มีคนคิดว่าตู้ไห่ชิงจะไม่โผล่มาในงานนี้ เพราะพวกเขาคิดว่าตระกูลซูจะต้องเอาเรื่องนี้มากดดันตู้ไห่ชิง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะให้ตู้ไห่ชิงทำให้ตระกูลขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด

แต่มีคนคิดว่า ในเมื่อตู้ไห่ชิงไปที่เมืองจินหลิงแล้ว และยังที่บ้านเก่าของเย่ฉางอิงมาแล้ว กระทั่งยังลงทะเบียนเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้ ด้วยนิสัยของเธอแล้วเธอจะต้องไปอย่างแน่นอน แม้ว่ามีดจะตกจากท้องฟ้า เธอก็จะต้องไปอย่างแน่นอน

ดังนั้น คนที่สอนรู้สอดเห็นได้เปิดการเดิมพันในเย่นจิง ว่าตู้ไห่ชิงจะปรากฏตัวขึ้นหรือไม่ เริ่มพากันลงขันวางเดิมพัน

ตอนนี้ที่คฤหาสน์ตระกูลตู้

ตู้ไห่ชิงไปเตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

การประมูลในครั้งนี้ เธอได้ตัดสินใจว่าจะไปที่งานให้ได้ ดังนั้น ถึงตระกูลซูจะมีการโต้แย้งอย่างไร เธอก็ตั้งใจแน่วแน่จะจะออกเดินทาง

ซูจือเฟยและซูจือหยูสองพี่น้อง ได้ไปดักรอที่หน้าห้องของตู้ไห่ชิงนานแล้ว ในตอนที่เธอเปิดประตูห้องออก สองพี่น้องก็เห็นแม่ของตัวเองที่สวมชุดเป็นทางการ

ซูจือเฟยร้อนรนในทันที รีบโพล่งออกไปว่า“แม่!แม่จะไปงานประมูลนั่นจริงๆหรอครับ?”

ตู้ไห่ชิงพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า“แม่ลงทะเบียนไปนานแล้ว ทำไมจะไม่ไปล่ะ?”

ซูจือหยูพูดด้วยใบหน้ากระวนกระวาย“แม่คะ!แม่ห้ามไปนะคะ!เพื่อนหนูบอกแล้ว ตอนนี้คนทั้งเย่นจิง กำลังสนใจเรื่องของแม่อยู่ พวกเขาบอกว่า ถ้าคุณแม่ไป ตระกูลซูก็จะเสียหน้าทันที……”

ตู้ไห่ชิงพูดอย่างจริงจังไปว่า“ศักดิ์ศรีของตระกูลซูแม่ไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ตระกูลซูตัดสินใจเอง คุณปู่ของลูก การกระทำทุกอย่างของพ่อ เป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกับศักดิ์ศรีของตระกูลซู”

ซูจือหยูรีบพูดขึ้นมาว่า“แม่ครับ ผมเข้าใจแม่นะ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลซูก่อนหน้านี้ไม่สามารถกลับคืนมาได้แล้ว แต่ถ้าตอนนี้แม่ยอมแพ้ไม่ไปร่วมงานประมูลล่ะก็ ตระกูลซูยังพอมีโอกาสเอาศักดิ์ศรีและเกียรติกลับมาได้บ้าง……”

ตู้ไห่ชิงมองไปที่ซูจือหยู แล้วพูดอย่างจริงจังไปว่า“จือหยู แม่ไม่เคยสนใจความคิดของคนอื่นมาก่อน รวมถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นใครก็สามารถคิดแบบนี้ได้ทั้งนั้น แต่ลูกจะทำไม่ได้เด็ดขาด ลูกรู้ไหมเพราะอะไร?”

ซูจือหยูส่ายหัวไปมาอย่างไม่รู้ตัว

หลังจากนั้น เธอก็ถามไปว่า“แม่คะ ทำไมหนูทำไม่ได้ล่ะคะ?”

ตู้ไห่ชิงพูดอย่างเคร่งขรึมไปว่า“ที่พวกเขาคิดว่าแม่น่าจะกู้ศักดิ์ศรีและเกียรติสุดท้ายให้ตระกูลซู นั่นก็เป็นเพราะคิดว่าแม่เป็นคนที่แต่งงานออกไปแล้ว”

“พวกเขาคิดว่า ในฐานะที่เป็นผู้หญิงที่แต่งงานออกไป ไม่ว่าจะตอนไหนเมื่อไร ก็จะต้องเห็นแก่ประโยชน์ของครอบครัวสามีเป็นหลัก”

“สามีของตัวเองแอบไปมีคนอื่นข้างนอก จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไม่ได้เด็ดขาด กลับกันยังต้องทำท่าทีโลกสงบสุขร่มเย็นให้ทุกคนดู ให้ทุกคนรู้ว่า ตอนนี้ตนเห็นศักดิ์ศรีหน้าตาของสามีสำคัญกว่า ในสายตาของพวกเขา ผู้หญิงแบบนี้ เรียกว่าคนที่ดูสถานการณ์ออก”

“แต่ว่า จากมุมมองของแม่ ผู้หญิงแบบนี้ น่าเศร้ามาก!ทำไมแม่ต้องมาแบกรับความน้อยใจแบบนี้ แล้วปรับตามใจคนอื่น?ทำไมแม่ต้องแบกรับความน้อยใจ เพื่อช่วยคนอื่นให้สมปรารถนา?หรือเพราะแม่เป็นผู้หญิง?”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ตู้ไห่ชิงก็มองไปที่ซูจือหยู แล้วพูดอย่างหนักแน่นไปว่า“จือหยู แม่ไม่เคยหวังอยากให้ลูกแต่งงานกับคนรวย หรือครอบครัวสามีที่มีอำนาจ แม่แค่หวังว่าไม่ว่าลูกจะอยู่ในสถานการณ์ไหน จะสามารถปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองได้ อย่าลดตัวเป็นผู้หญิงประเภทที่เห็นสถานการณ์โดยรวมสำคัญ ไม่อย่างนั้น ทั้งชีวิตของลูกจะไม่มีความสุข!”

วินาทีนี้ราวกับซูจือหยู ถูกสายฟ้าฟาด

เธอมองดูสายตาที่แน่วแน่ของแม่ตนเอง จู่ๆก็มีทะเลที่มีพายุผุดขึ้นในหัวใจของเธอ

เธออดที่จะแอบนึกคิดไม่ได้ว่า“ทำไมฉันต้องพูดกับแม่แบบนี้ด้วย หรือเรื่องแบบนี้ถ้าอนาคตเกิดขึ้นกับตัวเอง ฉันก็จะทำกับตัวเองแบบนี้ใช่ไหม?ซูจือหยูเอ้ยซูจือหยู ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้……”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธออดที่จะกำหมัดไม่ได้ แล้วกัดฟันพูดขึ้นมาว่า“แม่คะ!ในเมื่อแม่จะไปให้ได้ งั้นหนูก็จะไปกับแม่ค่ะ!”