เย่เฉินมีสีหน้าลังเลขึ้นมาชั่วขณะ เพียงชั่วครู่ เขาก็ส่ายหน้าเบาๆ “ช่างเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับตระกูลซู แค้นที่มีก็ยังไม่ได้ชำระ แล้วฉันก็ช่วยคนของตระกูลซูเอาไว้หลายรอบแล้ว ไม่ว่าจะซูจือเฟย ซูจือหยู หรือซูรั่วหลี สามคนนี้ฉันเคยช่วยมาหมดแล้ว ถ้าวันนี้ฉันยื่นมือเข้าไปช่วยอีก ตระกูลซูก็คงติดหนี้บุญคุณฉัน ชดใช้อีกกี่ชาติก็ไม่หมด”
เฉินจื๋อข่ายได้ยินดังนั้น ก็อดเห็นด้วยไม่ได้ “นั่นสินะ….แค้นยังไม่ได้ชำระ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องช่วยเหลือคนของตระกูลพวกเขา พระเจ้านี่ก็ช่างตลกเสียจริง”
เย่เฉินถอนหายใจออกมา “เฮ้อ….ถ้าน้าตู้เป็นอะไรไปจริงๆ ฉันก็คงต้องขายคฤหาสน์ของพ่อฉันใหม่สินะ?”
เฉินจื๋อข่ายเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ยังไม่รู้ว่าคุณหนูรองตระกูลตู้จ่ายเงินและทำเรื่องเสร็จหรือยัง ถ้าเรียบร้อยแล้ว คฤหาสน์หลังนั้นก็จะกลายเป็นทรัพย์สินของเธอ แต่ถ้ายัง คาดว่าคงต้องมีการประมูลขายอีกครั้งแล้วล่ะครับ”
เย่เฉินอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ “ถ้ากลายเป็นทรัพย์สินของเธอ แล้วใครคือผู้สืบทอดลำดับแรก?”
เฉินจื๋อข่ายเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “เป็นใครก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปาก แต่ที่แน่ๆต้องมีสามีและลูกของเธออยู่ในนั้น หรือบางทีอาจจะแบ่งคนละครึ่ง”
เย่เฉินกัดฟันกรอด “ให้ตาย นั่นมันบ้านที่พ่อแม่ฉันเคยอยู่นะ จะให้ไอ้สารเลวซูโส่วเต้าได้ไปครอบครองครึ่งหนึ่งได้ยังไง!”
เฉินจื๋อข่ายรีบเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ไม่งั้นให้ผมส่งคนไปสอบถามให้ไหมครับ ว่าคุณหนูรองตระกูลตู้ทำเรื่องซื้อเสร็จแล้วหรือยัง”
เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยพูดอย่างหมดหนทางว่า “ดูเหมือนก็คงทำได้แค่นี้”
ในตอนนี้เอง รถโรลด์รอยซ์คันสีขาวก็มาจอดลงตรงหน้าของพวกเขาสองคน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินลงมาจากรถอย่างเร่งรีบ เมื่อมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา ก็เอ่ยพูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณชาย ผู้จัดการเฉิน ผมเอารถมาให้แล้วครับ พวกคุณจะขับไปเองหรือให้ผมขับให้?”
เฉินจื๋อข่ายชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ไม่เป็นไร ฉันขับเอง นายเรียกแท็กซี่กลับเองนะ”
อีกฝ่ายผงกหัวให้อย่างนอบน้อม “ได้ครับผู้จัดการเฉิน งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
เฉินจื๋อข่ายเปิดประตูเบาะหลัง แล้วพูดกับเย่เฉินว่า “เชิญครับคุณชาย”
เย่เฉินตอบอืมออกมาเสียงเบา จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ
เฉินจื๋อข่ายมุดตัวเข้ามานั่งเบาะคนขับ ขณะที่กำลังสตาร์ทรถก็หันไปพูดกับเย่เฉินว่า “คุณชาย คุณจะไปที่ไหนครับ? กลับบ้านหรือว่ายังไง?”
เย่เฉินคิดอยู่ชั่วครู่ ก็เอ่ยพูดว่า “ไปส่งฉันที่บ้านแล้วกัน”
“ได้ครับ” เฉินจื๋อข่ายออกรถมุ่งตรงไปที่Tomson Rivieraในทันที
ระหว่างทาง เย่เฉินเอาแต่ขมวดคิ้วมุ่น
เฉินจื๋อข่ายมองผ่านกระจกหลัง สังเกตสีหน้าของเย่เฉินเงียบๆ จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ว่า “คุณชาย มีอะไรในใจหรือเปล่าครับ?”
เย่เฉินพยักหน้า ลูบคางแล้วพูดว่า “ฉันนึกไม่ออก ว่าใครเป็นคนเล่นงานสองแม่ลูกนั่น”
เฉินจื๋อข่ายเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ปกติตระกูลซูก็มีศัตรูเยอะอยู่แล้ว ไม่รู้มีกี่คนที่แค้นฝั่งหุ่นตระกูลซู การที่จะหาโอกาสแก้แค้นตระกูลซูก็ถือว่าปกติมาก”
เย่เฉินโบกมือ “เหตุผลนี้ถูกก็จริง แต่สุดท้ายเรื่องมันจะไม่จบแบบนี้ ใครๆก็รู้ว่า ซูโส่วเต้าโยนความผิดให้คุณท่านใหญ่ซูเพื่อหนีไปหลบภัยที่ออสเตรเลีย ฉันเดาว่า ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่เขาจะไม่ได้สืบทอดตระกูลซูต่อ ดังนั้นในตอนนี้ซูโส่วเต้าก็ไม่ต่างอะไรกับราชาตกอับ”
“ตอนนี้ แม้แต่ซูโส่วเต้ายังสูญเสียอำนาจ แล้วยิ่งลำดับตำแหน่งของภรรยาและลูกสาวในตระกูลซูยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้ามีคนคิดจะแก้แค้นตระกูลซูจริงๆ ทำไมต้องลงทุนวางแผนฆ่าสองแม่ลูกนั่นด้วยล่ะ”