ตอนยาที่ป้อนให้พ่อของหวังตงเสวี่ยนเพิ่งจะลงไปครึ่งหนึ่ง สองคนแม่ลูกก็ต้องพบกับความประหลาดใจอย่างยิ่งยวด สีหน้าที่เดิมทีซีดขาวราวกับกระดาษของหวังเฉิงหย่วนใบนั้น พริบตาก็มีสีแดงเลือดฝาดโผล่ขึ้นมาจางๆ

นี่ก็คือสีของเลือดลมที่แพทย์แผนจีนว่าไว้

เลือดลมของคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต สีหน้าจะดูเปล่งปลั่งมีเลือดฝาด หากเลือดลมไม่เพียงพอ ก็จะเปลี่ยนเป็นซีดขาวหรืออมเหลือง

เพราะอะไรผู้ที่ป่วยเป็นโรคแทบทุกคนถึงมีสีหน้าขาวซีด แม้แต่ริมฝีปากก็แทบจะไม่มีสีเลือด นั่นก็เพราะเลือดลมในร่างกายเหือดหายไปนานแล้ว

พ่อของหวังตงเสวี่ยนก็เป็นเช่นนี้

โรคไตวายร้ายแรงอย่างยิ่ง ทำให้ชีวิตเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายมานานแล้ว

ตัวคนจึงราวกับพืชที่แห้งเหี่ยวใกล้ตาย โรยราจนถึงที่สุดแล้ว

แต่หลังจากที่ยานี้เข้าปาก ร่างกายเขาก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน

ภาพเหตุการณ์นี้ ในสายตาสองคนแม่ลูกนั้น จึงราวกับหนังสารคดีที่ฉายทางโทรทัศน์

หนังสารคดีบางเรื่องเพื่อให้เห็นธรรมชาติจากสิ่งมีชีวิตในฤดูหนาวที่เปล่าเปลี่ยวจนถึงฤดูใบไม้ผลิกลับมาเยือนผืนดิน จึงจงใจใช้กล้องวิดีโอตั้งถ่ายแบบเร่งความเร็ว โดยอัดวิดีโอขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ป่าไม้ผืนหนึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวจนถึงฤดูใบไม้ผลิที่อากาศอบอุ่นดอกไม้ผลิบาน จากนั่นค่อยเร่งความเร็วเมื่อออกฉาย

เช่นนี้ ภายในเวลาไม่กี่วินาทีผู้ชมก็สามารถเห็นกระบวนการทั้งหมดในการเปลี่ยนสภาพของสิ่งมีชิวิตตามธรรมชาติได้!

นาทีนั้น ทุกคนต่างถูกความวิจิตรงดงามของธรรมชาติสั่นสะเทือนจิตใจ

สองคนแม่ลูกในเวลานี้ก็มองเห็นสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้เหมือนกัน!

หวังเฉิงหย่วนพ่อของหวังตงเสวี่ยน ภายในระยะเวลาเพียงสั้นๆ ก็มีความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว

หลังจากที่ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเปล่งปลั่ง ลมหายใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นมีพลังมากขึ้นตามไปด้วย โดยผ่านเครื่องวัดชีพจรที่อยู่ด้านข้างสามารถมองออกได้ว่า ความดันเลือดที่เดิมทีต่ำมากของเขา ภายในเวลาสั้นๆ ก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ชั่วครู่ให้หลัง หวังเฉิงหย่วนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

นาทีนี้ สองคนแม่ลูกพลันตื้นตันจนน้ำตานองหน้า!

หวังตงเสวี่ยนหัวเราะไปพลางร้องไห้ไปพลางก่อนจะถามด้วยความห่วงใยว่า “พ่อคะ! พ่อรู้สึกเป็นยังไงบ้างคะพ่อ!”

ซุนยู่ฟางที่อยู่ด้านข้างก็ร้องไห้ด้วยความดีใจเป็นล้นพ้นเช่นเดียวกัน พร้อมเอ่ยปากถามว่า “เหล่าหวัง คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?”

สมองของหวังเฉิงหย่วนยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รีบร้อนถามพวกเธอว่า “นี่ฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?”

ซุนยู่ฟางรีบกล่าวว่า “ยังจะมานอนนานแค่ไหนอะไรอีก…คุณสลบไสลมาหลายวันแล้ว!”

“หา?” หวังเฉิงหย่วนอุทานว่า “สลบไปนานขนาดนี้เชียวหรือ?! ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกเลยสักนิด? ก็แค่รู้สึกเหมือนว่าหลับไปนานมาก…”

หวังตงเสวี่ยนที่อยู่ด้านข้างรีบร้อนถามเขาว่า “พ่อคะ ตอนนี้พ่อรู้สึกสบายดีไหมคะ?”

หวังเฉิงหย่วนนิ่งคิด ตนนั่งตัวตรงขยับแขนขาทั้งสี่เล็กน้อย ก็กล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “รู้สึกสบายดีมากเลย! เหมือนกับว่าไม่มีอาการป่วยเลยสักนิด โรงพยาบาลหาไตให้ฉันได้เหรอ?”

“เปล่าค่ะ” ซุนยู่ฟางพูดโพล่งออกมา “ไตแบบคุณหาไม่ได้มาตลอด โชคดีที่เพื่อนของตงเสวี่ยนนำยาวิเศษมาเม็ดหนึ่ง ถึงทำให้คุณฟื้นขึ้นมาได้!”

หวังเฉิงหย่วนอุทานว่า “ยาวิเศษ?! ยาวิเศษอะไร?”

ซุนยู่ฟางไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดีไปชั่วขณะ จึงรีบร้อนพูดว่า “อั้ยหยา คุณก็อย่าถามมากขนาดนี้เลย คุณไม่ใช่แพทย์แผนจีนสักหน่อย ยาวิเศษนี้คุณจะไปรู้จักที่ไหนกัน? ควรรีบขอบคุณคุณเย่ก่อนดีกว่า!”

พอหวังเฉิงหย่วนเงยหน้า ถึงค่อยเห็นเย่เฉินที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขารีบร้อนพูดด้วยความรู้สึกขอบคุณ “คุณเย่ ครั้งนี้ขอบคุณคุณมากจริงๆ ครับ!”

เย่เฉินยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “คุณลุงหวังไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ ผมกับตงเสวี่ยนเป็นเพื่อนสนิทกัน เรื่องพวกนี้ไม่ลำบากเลยครับ”

ซุนยู่ฟางอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ “เหล่าหวัง ฉันเห็นว่าตอนนี้สีหน้าอาการของคุณดีมากแล้ว คิดว่าสภาพร่างกายจะต้องดีขึ้นมากแน่ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันให้หัวหน้าฝ่ายเฉินมาตรวจคุณสักหน่อยแล้วกัน!”

หวังตงเสวี่ยนที่อยู่ด้านข้างรีบร้อนถามเย่เฉินเสียงค่อยว่า “หากให้หมอมาตรวจจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”