ขณะนี้เย่เฉินกล่าวว่า “คุณผู้หญิงเหอ คุณและรั่วหลีไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานานแล้ว พวกคุณกลับไปพักผ่อนที่ห้องกันก่อนเถอะ ผมเชื่อว่าพวกคุณต้องมีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดคุยกัน อีกสักครู่ผมจะให้คนไปส่งอาหารเย็น หากต้องการอะไรเพิ่มอีก ติดต่อพนักงานบริการได้ตลอดเวลา”

เหออิงซิ่วโค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวว่า “ขอบคุณ คุณชายเย่!”

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “คุณผู้หญิงเหอ ถ้าหากคุณและตระกูลเหอมีความสนใจ ต่อไปพวกเราสามารถหารือเกี่ยวกับการร่วมงานกัน เมื่อถึงเวลานั้นผมจะจ้างคุณมาทำงานกับผมที่นี่ เมื่อเป็นเช่นนั้น คุณและรั่วหลีจะได้ไม่ต้องแยกจากกันอีก”

ก่อนที่เหออิงซิ่วกล่าว ซูรั่วหลีที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวก่อนด้วยความตื่นเต้นว่า “เยี่ยมมาก แม่! เมื่อถึงเวลานั้นแม่ก็ย้ายมาอยู่ที่เมืองจินหลิงได้แล้ว!”

เหออิงซิ่วกล่าวด้วยท่าทางอึดอัดเล็กน้อย “คุณชายเย่ ถ้าทำตามที่คุณบอกเมื่อสักครู่ ฉันไม่ควรบอกเรื่องของรั่วหลีให้คนอื่นรู้ ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันก็ไม่สามารถพาคนตระกูลเหอและรั่วหลีมาร่วมงานกับคุณได้……..และถ้าฉันไม่สามารถพาคนตระกูลเหอมาได้ ฉันซึ่งเป็นคนพิการและมีความสามารถที่จำกัด เมื่อถึงเวลานั้นฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้คุณได้บ้าง…..”

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “คุณผู้หญิงเหอ ผมเข้าใจความหมายของคุณ แต่ผมมองว่าคำถามนี้มันไม่ขัดแย้งกัน”

หลังจากนั้น เย่เฉินหยุดชั่วครู่และอธิบายว่า “ก่อนอื่น ผมมีความสนใจที่จะร่วมงานเชิงลึกกับตระกูลเหอ การร่วมมือเช่นนี้ขึ้นอยู่ที่ผมกับคุณ และคนอื่น ๆ ในตระกูลเหอ ดังนั้นสำหรับเรื่องที่จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่นั้น คุณไม่จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องของรั่วหลีเลย แม้ว่าต่อไปตระกูลเหอจะส่งคนหลายสิบคนมาที่เมืองจินหลิงกับคุณ โดยหลักการแล้วพวกเขาจะไม่ทราบถึงการดำรงอยู่ของรั่วหลี”

เหออิงซิ่วพยักหน้าเบา ๆ และกล่าวว่า “คุณชายเย่ ฉันเข้าใจแล้ว แม้ว่าทั้งตระกูลเหอจะร่วมงานเชิงลึกกับคุณ แต่นอกจากฉันแล้วก็ไม่สามารถให้ใครรู้สถานการณ์ของรั่วหลี ฉันเข้าใจเช่นนี้ถูกต้องไหม?”

“ถูกต้อง” เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ตระกูลเหอตัดความสัมพันธ์กับตระกูลซูแล้ว ต้องการแหล่งรายได้ที่มั่นคง และผมกำลังคิดที่จะขยายเขตอิทธิพลของผมให้ใหญ่ขึ้นไปอีก จึงเป็นเวลาที่ต้องการใช้คน ดังนั้นผมหวังว่าตระกูลเหอจะร่วมมือกับผม ยิ่งไปกว่านั้น ค่าตอบแทนที่ผมให้กับตระกูลเหอ เป็นสิ่งที่ตระกูลเหอไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างแน่นอน”

เหออิงซิ่วโค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “คุณชายเย่ ไม่ว่าตระกูลเหอจะร่วมงานกับคุณได้หรือไม่ก็ตาม การตัดสินใจขึ้นอยู่กับพ่อของฉัน ดังนั้นฉันต้องขอละลาบละล้วงถามคุณว่า คุณสามารถให้เงื่อนไขแบบใดกับตระกูลเหอ? ถ้าสะดวกที่จะบอก คุณสามารถบอกฉันตามตรงได้ ฉันจะไปรายงานให้พ่อทราบอีกที แล้วเขาจะเป็นคนตัดสินใจเอง”

เย่เฉินยิ้มและถามว่า “เมื่อก่อนตระกูลซูให้เงื่อนไขอะไรกับพวกคุณ?”

เหออิงซิ่วกล่าวว่า “ตระกูลซูจะให้เงินประจำตามสัญญาแก่ตระกูลเหอในแต่ละปี เป็นจำนวนหกร้อยล้านหยวนต่อปี ซึ่งจะถูกแปลงจ่ายเป็นเงินห้าสิบล้านหยวนต่อเดือน นอกจากนี้จะมีการประเมินตอนสิ้นปี หากงานที่เสร็จสิ้นของตระกูลเหอตลอดทั้งปีเป็นไปตามมาตรฐาน จะได้รับโบนัสพิเศษอีกหนึ่งถึงสองร้อยล้าน”

เย่เฉินพยักหน้าเบา ๆ และกล่าวด้วยยิ้ม “โดยพื้นฐานแล้วมันก็เหมือนกับเงินเดือนพื้นฐานบวกกับรูปแบบโบนัสตามผลงาน”

“ถูกต้อง” เหออิงซิ่วกล่าวอย่างจำใจ “เพื่อที่จะหาเงินให้ได้มากขึ้น เมื่อก่อนตระกูลเหอทำได้เพียงทำหน้าที่รับใช้ตระกูลซูสุดความสามารถเท่านั้น สาเหตุหลักมาจากทายาทสายตรงของตระกูลเหอที่มีมากกว่า 50 คน และมีคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มากย่อมต้องการสมุนไพรต่าง ๆ ค่าใช้จ่ายพวกนี้คิดเป็นรายได้มากกว่าครึ่งจากรายได้ของตระกูลเหอ ตั้งแต่เกิดเรื่องกับรั่วหลี พวกเราก็ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลซู และตระกูลซูก็หยุดสนับสนุนเงินสดทันที แม้แต่ห้าสิบล้านของเดือนที่แล้วก็ไม่ได้จ่ายให้แล้ว ในช่วงเวลานี้สถานการณ์ทางการเงินของตระกูลเหอนั้นรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ทำให้การฝึกของทุกคนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก”

เมื่อเย่เฉินฟังถึงตรงนี้ เขาก็เลิกคิ้วขึ้นและถามด้วยความสงสัยว่า “คุณผู้หญิงเหอ ขอละลาบละล้วงถาม ยาอะไรที่จำเป็นสำหรับการฝึก?”