“45?!”
ได้ยินค่านี้เข้า ตัวหัวหน้าฝ่ายเฉินก็งุนงงไปหมดแล้ว
จาก1500ลดลงมา45? นี่จะมหัศจรรย์เกินไปหรือเปล่า?
หวังตงเสวี่ยนสามคนครอบครัวรู้สึกมีปฏิกิริยาต่อตัวเลขนี้มากขึ้น
เพราะอย่างไรเมื่อไม่กี่ปีก่อน บิดาของหวังตงเสวี่ยนก็เริ่มได้รับความทรมานจากโรคยูเรเมียแล้ว ครอบครัวนี้เมื่อป่วยนานเข้า จึงนับว่าป่วยนานจนกลายเป็นหมอไปแล้ว
พวกเขาเข้าใจดีต่อการแบ่งช่วงของค่าซีรั่มครีเอตินิน แต่ละช่วงที่ต่างกันแสดงให้เห็นว่าไตมีสภาพเป็นอย่างไร พวกเขารู้ชัดเจนดี
ซึ่งค่าปกติของซีรั่มครีเอตินินจะอยู่ที่ประมาณ40-130
ดังนั้น พอได้ยินตัวเลข45นี้ สามคนครอบครัวก็น้ำตานองหน้าด้วยความตื่นเต้นทันที!
หวังตงเสวี่ยนคิงถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ถึงค่อยซักถามหัวหน้าฝ่ายเฉินว่า “สวัสดีค่ะหัวหน้าฝ่ายเฉิน เหมือนฉันจะจำได้ว่าค่า45นี้ สำหรับคนทั่วไปแล้ว จะมากจะน้อยก็ต่ำอยู่บ้าง?”
ที่หวังตงเสวี่ยนพูดมาไม่ผิด ค่า45นี้ แทบจะเป็นค่าที่เกือบต่ำสุด ดังนั้นสำหรับคนธรรมดาส่วนใหญ่แล้วจึงยังคงต่ำอยู่บ้างจริงๆ
ปกติแล้วค่าซีรั่มครีเอตินินของเพศชายวัยผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่ค่าจะอยู่ในช่วงเจ็ดสิบแปดสิบโดยประมาณ
หัวหน้าฝ่ายเฉินพูดขึ้นอย่างยากจะปกปิดความตื่นเต้นไว้ได้ “ค่านี้อันที่จริงก็ปกติมาก ระยะนี้พ่อคุณล้มป่วย น้ำหนักลดลงเร็วมาก ร่างกายจึงเปลี่ยนเป็นซูบผอม และอยู่ในสภาวะขาดสารอาหารในระดับคงที่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ค่าซีรั่มครีเอตินินย่อมจะต่ำมาก ผมคิดว่าพ่อคุณบำรุงดีๆ อีกสักสองสามวัน ค่าก็น่าจะขึ้นมาอยู่ที่เจ็ดสิบแปดสิบโดยประมาณซึ่งเป็นค่าที่ดีที่สุด!”
ตัวหวังตงเสวี่ยนพลันผ่อนคลายลงอย่างมาก เธอรีบร้อนถามว่า “หัวหน้าฝ่ายเฉินคะ งั้นอาการของพ่อฉันตอนนี้ถือว่าหายป่วยหรือยัง?”
หัวหน้าฝ่ายเฉินพยักหน้า พูดอย่างมั่นใจ “หายแล้ว! ต้องหายแน่นอนอยู่แล้ว! นี่มันช่างมหัศจรรย์จริงๆ!”
หวังตงเสวี่ยนดีใจสุดจะบรรยาย หมุนกายหันไปมองเย่เฉิน ขอบตาแดงเรื่อ
เธอมีคำพูดขอบคุณอยากจะกล่าวมากมาย แต่พอมาถึงปากกลับรู้สึกติดอยู่ในลำคอ
นี่เป็นเพราะในมุมมองของเธอ บุญคุณช่วยชีวิตนี้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า หากปากตนเอาแต่พูดจาขอบคุณไปมา ก็จะแสดงให้เห็นว่าตนไม่มีความจริงใจ และไม่เคารพมากพอ
แม้ซุนยู่ฟางจะรู้ว่าสามีน่าจะหายป่วยแล้ว แต่ก่อนหน้านี้อย่างไรก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด ตอนนี้ค่าซีรั่มครีเอตินินออกมาแล้ว ความสงสัยทั้งหมดที่อยู่ในใจเธอจึงหายเป็นปลิดทิ้ง ทำให้เธออดร้องไห้น้ำตานองหน้าไม่ได้
ทันใดนั้นเธอก็มองไปที่เย่เฉิน จู่ๆ ก็คุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน พูดด้วยความซาบซึ้งสุดจะบรรยาย “เสี่ยวเย่…ขอบใจ…ขอบใจเธอมากจริงๆ …”
เย่เฉินเห็นเช่นนี้ ก็รีบร้อนเดินขึ้นหน้าไปประคองเธอขึ้นมา ปากพูดว่า “โธ่ คุณน้า นี่คุณทำอะไรครับ? รีบลุกขึ้น…”
เวลานี้ซุนยู่ฟางจึงสะอึกสะอื้นกล่าวว่า “น้ารู้สึกว่าบุญคุณนี้ของเธอสำหรับครอบครัวของเราแล้ว ช่างมากมายเกินไปจริงๆ น้าเลยไม่รู้ว่าจะขอบคุณเธออย่างไร…”
พูดมาถึงตรงนี้ ซุนยู่ฟางก็ทอดถอนใจว่า “เสี่ยวเย่ น้าเองก็ไม่ใช่คนโง่ ยาเม็ดนั้นที่เธอให้พวกเรา มีสรรพคุณที่วิเศษเช่นนี้ หากขายให้คนมีเงินเหล่านั้น จะต้องได้ราคาสูงแน่ อย่าว่าแต่หลายสิบล้านเลย ต่อให้เป็นร้อยล้าน สำหรับคนมีเงินที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเหล่านั้นแล้ว ก็คงมีค่ามากมายเช่นกัน”
แม้ซุนยู่ฟางจะไม่ใช่อาจารย์สอนมหาวิทยาลัย แต่เธอเองก็เป็นพวกคนแก่มีความรู้เช่นกัน