ผ่านไปสามสิบกว่าปี สิ่งที่เย่ฉางอิงเหลือไว้ให้เธอมีเพียงความทรงจำที่ไม่มีวันลบเลือนและรูปถ่ายเก่าๆบางส่วนเท่านั้น ไม่มีอะไรอีกแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาได้ทิ้งสิ่งของแทนความทรงจำให้ตัวเองเลย แม้แต่ตัวเองอยากจะไปหลุมฝังศพของเย่ฉางอิงเพื่อกราบไหว้ก็ยังเป็นเรื่องยากมากๆ

ในที่สุดฉันก็สามารถซื้อคฤหาสน์หลังเก่าที่เขาเคยพักอาศัย และความรู้สึกในใจของฉันที่เก็บมาสามสิบกว่าปี ในที่สุดเธอก็มีสิ่งๆหนึ่งสามารถยึดเหนี่ยวจิตใจได้

ซูจือหยูมองเห็นแม่ของตัวเองน้ำตาไหลหนองเต็มหน้า เธอรู้สึกสับสนไปหมด

เธอรู้สึกสงสารแม่ของตัวเองที่ลุ่มหลงในความรักมาหลายสิบปี แต่เธอก็เห็นใจพ่อของตัวเองที่มอบความรักให้แม่แต่กลับไม่ได้ความรักตอบแทนมาตลอดหลายปีเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอคิดอีกครั้งก็นึกได้ว่าพ่อของตัวเองแอบมีความสัมพันธ์นอกสมรส และมีลูกนอกสมรสที่อายุน้อยกว่าเธอเพียงแค่ปีเดียว และเธอก็รู้สึกว่าพ่อของตัวเองไม่น่าเห็นอกเห็นใจเลย

หลังจากนั้น เธอก็นึกถึงผู้มีพระคุณของตัวเอง

เมื่อเห็นแม่ของตัวเองลุ่มหลงในความรักมาตลอดชีวิต เธออดไม่ได้ที่จะถามตัวเองในใจ:”ซูจือหยู ถ้าเธอหาผู้มีพระคุณไม่เจอ เธอจะมีชีวิตเหมือนกับแม่ของตัวเองหรือเปล่า ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ออกจากความรักนั้นไม่ได้? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แม่ของเธอยังโชคดีกว่าเธอ อย่างน้อยแม่ของเธอก็ยังรู้จักเย่ฉางอิง และเติบโตมาพร้อมกับเย่ฉางอิง มีประสบการณ์และอดีตร่วมกันหลายอย่าง เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้มีพระคุณที่เธอคิดถึงอยู่นั้น เขาชื่ออะไรกันแน่…”

ในขณะนี้ ประตูหลังของเจินเป่าเก๋อ เย่เฉินที่ใส่แมสปิดปากเดินออกมาจากทางเดินด้านในอย่างรวดเร็ว

หลังจากออกจากประตู เขาก็เงยหน้าและมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำตา

นับตั้งแต่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้เพียงแค่แปดขวบ เย่เฉินก็เหมือนกับตู้ไห่ชิงตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเขาไม่ได้มีสิ่งที่สามารถยึดเหนี่ยวจิตใจที่มีต่อพ่อแม่ของเขาเลย

เขารู้สึกว่าตู้ไห่ชิงโชคดีกว่าตัวเองมากๆ เพราะอย่างน้อยตู้ไห่ชิงยังมีรูปภาพเก่าๆบางส่วน แต่เย่เฉินไม่มีรูปถ่ายของพ่อแม่ตัวเองแม้แต่ใบเดียว

หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต ทั้งศพของพ่อแม่และข้าวของต่างๆในคฤหาสน์หลังเก่า ได้ถูกส่งไปที่เมืองเย่นจิงในเวลาอันสั้น ตอนนั้นเย่เฉินใส่เสื้อผ้าเพียงชุดเดียวแล้วเข้าไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตั้งแต่ตอนนั้นเขาได้สูญเสียสิ่งที่สามารถยึดเหนี่ยวจิตใจทั้งหมดไปแล้ว

จนกระทั่งไม่นานมานี้ กู้เย้นจงพาตัวเองไปภูเขาเย่หลิงซานเพื่อกราบไหว้หลุมศพของพ่อแม่ตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่ของตัวเองฝังศพไว้ที่ไหน

ดังนั้น คฤหาสน์หลังเก่านี้ เป็นสถานที่แห่งเดียวที่เขาสามารถรำลึกความทรงจำที่เขามีต่อพ่อแม่ของตัวเอง

ก่อนหน้านี้หนึ่งนาที เย่เฉินต้องการที่จะได้คฤหาสน์เก่าหลังนี้มาครอบครอง

เขารู้สึกว่า ถึงแม้ตัวเองต้องจ่ายร้อยล้านหรือหลายร้อยล้าน เขาก็ต้องซื้อคฤหาสน์หลังเก่านี้ให้ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่ เขาก็ตัดสินใจทันที เขาอยากจะให้ตู้ไห่ชิงสมปรารถนาในสิ่งที่เธอต้องการ

ตอนนี้ เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เขาตัดสินใจ แต่เขาแค่รู้สึกอ้างว้างและโศกเศร้าที่เสียคฤหาสน์หลังเก่าไป

เฉินจื๋อข่ายรีบเดินตามออกมา เมื่อเห็นดวงตาของเย่เฉินเต็มไปด้วยน้ำตา เขาก็รู้สึกตกใจมากๆ!

เขารู้จักเย่เฉินมานาน นี่คือครั้งแรกที่เขาเห็นดวงตาของเย่เฉินมีน้ำตาไหลออกมา

เขาอดไม่ได้ที่ถอนหายใจ:”เขายังเป็นอาจารย์เย่ที่ผู้คนนับไม่ถ้วนนับถืออยู่หรือเปล่า? เขายังเป็นอาจารย์เย่ที่อยู่ด้านล่างภูเขาฉางไบและใช้สายฟ้าฆ่าราชาบู๊ทั้งแปดของตระกูลอู๋หรือเปล่า และเขายังเป็นอาจารย์เย่ที่เดินออกมาจากหิมะถล่มตอนพระอาทิตย์ขึ้นหรือเปล่า? ในเวลานี้ เขาเหมือนเด็กน้อยที่หาทางกลับบ้านไม่เจอ รู้สึกทรมานและทำอะไรไม่ถูก”

ในเวลานี้ เฉินจื๋อข่ายรู้สึกสงสารคุณชายของตัวเอง ในเวลาเดียวกันเขาก็นับถือคุณชายมากขึ้น

เย่เฉินไม่ได้ตัดใจจากของรักของตัวเองเท่านั้น แต่เขาเก็บความเสียใจทั้งหมดไว้เอง เขายกการไถ่บาปในใจและการมีชีวิตใหม่ให้กับตู้ไห่ชิง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เดินขึ้นไปข้างหน้าและพูดเบาๆ:”คุณชาย คุณเป็นอะไรมากไหม?”

“ฉันไม่เป็นไร”เย่เฉินโบกมือ กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาและพูด:”เหล่าเฉิน…คุณขับรถยนต์พาฉันไปคฤหาสน์หลังเก่าหน่อย อาศัยจังหวะที่น้าตู้ต้องทำสัญญาซื้อขายคฤหาสน์ ฉันอยากไปที่คฤหาสน์หลังเก่าอีกครั้ง ถ้าเธอทำสัญญาซื้อคฤหาสน์เสร็จแล้ว ฉันอยากไปคฤหาสน์หลังนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆอีกแล้ว”

เฉินจื๋อข่ายรีบพูดทันที:”ได้ครับคุณชาย คุณโปรดรอสักครู่ ฉันจะรีบไปขับรถยนต์มาเลย!”