อันที่จริงในใจเย่เฉินรู้อยู่แล้ว สี่คนตรงนี้ ต้องเป็นคนของตระกูลซูแน่นอน

ยิ่งกว่านั้น พวกเขาถูกตระกูลซูส่งมาทำงานที่สำคัญเช่นนั้น ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะต้องเป็นคนสนิทของตระกูลซูแน่นอน

ดังนั้น เย่เฉินจึงอยากให้พวกเขาเล่าเรื่องทั้งหมดต่อหน้ากล้อง แล้วเผยแพร่วิดีโอต่อสาธารณะ

แบบนี้ ชื่อเสียงของตระกูลซูคงจะเน่าเสียอย่างสมบูรณ์

ต้องเข้าใจว่า ก่อนหน้านี้ตระกูลซูทรยศซูรั่วหลีมาก่อน เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อชื่อเสียงของตระกูลซู จึงหวังว่าสุดท้ายคุณท่านซูจะผลักลูกชายคนโตซูโสว่เต้าออกมาเป็นแพะรับบาป แต่บัญชีนอกจากจะจดไว้บนหัวซูโสว่เต้าแล้ว ยังจดไว้ทั้งตระกูลซูอีกด้วย

ถ้าแฉออกมาอีกในตอนนี้ ว่าตระกูลซูยังอยากคิดร้ายกับลูกสะใภ้ของตัวเอง หรือขนาดจะฆ่าเลือดเนื้อของตระกูลซูเองอีกครั้ง งั้นตระกูลซูจะต้องกลายเป็นคนน่าสมเพชเวทนาที่ทุกคนต่างพากันด่าทออย่างแน่นอน

อย่างอื่นไม่ต้องพูด แค่ชื่อเสียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถยืนหยัดอีกได้ในชาตินี้

เหล่าคนสนิทของคุณท่านใหญ่ซูและคนอื่นๆ ก็รู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง

การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงยุโรปในอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับหลักฐานสำคัญใด ๆ ต่อประชาชน หากมีหลักฐานยืนยันสิ่งที่ราชวงศ์ได้ทำ ชื่อเสียงของทั้งราชวงศ์ที่อยู่ในโลกจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

ดังนั้น หม่าฉงซิงจึงเตือนตัวเองอย่างลึกซึ้งในใจ:”ไม่ว่ายังไง ฉันก็ห้ามพูดเรื่องที่แท้จริงออกมา มิฉะนั้นล่ะก็ ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของคุณท่านใหญ่ซูจะไม่มีตายฟื้นตัวตลอดไป และตนก็จะกลายเป็นคนบาปในสายตาคุณท่านใหญ่ซูอีกด้วย……”

เมื่อคิดเช่นนี้ หม่าฉงซิงก็รีบพูดว่า:”พี่ครับ มีอะไรเข้าใจผิดในเรื่องนี้นึเปล่า? เรากำลังจะช่วยชีวิตคนอยู่นะ……”

เย่เฉินรีบวิ่งไปข้างหน้า จับคอเสื้อของหม่าฉงซิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:”เชื่อรึเปล่า ถ้าคุณยังพูดเรื่องไร้สาระกับฉันที่นี่อีก ฉันจะพาคุณไปที่โรงงานสุนัข สับทีละนิดแล้วโยนให้หมากิน? หรือมัดมือมัดเท้าของคุณแล้วโยนเข้าไปในกรงสุนัข ให้สุนัขกินเป็นเวลาสามวันสามคืนเลย”

หม่าฉงซิงรู้สึกหวาดกลัวจนสั่นไปทั้งตัว ถึงขั้นหัวชาจรดปลายเท้าโดยตรง

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาคือใครแต่เขาก็ไม่สงสัยในสิ่งที่ชายหนุ่มคนนั้นพูดเลย

จากแววตาของชายหนุ่มผู้นี้เพียงผู้เดียว เขาก็สามารถมองเห็นความมุ่งมั่นของอีกฝ่าย!

ในเวลานี้ เย่เฉินพูดต่อว่า:”ไม่ต้องกังวล แม้ว่าถึงเวลาคุณอยากจะตายเร็วขึ้น ฉันก็จะไม่ให้โอกาสคุณอีก! ฉันจะใส่กรงเหล็กไว้บนหัวคุณก่อน เพื่อปกป้องศีรษะของคุณ จากนั้นใช้เสื้อเกราะกันกระสุนมาปกป้องทั้งหน้าท้องของคุณ แบบนี้คุณจะได้ไม่ตายง่ายๆ”

“คุณ……คุณ……”หม่าฉงซิงตัวสั่นด้วยความตกใจ และโพล่งออกมา:”คุณเป็นใครกันแน่……เราไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมคุณถึงทำแบบนี้กับเรา?”

“คุณกับฉันไม่มีความแค้นต่อกันเหรอ?” เย่เฉินเยาะเย้ย:” พวกคุณวางแผนที่จะสังหารผู้อื่นในจินหลิงโดยเจตนา วิธีการโหดร้าย โทษมหันต์ทุกคน แม้ว่าฉันจะฆ่าพวกคุณ ก็ถือว่าบัญชาสวรรค์!”

หม่าฉงซิงฝืนทำท่าทีอันแข็งแกร่งและพูดอย่างเย็นชา:”ไอ้หนู จะบัญชาสวรรค์ก็ต้องชั่งน้ำหนักความสามารถของตัวเองก่อน คุณรู้ว่าเรากำลังทำงานให้ใครอยู่ไหม? ถ้าคุณขัดใจเจ้านายที่อยู่ข้างหลังเรา แม้ว่าคุณจะมีกี่หัวก็ตัดไม่พอ!”

เย่เฉินเยาะเย้ย จับคอของหม่าฉงซิง และตบด้วยกำลังทั้งหมด!

แรงตบนี้ทรงพลังมาก พอตบลงไป มันทำให้คางของเขาแหลกไปหมด ฟันเกือบทั้งหมดในปาก ก็หักโดยแรงมหาศาลในขณะนี้!

หม่าฉงซิงแจ้งเกิดท่องในสังคมมาหลายปีแล้ว และเขาถูกเฆี่ยนตีมาไม่น้อยเลย แต่เขาไม่เคยโดนตบหน้าอย่างรุนแรงขนาดนี้มาก่อน

ในตอนนี้ เขารู้สึกได้เพียงว่าปากของเขาเจ็บจนชาไปหมด ปวดจนสุดท้ายก็ไม่รู้สึกปวดเลย เขารู้สึกได้เพียงว่าทั้งตัวนั้นมึนไปหมดแล้ว และทั้งปากเต็มไปด้วยก้อนแข็งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก

และในปากก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวหวาน และดูเหมือนว่ามีบาดแผลเลือดออกในปากของเขาตลอด

จนทำให้เลือดเต็มปากของเขาทันที