ข้อดีของคนมีความรู้คือ แม้เธอไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องทางการแพทย์ แต่เธอก็รู้จักและวินิจฉัยเรื่องราวมากมายได้แม่นยำกว่าคนทั่วไป
หวังตงเสวี่ยนเดินขึ้นหน้ามาประคองมารดา ร้องไห้ไปพลางพูดไปพลาง “แม่คะ แม่วางใจ เย่เฉินช่วยชีวิตพ่อ ต่อไปหนูจะเป็นวัวเป็นม้าตอบแทนเขา…”
ซุนยู่ฟางพยักหน้าเบาๆ สะอึกสะอื้นกล่าวว่า “เสี่ยวเย่ ต่อไปเธอก็คือผู้มีพระคุณของครอบครัวเรา…”
หวังเฉิงหย่วนที่อยู่บนเตียงคนไข้ก็อดขอบตาแดงอย่างห้ามไม่ได้เช่นกัน พลางกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “เสี่ยวเย่ ชีวิตนี้ของลุงเป็นเธอที่ช่วยไว้ ต่อไปหากเธอมีสิ่งใดที่ต้องการให้ลุงช่วย ก็โปรดบอกลุงมาได้เลย ลุงพร้อมพลีชีพทำมันอย่างไม่ลังเล!”
เย่เฉินยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “คุณลุงคุณน้ากล่าวหนักไปแล้ว ตงเสวี่ยนเป็นเพื่อนผม นี่เป็นเพียงการช่วยเหลือกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นเองครับ ปกติตงเสวี่ยนก็ช่วยเหลือผมไม่น้อย นี่จึงนับเป็นการตอบแทนน้ำใจเธอ”
หวังตงเสวี่ยนได้ยินเช่นนี้ ในสจก็รู้สึกตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง
เธอรู้ความหมายในคำพูดของเย่เฉิน จะต้องเป็นเพราะคิดว่าตนช่วยเขาดูแลตี้เหากรุ๊ปสิ้นเปลืองความคิดไม่น้อย
แต่ที่ในใจเธอรู้ชัดเจนดีก็คือ “การดูแลตี้เหากรุ๊ปทั้งหมดคือหน้าที่ของพนักงานอย่างฉัน เป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของฉัน…”
“ฉันรับเงินเดือนจากคุณชายแล้ว ก็ต้องรับใช้ตี้เหากรุ๊ป นี่เป็นสัจธรรมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นจึงไม่นับว่าเป็นการช่วยเหลือคุณชายโดยสิ้นเชิง”
“มิหนำซ้ำ คุณชายเพิ่งจะรับช่วงต่อตี้เหากรุ๊ปได้ไม่นานนัก จึงเพิ่มเงินเดือนให้ฉันเท่าหนึ่ง ฉันทุ่มเททำงานให้เขา ยังไม่ใช่เรื่องสมควรอีกเหรอ…”
ตอนที่เธอกำลังละอายใจอย่างสุดแสนนั้น ที่ด้านข้างหัวหน้าฝ่ายเฉินที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอด ก็รวบรวมความกล้าถามขึ้นมาว่า “น้องชายคนนี้ ขอถามคำถามหนึ่งได้หรือไม่?”
เย่เฉินพยักหน้ากล่าวว่า “หัวหน้าฝ่ายเฉินเชิญพูด”
หัวหน้าฝ่ายเฉินรีบถามว่า “ฉันขอบังอาจถามหน่อย ที่คุณให้ศาสตราจารย์หวังทาน คือยาอะไรกันแน่? แน่นอนว่า หากเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่าง ไม่อาจพูดออกมาได้ ฉันก็เข้าใจดี!”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย “กลับไม่ใช่ความลับอะไรเลย ก็แค่ยานี้เป็นยาที่ผมขอมาจากหมอเทวดาซือซือเทียนฉีเท่านั้นเอง ว่ากันว่าหมอเทวดาฉือเองก็ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นยาวิเศษนี้เช่นกัน ครอบครัวเก่าแก่ของเขาบังเอิญได้ยาลูกกลอนที่ตกทอดมาจากหมอชื่อดังในสมัยโบราณมาเล็กน้อย ที่เหลืออยู่ในโลกเดิมทีก็มีปริมาณน้อยมาก ตอนนี้ทานไปหนึ่งเม็ดก็น้อยลงหนึ่งเม็ดแล้ว”
หัวหน้าฝ่ายเฉินฟังมาถึงตรงนี้ ก็ถึงบางอ้อ ตบหน้าขาพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ฉันนึกออกแล้ว! คราวก่อนก็เป็นที่โรงพยาบาลเรา มีคนไข้เป็นอัมพาตที่ส่วนบนคนหนึ่ง ก็เป็นเพราะกินยาวิเศษที่หมอเทวดาซือซือเทียนฉีนำมา พริบตาก็หายเป็นปกติ ว่ากันว่าตอนนั้นที่หมอเทวดาซือใช้ ก็คือยาแพทย์แผนจีนโบราณที่ไร้ผู้สืบทอดตำรับยานี่แหละ คิดไม่ถึงว่ายาชนิดนี้จะวิเศษถึงขนาดนี้เชียว ไม่เพียงสามารถรักษาคนเป็นอัมพาตส่วนบนได้ ยังสามารถรักษาโรคไตวายชนิดเฉียบพลันที่วงการการแพทย์ในปัจจุบันไม่อาจรักษาได้ให้หายได้…”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเสียดายอยู่พักหนึ่ง กล่าวขึ้นอย่างใจคอแห้งเหี่ยวเป็นอย่างมาก “บรรพบุรุษของเราทิ้งของวิเศษมากมายขนาดนี้ไว้ให้ แต่น่าเสียดายที่พวกเราไม่อาจรักษาของดีของพวกเขาแล้วสืบทอดต่อไปได้ หากยาวิเศษเช่นนี้สามารถค้นพบใหม่อีกครั้ง ทั้งยังเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งล่ะก็ นั่นก็เป็นความโชคดีของประชากรทั่วโลกแล้ว…”
เย่เฉินพยักหน้ายิ้มๆ ไม่ได้พูดมากอีก
หัวหน้าฝ่ายเฉินมองดูเวลา เอ่ยปากกล่าวว่า “อั้ยหยา จะสิบโมงแล้ว ฉันต้องไปตรวจที่ห้องคนไข้อื่นต่อ ไม่รบกวนแล้ว”
หวังตงเสวี่ยนรีบส่งหัวหน้าฝ่ายเฉินออกไป พอหลังจากที่เธอกลับเข้ามาใหม่ เย่เฉินก็เอ่ยปากกล่าวว่า “คุณลุง คุณน้า ตงเสวี่ยน เวลาไม่เช้าแล้วจริงๆ ผมเองก็ต้องกลับก่อนแล้ว”
ซุนยู่ฟางรีบร้อนกล่าวว่า “อั้ยหยาเสี่ยวเย่ รีบร้อนไปทำไม นั่งอีกเดี๋ยวเถอะ!”
หวังตงเสวี่ยนที่อยู่ด้านข้าง เกิดกลัวว่ามารดาจะแสดงออกว่าชอบใจเย่เฉินมากเกินไป ด้วยเหตุนี้จึงรีบร้อนพูดว่า “แม่คะ นี่เป็นห้องคนไข้ของโรงพยาบาล ไม่ใช่บ้านตัวเองสักหน่อย มีที่ไหนรั้งคนให้นั่งในห้องคนไข้เพิ่มอีกเดี๋ยวกัน?”
กล่าวจบ เธอก็รีบร้อนกล่าวว่า “อีกอย่าง ตอนนี้ร่างกายพ่อก็หายดีเป็นปลิดทิ้งแล้ว พวกเราควรรีบทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับบ้านดีกว่า หนูรู้สึกว่าระยะนี้โรงพยาบาลจะแออัดเกินไปแล้ว หนูไม่อยากจะอยู่นานแม้แต่นาทีเดียว”
พอซุนยู่ฟางได้ยินเช่นนี้ ก็ได้แต่กล่าวกับเย่เฉินอย่างเสียดายอยู่บ้าง “เสี่ยวเย่ งั้นวันนี้น้าจะไม่รั้งเธอไว้แล้ว พรุ่งนี้น้าจะทำอาหารมื้อใหญ่เพื่อขอบคุณเธอที่บ้าน เธอจะต้องมาให้ได้นะ!”