ตู้ไห่ชิงอมยิ้ม“ไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่ว่าเครื่องของลูกจะบินกลับไปตอนสิบโมง ตอนเย็นค่อยบินกลับมาก็ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องให้คนอื่นเห็นถึงการแสดงจุดยืนของลูก”

พูดจบ ตู้ไห่ชิงก็กำชับอีกประโยคว่า“จือเฟย เกี่ยวกับผลดีหรือเสียหรือเปล่า?แม่พูดชัดเจนแล้วนะ ลูกเป็นเด็กฉลาด อย่าให้แม่ต้องพูดอีกรอบ”

ซูจือเฟยเม้มริมฝีปาก แล้วพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้“ได้ครับแม่ ผมจะไปเก็บสัมภาระง่ายๆหน่อย แล้วไปสนามบินกับปู่หวาง”

……

หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที รถสีดำคันหนึ่ง ก็เดินทางออกจากคฤหาสน์ตระกูลตู้ไป

หนึ่งในนั้นมุ่งหน้าไปยังหอเพชรนิลจินดาที่อยู่ภายในเมือง อีกคันหนึ่ง ออกไปยังสนามบินนานาชาติจินหลิงที่อยู่นอกเมือง

ภายในรถคันแรก มีตู้ไห่ชิงกับซูจือหยูสองแม่ลูก

สองแม่ลูกใบหน้าคล้ายกันมาก สามารถถือได้เลยว่าเป็นหญิงงามล่มเมือง

ในเวลานั้น ตู้ไห่ชิงได้รับฉายาว่าเป็นสาวงามที่หนึ่งของเย่นจิง และกล่าวได้เลยว่าเป็นคู่ครองที่บรรดาคนชั้นสูงนับไม่ถ้วนพากันเฝ้าถวิลหา

แต่น่าเสียดายตู้ไห่ชิงที่มีความงามสามารถล่มเมือง แต่ยังคงต้องแพ้ให้กับแม่ของเย่เฉิน

ซูจือหยูยังเด็กมาก แต่แม่จะดูไม่เป็นผู้ใหญ่สู้ตู้ไห่ชิงไม่ได้ แต่ความงามกลับมีมากกว่าตู้ไห่ชิง

ระหว่างทางที่มางานประมูล สองแม่ลูกนั่งอยู่ข้างกัน ตู้ไห่ชิงมองไปที่นอกหน้าต่าง ความคิดล่องลอยไปไกล

เธอคิดถึงเย่ฉางอิงโดยไม่รู้ตัว และนึกถึงบ้านหลังเก่าของเย่ฉางอิงหลังนั้น หลังจากนั้น ก็นึกถึงชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่อยู่บ้านเก่าในวันนั้น

“เขาต้องเป็นลูกชายของฉางอิงแน่ๆ……ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะหน้าตาเหมือนฉางอิงขนาดนั้น…… เพียงแต่สองวันมานี้สืบข้อมูลที่เกี่ยวกับเขาไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าวันนี้เชาจะไปร่วมงานประมูลไหม?”

ณ ขณะนี้ ภายในหอเพชรนิลจินดา

เย่เฉินที่สวมหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง ก้าวเข้าไปในสถานที่ประมูล ภายใต้การต้อนรับอย่างยินดีปรีดาของเป่าฝู้กุ้ย

ถึงแม้การประมูลจะเริ่มขึ้นในภายในเวลาครึ่งชั่วโมง แต่เป่าฝู้กุ้ยยังคงให้ลูกน้องขวางคนที่จะเข้าร่วมงานประมูลไว้ด้านนอกประตูของหอเพชรนิลจินดา

ใช้คำพูดของเขาพูดก็คือ ที่เขาทำแบบนี้ นั่นก็คือเขากังวลว่าตัวตนของเย่เฉินจะถูกเปิดเผย

ดังนั้น หลังจากที่รอเย่เฉินเข้าไปยังห้องวีไอพีแล้ว เขาถึงปล่อยให้คนอื่นๆเข้ามาได้

เนื่องจากมีห้องวีไอพีในหอเพชรนิลจินดามีหนึ่งห้องเพิ่มขึ้นมา ดังนั้นเย่เฉินจึงถามออกไปว่า“เป่าฝู้กุ้ย ห้องวีไอพียังมีคนอื่นจองด้วยหรอ?”

“มี”เป่าฝู้กุ้ยจึงรีบพูดว่า“มีคนแซ่หวางต้องการจองห้องวีไอพีหนึ่งห้องครับ แต่ผมกลัวว่าคนอื่นๆที่อยู่ทั้งสองฝั่งของห้องวีไอพีจะกระทบอารมณ์ของอาจารย์เย่ ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบตกลงอะไร ผมพูดกับคนภายนอกว่า การประมูลในครั้งนี้ไม่ค่อยมีความสำคัญ ดังนั้นจึงไม่มีการเปิดให้จอง นอกจากคุณแล้ว คนอื่นๆต้องนั่งในห้องโถงที่อยู่ข้างนอกทั้งหมด”

เย่เฉินหยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า“รบกวนคุณแล้ว ผมเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว คุณรีบไปให้คนอื่นที่เข้ามาร่วมงานประมูลเข้ามาเถอะ”

“ได้ครับอาจารย์เย่!”เป่าฝู้กุ้ยโค้งคำนับให้เป่าฝู้กุ้ย แล้วหันหลังออกจากห้องวีไอพีทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้เข้าร่วมประมูลงานประมูลของสำนักอัยการ เริ่มพากันเดินเข้ามาในงาน

เย่เฉินนั่งอยู่ในห้องวีไอพีที่เป็นกระจกด้านเดียว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะเห็นตัวเอง

เขาสังเกตดูทุกคนที่เข้ามาอย่างละเอียด พบว่าคนส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายธรรมดามาก ดูๆไปแล้วคนที่เข้ามาประมูลในการประมูลของสำนักอัยการ ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นแรงงานธรรมดา

ในเวลานี้เอง เขามองเห็นผู้หญิงสองคนที่ใบหน้าคุ้นเคยเดินเคียงข้างด้วยกันมา

ผู้หญิงสองคนดูเหมือนคนที่อายุต่างกันไม่มาก คนที่อายุเยอะกว่าดูมีเสน่ห์ อายุน้อยกว่าเองก็มีความงามที่ทำให้คนหวั่นไหวเช่นกัน

ถ้าหากว่าไม่รู้ ต้องคิดว่าผู้หญิงสองคนนี้เป็นพี่น้องกันอย่างแน่นอน

แต่เย่เฉินกลับจำสองคนนี้ได้ในทันที

เขาจำผู้หญิงคนนั้นที่อายุน้อยกว่าได้ เธอคือซูจือหยูคนที่ตัวเองช่วยที่ญี่ปุ่นด้วยความบังเอิญ

สำหรับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าหน่อย เธอคือตู้ชิงไห่ ผู้หญิงที่ตนเห็นที่บ้านเก่าพ่อกับแม่!

เย่เฉินมองเห็นรูปร่างสง่างามทั้งสองคน อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้“คิดไม่ถึง ตู้ไห่ชิงจะมาร่วมงานประมูลจริงๆ……”