บทที่ 2627
ตัวเย่เฉินเองรู้ดีว่าการลงทุนที่ผลตอบรับสูงความจริงแล้วไม่ต่างอะไรกับการพนัน
ความเสี่ยงสูง แต่ถ้าพนันชนะ ผลประโยชน์สูงยิ่งกว่า
ตอนนี้ตัวเองลงทุนในตัวคามมิตแบบพอประมาณ แทบจะเหมือนกับแม่ของเขาที่ลงทุนให้บรรดธุรกิจออนไลน์ในซิลิคอนแวลลีย
ลงทุนกับพวกเขาในเวลานี้เสียเพียงดเดียว แต่เมื่อพวกเขาประสบความสำร็จได้จะได้ผลตอบรับอ้นยิ่งใหญ่
แม้ว่ากองกำลังติดอาวุธของคามมิตม่ใช่บริษัท แต่เขายังเป็นโครงการที่มีศักยภาพในการพัฒนาที่ยอดเยี่ยม หากประสบความสำเร็จ
ต้องได้ผลประโยชน์มากมายไม่รู้จบ ดังนั้นตัวเองทุ่มเทพลังให้มากหน่อย ให้คำแนะนำเขาและให้การสนับสนุนเขาก็เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต
อีกอย่าง การลงทุนครั้งนี้ไม่มีอะไรมากไปยาช่วยหัวใจหนึ่งเม็ดรวมถึงประสบการณ์เชิงกลยุทธ์เล็กน้อย ส่วนเงินหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์
นั้นเป็นเงินสนับสนุนจากตระกูลซูทั้งหมด
หากคามมิตรุ่งโรจน์ขึ้นมา ในอนาคตตัวเองจะมีรอบตอบแทนไปอีกอย่างน้อยหลายสิบปี
ดังนั้น เย่เฉินไม่ได้อธิบายอะไรกับทั้งสองคน เพียงแต่พูดกับชูรั่หลี “รั่วหลี สถานะของเธอในตอนนี้อ่อนไหวเกินไป ตอนนี้ยังไม่สามารถ
ปล่อยให้เธอออกไปไหนมาไหนอย่างอิสระ ช่วงนี้ต้องขอให้เธอย่อมอยู่ที่นี่ต่อไปก่อน”
ซูรั่วหลีพูดโดยไม่ลังเล “รั่วหลีเชื่อฟังทุกอย่างที่ผู้มีพระคุณบอกค่ะ!”
ในระหว่างที่คุยกัน สายตาของรั่วหลีก็ยังฉายแววเศร้าเล็กน้อย
เย่เฉินเห็นความโศกเศร้าในสายตาของเธอ นึกได้ว่าเธออยู่ที่นี่มานานมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เธอคงคิดถึงแม่มาก
อีกอย่างตอนนั้นแม่ของเธอคลอดเธอและเลี้ยงดูเธอมาเพียงลำพัง บัดนี้ตัวเธออยู่ในสถานะไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แม่ของเธอต้องเป็นห่วง
มากแน่ๆ
หลังจากคิดทบทวนแล้ว เเฉินปริปาก “รั่วหลี เธอตัดขาดจากโลกภายนอกมาตั้งนาน แม่เธอคงเป็นห่วงเธอมากเลยใช่มั้ย?”
ซูรั่วหลีได้ยินแบบนี้แล้วสีหน้าหม่นหมองลงในบัดดล เธอพยักหน้าเบาๆ “ฉันคิดว่าเธอคงยังตามหาฉันไปทุกที่ค่ะ…ตราบใดที่ยังไม่พบศพ
ของฉัน เธอไม่มีทางเชื่อว่าฉันตายไปแล้วจริงๆ..
เย่เฉินพยักหน้าและเอ่ย “เอาอย่างนี้ เธอบอกวิธีติดต่อของแม่เธอมา ฉันจะให้คนพาแม่เธอมาที่จินหลิง ถึงตอนนั้นพวกเธอแม่ลูกจะได้พบ
หน้ากัน”
ชูรั่วหลีถามขึ้นด้วยความตกใจระคนดีใจ “ผู้มีพระคุณ! คุณจะให้ฉันได้พบแม่ของฉันจริงๆหรอคะ?!”
เย่เฉินพยักหน้า “แน่นอน แต่พบหน้าส่วนพบหน้า ยังต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเรื่องที่เธอยังมีชีวิตอยู่ไม่รั่ไหลออกไปจนคนอื่นรู้ มากสุด
ก็มีแม่ของเธอรู้ได้คนเดียว เพราะฉะนั้นเธอไม่สามารถเป็นฝ่ายติดต่อแม่ของเธอ”
“มิฉะนั้น ถ้าแม่ของเธอรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่แล้วเกิดตื้นตัน ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่และมีคนอื่นรู้เข้า เมื่อข่าวนี้รั่ไหลออกไปถึงหูคนญี่ปุ่นจะ
เป็นปัญหาอย่างมาก”
“ด้วยความดื้อดึงที่จะจับเธอให้ได้ของพวกเขา พวกเขาต้องยื่นเรื่องนำตัวเธอกลับไปฟังคำตัดสินที่ญี่ปุ่นแน่นอน”
ซูรั่หลีเข้าใจความระมัดระวังของเย่เฉินดี จึงรีบพูดขึ้น “แล้วผู้มีพระคุณคิดเห็นยังไงบ้างคะ”
เย่เฉินกล่าว “ฉันจะให้เหล่าเฉินเชิญแม่เธอมาในนามของตระกูลเย่ แต่จะไม่บอกเรื่องเธอ รอจนแม่เธอมาแล้วค่อยให้เธอไปพบโดยตรง
เธอคิดว่ายังไง?”
ซูรั่วหลีพูดด้วยตาแดงก่ำ “ผู้มีพระคุณ ขอเพียงได้พบหน้าแม่รั่วหลีก็พอใจแล้วค่ะ! ถ้าไม่สะดวกจริงๆแค่โทรศัพท์หากันก็ได้ค่ะ….
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “ให้แม่เธอมาจินหลิงโดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่จะควบคุมสถานการณ์ได้ง่ายกว่า ถึงตอนนั้นถ้าท่านมีเวลา
เหลือก็ยังอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่ได้อีกสักพัก เราสามารถประกาศออกไปได้ว่าท่านมาหารือร่วมงานกับฉัน ยังไงชะตอนที่ฉันได้ยินว่าเกิดเรื่องกับ
เธอ ตระกูลเหอก็บาดหมางกับตระกูลชูโดยไม่ไว้หน้ากันแล้ว มาคุยหารือร่วมงานกับฉันในเวลานี้ไม่เป็นที่สงสัยของผู้อื่น”
ซูรั่วหลีพยักหน้า พูดอย่างตื้นตัน “ขอบคุณผู้มีพระคุณนะคะ ทุกอย่างต้องรบกวนผู้มีพระคุณจัดการให้ด้วย”