หลังจากที่ได้ฟังการวิเคราะห์ของเย่เฉิน เฉินจื๋อข่ายก็พยักหน้าอย่างอดเห็นด้วยไม่ได้ แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้มันแปลกจริงๆ ส่วนใหญ่ มีแค่คนโง่เท่านั้นที่จะวิ่งเข้าไปในอาคารเวลาโดนไล่ล่า แต่ถ้าเป็นคนปกติก็คงรีบหนีออกไป ยิ่งไกลมากเท่าไหร่ยิ่งดี”

เย่เฉินตอบอืม จากนั้นก็พูดว่า “ในเมื่อหลิวจ้านคือนักโทษหนีคดี เขาไม่มีทางพลาดแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้หรอก ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกจับไปนานแล้ว ดังนั้นฉันเดาว่า ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือหลิวจ้านจงใจเข้าไปในหอเพชรนิลจินดา!”

“จงใจเข้าไปในหอเพชรนิลจินดา….” เฉินจื๋อข่ายงึมงำ จากนั้นก็เอ่ยพูดอย่างสงสัยว่า “เขาจะเข้าไปทำอะไรที่นั่น? วันนี้หอเพชรนิลจินดาไม่มีการประมูลอะไรสำคัญนี่ ที่รับช่วงต่อวันนี้ก็แค่การประมูลที่ส่วนมากมีแต่สินค้าใหญ่ๆอย่างบ้านกับรถ ไปแย่งประมูลของพวกนี้ก็ไม่เห็นจะมีความหมายอะไรเลยนะ!”

เย่เฉินพูดยิ้มๆว่า “นายอย่าลืมสิ เขาถูกตำรวจไล่ต้อนเข้าไปในหอเพชรนิลจินดา หรือจะพูดว่าเขาจงใจสร้างสถานการณ์ว่าตำรวจไล่ต้อนเขาเข้าไปในนั้นก็ได้ ดังนั้นเป้าหมายของเขาไม่น่าจะใช่สิ่งของ”

เฉินจื๋อข่ายเอ่ยถามอย่างข้องใจ “คุณชาย ถ้าเขาไม่ได้มีเป้าหมายเป็นสิ่งของ แล้วเขามีเป้าหมายเป็นอะไร?”

เย่เฉินแสยะยิ้ม “ในเมื่อไม่ได้มีเป้าหมายเป็นสิ่งของ ก็ต้องมีเป้าหมายเป็นคนยังไงล่ะ!”

“เป้าหมายคือคน? เขาคือนักโทษหนีคดี ถ้าหากถูกจับได้ก็มีโอกาสถูกนำตัวไปประหาร เสี่ยงขนาดนี้ เป้าหมายที่ว่าคือใครเหรอครับ?”

เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “คนสำคัญที่มาปรากฏตัวที่หอเพชรนิลจินดาในวันนี้ น่าจะมีทั้งหมดห้าคน หนึ่งคือฉัน สองนาย สามเป่าฝู้กุ้ย สองคนที่เหลือคือตู้ไห่ชิงกับซูจือหยู นายคิดว่าเป้ยชาหมายของเขาคือใครล่ะ?”

เฉินจื๋อข่ายครุ่นคิด จากนั้นก็เอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “ความเป็นไปได้ที่จะเป็นเราสองคนมีน้อยมาก เพราะว่าเราออกมาแล้ว ส่วนเขาเพิ่งเข้าไป อย่างนั้นก็อาจจะเป็นสามคนที่เหลือ”

ขณะที่พูด เขาก็พึมพำว่า “ความเป็นไปได้ที่จะเป็นเป่าฝู้กุ้ยค่อนข้างเยอะ เพราะเขาค่อนข้างมีชื่อในเมืองจินหลิง ถึงฐานะจะไม่เท่าคุณหวั่นถิง ไม่ได้รับความนิยมเท่าฉินกาง แต่อย่างน้อยก็มีทรัพย์สินหลายพันล้าน”

“ส่วนตู้ไห่ชิงและซูจือหยู….ผมคิดว่าความเป็นไปได้มีน้อยมาก ตระกูลซูก็เหมือนตระกูลเย่ เป็นหนึ่งในตระกูลแถวหน้าของประเทศ มีการคุ้มครองสมาชิกในตระกูลอย่างเข้มงวด ไม่มีสำนักข่าวไหนสามารถเผยแพร่ข้อมูลของสมาชิกตระกูลได้ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากตระกูลใหญ่ๆเหล่านี้ ดังนั้น ต่อให้เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองจินหลิงอยากสืบข้อมูลของสมาชิกตระกูลซูก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้วยิ่งนักโทษหนีคดีอย่างหลิวจ้านยิ่งแล้วใหญ่”

เย่เฉินขมวดคิ้ว เอ่ยพูดว่า ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! หลิวจ้านยอมเสี่ยงเพื่อจัดฉากขึ้นมาขนาดนี้ เขาไม่มีทางทำเพื่อจับตัวเป่าฝู้กุ้ย หรือสองแม่ลูกตระกูลซูเพื่อแลกกับเงินหรอก ฉันคิดว่าเรื่องนี้ต้องแผนร้ายอะไรแน่ๆ”

“แผนร้าย?” เฉินจื๋อข่ายสงสัยเล็กน้อย แล้วเอ่ยพูดว่า “คุณชาย ที่คุณบอกว่ามีแผนร้าย หมายถึงอาจจะมีศัตรูของตระกูลซูต้องการเล่นงานสองแม่ลูกคู่นี้? หรืออาจจะเป็นศัตรูของเป่าฝู้กุ้ย จ้างวานหลิวจ้านให้กำจัดเขาทิ้ง?”

เย่เฉินพยักหน้า “ฉันคิดว่าเป็นไปได้ รายละเอียดเป็นยังไง ยังต้องรอดูความคืบหน้าหลังจากนี้”

เฉินจื๋อข่ายเอ่ยพูด “หลิวจ้านคิดจะหนีด้วยรถโรลด์รอยซ์ ไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาจะหนีได้หรือเปล่า”

เย่เฉินแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “หนีได้หรือไม่ได้ ก็ต้องดูว่ามีใครช่วยอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า ไม่อย่างนั้น การที่เขาเคลื่อนไหวขนาดนี้ แล้วยังคิดว่าจะหนีรอดด้วยตัวของเขาเองบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้!”

พูดมาถึงตรงนี้ เย่เฉินก็แสยะยิ้มเย็นออกมา “แต่ว่า ในเมื่อเขากล้าเล่นใหญ่ถึงขนาดนี้ ฉันมั่นใจว่าต้องมีคนคอยช่วยเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอน!”

ไม่นาน เฉินจื๋อข่ายก็รีบขับรถเข้ามาถึงหอเพชรนิลจินดา

เมื่อมาถึง เย่เฉินก็ล้วงหยิบผ้าปิดปากออกมาสวมใส่ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นจุดสนใจจนตัวตนถูกเปิดเผย

หอเพชรนิลจินดาในขณะนี้ ถูกล้อมไว้ด้วยนายตำรวจและรถตำรวจจำนวนมาก ถึงขั้นมีการนำรถถังเฉพาะกาลออกมาใช้

ถนนที่อยู่ห่างจากหอเพชรนิลจินดาไม่ไกลต่างก็ถูกปิด ทั้งยังมีการใช้กำลังตำรวจจำนวนมากเพื่ออพยพผู้คนออกไป

รถของเฉินจื๋อข่ายขับมาถึงถนนที่ถูกปิดไม่ทันไร ก็มีผู้ชายวัยกลางคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามา โบกมือให้เฉินจื๋อข่ายโดยมีกระจกกั้น