เย่เฉินพยักหน้ายิ้มๆ พลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ให้หมอมาที่นี่ตรวจดูเผื่อไว้ก็ดีเหมือนกัน”

หวังตงเสวี่ยนรีบถามเสียงค่อย “เรื่องของยา หากหมอถามขึ้นมาควรพูดว่ายังไงดีคะ? อย่างไรก็อยู่ในสายตาโรงพยาบาล โรคไตเสื่อมของพ่อฉันแทบจะรักษาไม่ได้แล้ว…”

เย่เฉินยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ไม่เป็นไร หมอในโรงพยาบาลชุมชนเคยพบเห็นปาฏิหาริย์ทางการแพทย์มานานแล้ว”

ล่าสุดเซียวฉางควนพ่อตาของเย่เฉินถูกรถชนจนเป็นอัมพาตส่วนบนเข้าโรงพยาบาล หมอทุกคนต่างบอกว่าครึ่งชีวิตต่อจากนี้ของเขาคงได้แต่นอนบนเตียง ตั้งแต่ช่วงคอลงไปไม่อาจรับรู้ความรู้สึกใดๆ ได้อีก และไม่อาจขยับร่างกายได้อย่างอิสระ

แต่ว่าตนอาศัยยาช่วยหัวใจหนึ่งเม็ดก็รักษาเขาหายแล้ว ทำให้เขาสามารถกระโดดโลดเต้นได้ทันที

ตอนนั้นนี่จึงถูกคิดว่าเป็นปาฏิหาริย์ทางการแพทย์

ทว่าตนเอาหมอเทวดาในสายตาผู้คน คุณท่านซือ ซือเทียนฉีย้ายออกมา โดยพื้นฐานแล้วคงไม่มีใครสงสัยมากอีก

ไม่เพียงไม่มีใครสงสัย ยังดึงดูดตัวยุ่งยากอย่างโคบายา ชิอิจิโร่มาให้ซือเทียนฉีด้วย โคบายา ชิอิจิโร่ในเวลานั้น ที่ต้องการก็คือยาช่วยหัวใจนี่แหละ

ในเวลาอันรวดเร็ว ซุนยู่ฟางก็พาหัวหน้าฝ่ายเฉินที่เฝ้าเวรดึกวิ่งเข้ามา

พอหัวหน้าฝ่ายเฉินเข้าประตูมา ก็พบหวังเฉิงหย่วนที่มีสีหน้าเลือดฝาดนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ ก็พลันเบิกตาค้างอย่างตกตะลึง

“ศาสตราจารย์หวัง ทำไมคุณ…ทำไมคุณลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว?!”

หวังเฉิงหย่วนยิ้มพลางกล่าวว่า “หัวหน้าฝ่ายเฉิน เพื่อนของลูกสาวผมให้ยาวิเศษผมทานเม็ดหนึ่ง ผมรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นเป็นอย่างมาก อย่าว่าแต่ลุกขึ้นมานั่งเลย ถ้าไม่ใช่เพราะบนตัวมีท่อ มีสายแถมยังมีสายหนีบของเครื่องวัดชีพจรระโยงระยางขนาดนี้ ผมคิดว่าผมสามารถลงจากเตียงเต้นกายบริหารยังได้!”

“สวรรค์!” หัวหน้าฝ่ายเฉินพูดโพล่งออกมา “นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? โรคไตวายของคุณถึงระยะสุดท้ายแล้ว สามารถอาศัยเครื่องฟอกไตเพื่อต่อชีวิตได้ชั่วคราว ทำไมประเดี๋ยวเดียวก็หายแล้วล่ะ?”

พูดเสร็จ เขาก็ปรี่เข้ามาทันที ตรวจดูดัชนีร่างกายของหวังเฉิงหย่วนอย่างละเอียด

เห็นทีแรกก็ไม่เท่าไหร่ แต่ยิ่งเห็นก็ยิ่งตื่นตระหนกแล้ว!

ปากเขาพึมพำอย่างตกใจสุดขีด “อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น ค่าออกซิเจนในเลือดก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน…”

“คลื่นหัวใจก็ปกติดีทุกอย่าง…”

เขาดันแว่นตาขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองหวังเฉิงหย่วนแล้วพูดว่า “ศาสตราจารย์หวัง เราสองคนมาลองจับมือกัน คุณใช้แรงบีบเพื่อให้ผมรับรู้ถึงสภาพกล้ามเนื้อของคุณในตอนนี้หน่อย”

“ได้ครับ” หวังเฉิงหย่วนยื่นมือออกมาทันที จับกับหัวหน้าฝ่ายเฉิน ออกแรงบ้างนิดหน่อย

“อั้ยหยา!” หัวหน้าฝ่ายเฉินรู้สึกถึงแรงจากมือของหวังเฉินหย่วน จึงอุทานออกมาว่า “พละกำลังกล้ามเนื้อของคุณใช้ได้แล้ว! นี่มันช่างมหัศจรรย์จริงๆ คุณนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลมาหลายวันขนาดนี้ น้ำหนักลดลงอย่าวรวดเร็ว แถมกล้ามเนื้อยังหดลีบลงค่อนข้างจะรุนแรง แต่ตอนนี้ถึงกับยังมีแรงมากขนาดนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”

หวังเฉิงหย่วนกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “หัวหน้าฝ่ายเฉิน แรงแค่นี้ยังนับว่ามากอีกเหรอ?”

หัวหน้าฝ่ายเฉินพูดโพล่งว่า “แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว! คุณควรรู้ว่าผู้ป่วยโรคไตวายระยะสุดท้ายส่วนมาก แรงที่ใช้จับมือยังสู้เด็กอายุห้าหกขวบไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

หวังเฉิงหย่วนตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก็ยิ้มอย่างตื่นเต้นแล้วพูดว่า “หัวหน้าฝ่ายเฉิน! เมื่อกี้ผมยังไม่ได้ใช้แรงทั้งหมด…”

“อะไรนะ?!” หัวหน้าฝ่ายเฉินพูดโพล่งออกมา “แรงเยอะขนาดนี้ยังใช้ออกมาไม่หมด? งั้นคุณใช้แรงทั้งหมดให้ผมดูหน่อย”

หวังเฉิงหย่วนพยักหน้า ค่อยๆ เพิ่มแรงที่มือ เริ่มแรกหัวหน้าฝ่ายเฉินยังคงมีสีหน้าตกใจ แต่ต่อมาสีหน้าท่าทางก็ค่อยๆ ไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากนั้น จู่ๆ เขาก็ร้องตะโกนออกมาว่า “พอแล้วๆ! เจ็บๆ!”

หวังเฉิงหย่วนรีบคลายมือ พูดด้วยสีหน้าขออภัย “ขอโทษด้วยหัวหน้าฝ่ายเฉิน ไม่ได้ออมแรงเลย…”

“ไม่เป็นไรๆ …” หัวหน้าฝ่ายเฉินสะบัดมือไปมา แล้วใช้มืออีกข้างนวดคลึงอีกที ก่อนจะพูดโพล่งออกมาว่า “คุณนี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ผมอายุอ่อนกว่าคุณไม่กี่ปี แรงที่มือของคุณยังมากกว่าผมเสียอีก! ตอนนี้เห็นค่าต่างๆ ของคุณล้วนเป็นปกติหมดแล้ว ช่างมหัศจรรย์จริงๆ!

พูดเสร็จ เขาก็รีบร้อนเอ่ยปากกล่าวว่า “ศาสตราจารย์หวัง คุณรอเดี๋ยว ผมจะให้พยาบาลมาเจาะเลือดคุณเดี๋ยวนี้ ถือโอกาสวัดค่าซีรั่มครีเอตินินของคุณสักหน่อย หากค่าซีรั่มครีเอตินินก็ปกติเหมือนกัน อย่างนั้นคุณก็หายป่วยแล้วจริงๆ!”