ณ ขณะนี้ ตระกูลเย่ในเย่นจิง

ซูโสว่เต๋อรายงานกับคุณท่านว่า“พ่อครับ!พี่สะใภ้กับจือหยู ไปที่งานประมูลแล้วครับ!”

“ว่าไงนะ?!”สีหน้าของนายท่านใหญ่ซูเฉิงเฟิง ถึงกับเปลี่ยนไปเย็นชาทันที!

เขากัดฟันกรอดแล้วพูดว่า“ตู้ไห่ชิงทำเกินไปแล้วจริงๆ!”

ซูโสว่เต้ารีบถามไปว่า“พ่อครับ ตอนนี้เราจะทำยังไงดีครับ?”

นายท่านใหญ่ซูกัดฟันกรอด แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมไปว่า“ในเมื่อตู้ไห่ชิงไม่สนใจศักดิ์ศรีของตระกูลซู ก็อย่าโทษที่ฉันไม่ไว้หน้าแล้วกัน!”

พูดจบ เขาก็ก่นด่าอย่างโกรธเกรี้ยว“ตอนนั้นพระชายาของยุโรปคนนั้น เป็นคนที่อบรมสั่งสอนหลายครั้งแต่ก็ไม่ปรับปรุงแก้ไข!ไม่เพียงแต่หาแฟนนอกรีต แต่ยังลือกันว่าตั้งครรภ์กับเด็กนอกรีตด้วย พระองค์จะทรงเอาพระพักตร์ราชวงศ์ไปไว้ที่ไหน?!ถ้าพระองค์ไม่บีบบังคับราชวงศ์จนถึงขีดสุด ราชวงศ์จะลงมือกับเธอแบบนั้นได้ยังไง?สุดท้ายแล้ว ตัวเองเป็นคนทำทั้งนั้น!!”

ซูโสว่เต๋อกดเสียงพูดว่า แล้วถามอย่างระมัดระวัง“พ่อครับ พ่อคงไม่ได้จะลงมือกับพี่สะใภ้จริงๆใช่ไหมครับ?!ถึงแม้ตอนนี้ตระกูลตู้กำลังตกต่ำ แต่โดยรวมแล้วยังถือว่าเป็นคนชั้นสูง ถ้าเราลงมือบุ่มบ่าม ต้องทำให้ตระกูลตู้โกรธอย่างแน่นอน……”

พูดจบ ซูโสว่เต๋อก็พูดเสียงต่ำว่า“อีกทั้ง ทั่วทั้งเย่นจิงกำลังดูอยู่นะครับ ถ้าหากเราลงมือตอนนี้ ทุกคนจะต้องรู้กันหมด ว่าเราเป็นคนทำแน่……”

ซูเฉิงเฟิงทำเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า“ฉันไม่กลัวว่าพวกเขาจะรู้ กลับกัน ฉันกลัวว่าพวกเขาจะไม่รู้น่ะสิ!ตู้ไห่ชิงผู้หญิงคนนี้ อบรมยังไงก็ไม่ปรับปรุงเหมือนกัน!ถ้าเราไม่เคลื่อนไหว คนภายนอกจะคิดว่าตระกูลซูของเราใครมาย่ำยีก็ได้ แล้วกล้ำกลืนฝืนทน!”

ต่อมา ซูเฉิงเฟิงก็สะบัดมืออย่างแรง พูดโดยที่สายตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม“ขอแค่เราทำให้เรียบร้อย อย่าให้เหลือเบาะแสแม้แต่นิดเดียว ถึงคนทั้งโลกจะรู้ว่าเป็นฝีมือของเรา แต่จะทำอะไรกับเราได้ล่ะ?”

ซูโสว่เต๋อรีบถามขึ้นมาว่า“พ่อครับ งั้นเราจะให้ใครลงมือล่ะครับ?”

ซูเฉิงเฟิงพูดขึ้นมาว่า“เรื่องนี้ฉันเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนแรกฉันคิดว่า ขอแค่ตู้ไห่ชิงไม่ไปร่วมการประมูล ฉันจะไม่เอาเรื่องอะไรกับเธอ แต่ในเมื่อหล่อนไม่รับความหวังดี งั้นก็อย่าโทษที่ฉันไม่ไว้หน้าแล้วกัน!”

ซูโสว่เต๋อถามอีกว่า“พ่อครับ งั้นจะทำยังไงกับจือหยูครับ?”

ซูเฉิงเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า“ฉันมอบหมายงานไว้แล้ว พวกเขาจะไม่ลงมือกับจือหยู”

พูดจบ ซูเฉิงเฟิงถามขึ้นมาอีกว่า“จริงด้วย แล้วจือเฟยไปไหม?”

ซูโสว่เต๋อส่ายหัวไปมา“ฝั่งนั้นไม่ได้พูดถึงจือเฟยครับ น่าจะไม่ได้ไป”

ซูโสว่หลี่ที่อยู่ข้างๆรีบพูดขึ้นมาว่า“พ่อครับ จือเฟยอยู่ที่สนามบินจินหลิงแล้วครับ จะบินกลับมาตอนสิบโมงครับ”

ซูเฉิงเฟิงที่ได้ยินอย่างนั้น ในใจรู้สึกยินดีปรีดาเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ดูท่าจือเฟยจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังเหมือนชื่อที่ฉันตั้งให้เขา สามารถรู้ผิดชอบชั่วดี นี่สิเป็นสิ่งที่สำคัญ!”

ซูโสว่เต๋อรีบพูดขึ้นมาว่า“พ่อครับ ถ้าพ่ออยากสั่งสอนพี่สะใภ้จริงๆ งั้นก็ต้องคิดหาวิธีปล่อยจือเฟย ไม่อย่างนั้น ผมกลัวว่าเด็กคนนี้จะคิดสั้น……”

ซูโสว่เต๋อพูดอะไรมักมีความนัยอยู่ในนั้น

ตอนนี้ความหวังสูงสุดของ นั่นก็คือการพยายามทุกวิถีทาง ให้คุณท่านโกรธครอบครัวของพี่ใหญ่

ในใจของเขาคิดว่า“ลำพังแค่ทำให้คุณท่านไม่พอใจพี่ใหญ่อย่างซูโสว่เต้า ซึ่งมันยังไม่พอ!”

“เพราะว่า ตอนนี้ร่างกายของตายังแข็งแรง ดังนั้น ในอนาคตเขาจะต้องข้ามไปอีกรุ่นอย่างแน่นอน!”

“นั่นก็หมายความว่า คุณท่านอาจจะอยู่ไปอีก10ปี8ปี แล้วข้ามรุ่นของฉันกับพี่ใหญ่ไป เอาตระกูลสืบทอดให้กับรุ่นต่อไปของเรา !”

“ถ้าเขาสืบทอดต่อให้ซูจือเฟย ถึงตอนนี้ฉันจะล้มพี่ใหญ่ของตัวเองไปแล้วมันจะมีความหมายอะไรล่ะ?หลังจากที่คุณท่านยอมจำนน ซูจือเฟยก็จะต้องกดหัวฉันไว้!”

“ดังนั้น จะต้องทำให้คุณท่านสูญเสียความเชื่อใจของซูจือเฟย!”

เป็นเพราะมีความคิดแบบนี้ ซูโสว่เต๋อจึงจงใจใช้วิธีแทนที่จะฆ่าคนทิ้งซะสู้เปิดโปงมันซะดีกว่า จงใจพูดให้คุณท่านคอยปลอบซูจือเฟย

เขาพูดบรรยายอย่างน่านับถือ เหมือนเป็นห่วงหลานชายคนโตของตัวเองมาก ความจริงแล้วเขาจงใจอยากทำให้ชราตื่น อยากให้เขารู้ว่า ถ้าเขาลงมือฆ่าแม่แท้ๆของซูจือเฟยตาย ซูจือเฟยจะต้องเกลียดเขาแน่ๆ!

ความแค้นฆ่าแม่แบบนี้ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร มันไม่อาจที่จะปลอบประโลมได้

ซูโสว่เต๋อคิดว่า ขอเพียงแค่คุณท่านรู้เรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นเขาจะไม่ให้ซูจือเฟยได้มีโอกาสใดๆทั้งสิ้น เพราะนั่นเท่ากับการเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้!

เป็นไปตามคาด!