เมื่อเห็นว่าเป็นตู้ไห่ชิงกับซูจือหยูที่เดินออกมา ในใจของเย่เฉินก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่
เขารู้สึกตั้งแต่แรก ว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เห็นแน่
ตอนนี้ การที่ตู้ไห่ชิงและซูจือหยูเดินออกมาเพราะถูกหลิวจ้านบังคับ ก็ยิ่งยืนยันความคิดของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
เพียงแต่ว่า เย่เฉินยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ว่าตกลงเป็นใครกันแน่ที่ยอมลงทุน ยอมเสียเวลาเพื่อเล่นงานตู้ไห่ชิงและซูจือหยู
และในตอนนี้เอง สองแม่ลูกตู้ไห่ชิงและซูจือหยูก็เดินออกมาจากหอเพชรนิลจินดา
ด้านหลิวจ้านมือหนึ่งถือปืน มือหนึ่งถือระเบิด เดินตามสองแม่ลูกออกมาติดๆ
เขาเงยหน้ามองไปรอบๆ จากนั้นก็แสยะยิ้มให้ตำรวจ “ฉันรู้ว่าพวกแกซุ่มอยู่แถวนี้หลายคน และเตรียมตัวยิงฉันตลอดเวลา แต่ฉันแนะนำว่าพวกแกควรคิดให้รอบคอบ เพราะในมือของฉันมีระเบิด ต่อให้เป็นแค่เด็กทารกหนึ่งขวบแตะต้องสิ่งนี้ ก็สามารถทำให้มันระเบิดได้เหมือนกัน ถ้าพวกแกไม่กลัวว่าตาย ก็ให้มือปืนยิงฉันเลยสิ!”
หวังไห่ซินเอ่ยพูดเสียงเย็นว่า “หลิวจ้าน ไม่ต้องห่วง! ตราบใดที่นายไม่วู่วาม พวกฉันก็จะไม่ยิงนาย ! ตอนนี้พวกฉันเตรียมรถเอาไว้ให้นายแล้ว นายสามารถหนีไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ! แต่ว่าก่อนไป นายต้องปล่อยตัวประกันมาก่อน”
“ตัวประกัน?” หลิวจ้านหัวเราะฮ่าๆออกมาอย่างกำเริบเสิบสาน เอ่ยพูดอย่างดูถูกว่า “แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบเหรอ? ฉันจะบอกแกให้นะ ตัวประกันสองคนนี้ต้องไปกับฉัน จนกว่าฉันจะหลุดจากการติดตามของพวกแก ถ้าพวกแกคิดได้ ก็อย่าให้ใครตามฉันมา หลังจากฉันมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว ฉันจะปล่อยสองคนนี้ไปเอง”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เปลี่ยนน้ำเสียง เอ่ยพูดด้วยท่าทางโหดเหี้ยมว่า “ถ้าฉันรู้ว่าคนของพวกแกพยายามตามฉันมาล่ะก็ ฉันจะขับรถเข้าไปใจกลางเมือง แล้วกดระเบิดในมือซะ ฉันจะได้กลายเป็นชาติชายแห่งประวัติศาสตร์ในอีกสิบแปดปีข้างหน้า!”
สีหน้าของหวังไห่ซินยุ่งเหยิงขึ้นเรื่อยๆ เขาทำได้เพียงข่มกลั้นเพลิงโกรธในใจเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดว่า “สบายใจได้ พวกฉันจะไม่ให้ใครตามนายไป!”
หลิวจ้านแสยะยิ้ม “รู้งานดีนี่!”
พูดจบ เขาก็หันมาพูดกับสองแม่ลูกตู้ไห่ชิงกับซูจือหยูว่า “พวกแกสองคนรีบขึ้นรถ! ขึ้นไปนั่งเบาะหลังให้หมด!”
ตู้ไห่ชิงไม่กล้าชักช้า ดึงซูจือหยูให้มุดเข้ามานั่งเบาะหลังของโรลด์รอยซ์ด้วยกัน
พร้อมกันนั้นหลิวจ้านที่กำลังถือปืนและระเบิด ก็ขึ้นมานั่งเบาะคนขับอย่างวางท่า
รถโรล์รอยซ์คันนี้ไม่ได้ดับเครื่อง เพียงแค่เข้าเกียร์รถก็ออกตัวได้แล้ว
ดังนั้น หลิวจ้านจึงเข้าเกียร์ขับมุ่งตรงไปยังทางออกทันที
หวังไห่ซิงรีบออกคำสั่งให้ตำรวจที่อยู่เฝ้าอยู่ตรงทางออกหลีกทาง วงล้อมแน่นหนาเหมือนถังเหล็กในตอนแรก ตอนนี้ค่อยๆถอยหลีกเพื่อเปิดทางให้
หลิวจ้านเหยียบคันเร่งจนสุดอย่างไม่ลังเล เสียงเครื่องยนต์ของรถดังกระหึ่ม จากนั้นก็พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสุดขีดในทันที
หลิวจ้านขับออกไปได้ไม่ทันไร ก็มีตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหวังไห่ซิน แล้วพูดว่า “หัวหน้าหวัง ให้ทีมนอกเครื่องแบบขับตามไปไหม?”
หวังไห่ซินลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พูดว่า “ไหวพริบของหลิวจ้านค่อนข้างดี ถ้าเราให้คนขับรถตามไป แล้วเขาจับได้ ผลที่ตามมาอาจจะกู่ไม่กลับ”
พูดจบ เขาก็พูดต่อว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ติดต่อเครือข่ายกล้องวงจรปิดจราจรทั่วทั้งเมืองอย่างเร่งด่วน อาศัยกล้องบนถนน ติดตามร่องรอยของหลิวจ้านไปก่อน! ถ้าเขาออกไปนอกเมืองแล้ว เราค่อยเตรียมกำลังล่วงหน้าไปล้อมเอาไว้!”
ในขณะนี้เอง เมื่อรถโรลด์รอยซ์หายไปจากครรลองสายตา เฉินจื๋อข่ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วพูดว่า “คุณชาย ถ้ามีคนมุ่งร้ายต่อคุณหนูรองตระกูลตู้และซูจือหยูอย่างที่คุณพูดจริงๆ เกรงก็แต่ว่าครั้งนี้พวกเธอจะรอดกลับมายากซะแล้วสิ…”
เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยพูดว่า “อีกฝ่ายตั้งใจเตรียมการ ลงทุนจัดฉากถึงขนาดนี้ ดูแล้วคงไม่ใช่แค่อยากขู่พวกเธอแน่ เป็นไปได้ว่าเป้าหมายอาจจะเป็นชีวิตของพวกเธอ”
เฉินจื๋อข่ายอดถามไม่ได้ว่า “คุณชาย เรื่องถึงชีวิตขนาดนี้ คุณจะทำอะไรหรือเปล่า?”