็ได้มาครอง ไฟรุ่มร้อนและความฮึกเหิมภายในใจแค่คิดก็รู้ว่าลุกโชนมากแค่ไหน
“คนงาม ข้าจะทะนุถนอมพวกเจ้าอย่างดี”
หย่งเฟยตู้กล่าวพลาง ก็เตรียมจะพาเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยที่ถูกจองจำอยู่ออกไป
ก็เป็นเวลานี้เอง…
เสียงเฉยเมยสายหนึ่งพลันดังขึ้นจากนอกตำหนักใหญ่ “ออกจะ… ได้ใจไว้เกินไปหน่อยหรือไม่”
หย่งเฟยตู้อึ้งไป
เนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยที่เดิมยังสิ้นหวัง อับอาย และเดือดดาลหาใดเปรียบพลันเผยสีหน้าดีใจ เป็นเขา!
โหยวเชียนเหิงขมวดคิ้วน้อยๆ สายตาหันไปมองนอกตำหนักใหญ่ กล่าว “เป็นหนูจากไหน ถึงกับกล้าแฝงตัวเข้าสำนักศึกษาสองลักษณ์ของข้าโดยพลการ!?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงก็เห็นเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งเดินอาดๆ มาจากด้านนอก อาภรณ์สีพระจันทร์ทั้งชุด ดวงหน้าหล่อเหลา
เป็นหลินสวินนั่นเอง
——