ทันทีที่ซูรั่วหลีกล่าวประโยคนี้ออกมา เหออิงซิ่วก็ตกตะลึงอ้าปากค้างจนทำอะไรไม่ถูก

เธอจินตนาการถึงความเป็นไปได้เป็นหมื่นวิธีที่เย่เฉินจะจัดการซูโสว่เต้า แต่เธอไม่เคยคิดว่าเย่เฉินจะส่งซูโสว่เต้าไปที่ซีเรีย

ขณะนี้ ซูรั่วหลีรีบเตือนว่า “แม่ แม่อย่าคิดวิธีที่จะไปช่วยพ่อน่ะ…..คุณชายเย่มีความบาดหมางกับตระกูลซู และพวกเราได้รับบุญคุณจากคุณชายเย่อีกครั้ง ยังไงพวกเราก็ไม่สามารถเนรคุณ และตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น…….”

เหออิงซิ่วส่ายศีรษะ และถอนหายใจ “ไม่แน่นอน แม่จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของตระกูลซูอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเย่ไม่เพียงแค่มีความบาดหมางกับตระกูลซูเท่านั้น แต่ตอนนั้นพ่อของลูกยังออกหน้าจัดตั้งพันธมิตรเพื่อต่อต้านพ่อของคุณชายเย่ และการที่คุณชายเย่สามารถปล่อยให้พ่อของลูกมีชีวิตอยู่ ถือว่าได้รับการปฏิบัติพิเศษแล้ว”

หลังจากนั้น เหออิงซิ่วก็กล่าวอีกครั้งว่า “รั่วหลี ต่อไปลูกจะต้องเว้นระยะห่างที่ชัดเจนกับตระกูลซู และจะต้องไม่ทำผิดซ้ำอีก”

ซูรั่วหลีกล่าวอย่างไม่ลังเลว่า “แม่ วางใจเถอะ ฉันได้ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลซูแล้ว ไม่ใช่แค่ตัดความสัมพันธ์เท่านั้น ความแค้นที่ตระกูลซูทำกับฉัน ฉันจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต ต่อไปถ้าคุณชายเย่มีความต้องการ ฉันจะยืนอยู่ข้างคุณชายเย่ และเป็นศัตรูกับตระกูลซู!”

เหออิงซิ่วพยักหน้าและกล่าวด้วยความปลงว่า “ตั้งแต่เกิดเรื่องกับลูก ตระกูลเหอได้เว้นระยะห่างที่ชัดเจนกับตระกูลซู ต่อไปตระกูลเหอจะรับใช้คุณชายเย่ด้วยความจริงใจ ศัตรูของคุณชายเย่ ย่อมเป็นศัตรูของตระกูลเหอ ดังนั้นเมื่อคุณชายเย่แตกหักกับตระกูลซู คนตระกูลเหอทั้งหมดจะยืนหยัดเคียงข้างคุณชายเย่ จากมุมมองนี้ เป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว ที่คุณชายเย่ส่งพ่อของลูกไปยังซีเรีย อย่างน้อยตอนที่คุณชายเย่กับตระกูลซูเผชิญหน้ากัน ลูกก็ไม่ต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพ่อของลูก”

ซูรั่วหลีถามอย่างเร่งรีบว่า “แม่ คุณตาจะตกลงร่วมงานกับคุณชายเย่แน่นอนไหม?”

“แน่นอน” เหออิงซิ่วกล่าวอย่างมั่นใจ “การร่วมงานกับคุณชายเย่เป็นโอกาสยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเราตระกูลเหอ ดังนั้นคุณตาของลูกไม่ปฏิเสธแน่นอน”

หลังจากนั้น เหออิงซิ่วก็กล่าวอีกครั้งว่า “พรุ่งนี้แม่จะกลับไปที่เมืองโม่เฉิงโดยตรง และรายงานสถานการณ์ให้กับคุณตาของลูก จากที่แม่เข้าใจในตัวคุณตาของลูกแล้ว เขาจะไม่มีความลังเลใด ๆ เลยแน่นอน”

“งั้นก็ดี” ซูรั่วหลีรู้สึกวางใจ และกล่าวอย่างขี้อ้อนว่า “แม่ หลังจากที่แม่ได้คุยกับคุณตา และคุณตาตกลงแล้ว แม่รีบคัดเลือกคนสิบคนของตระกูลอย่างรวดเร็ว และพาพวกเขามาที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นจะได้มีเวลาอยู่กับฉันมากขึ้น……..”

“ตกลง!” เหออิงซิ่วยิ้มด้วยความรัก “ลูกวางใจเถอะ แม่จะกลับมาโดยเร็วที่สุด”

……

ขณะนี้ เย่เฉินเห็นว่าเวลานั้นใกล้ค่ำแล้ว เขาจึงโทรหาเฉินจื๋อข่ายและกล่าวว่า “เหล่าเฉิน คุณให้คนเตรียมรถหนึ่งคัน และเตรียมโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องหนึ่งที่ไม่สามารถหาเบาะแสเจอ จากนั้นคุณไปหาซูจือหยู แล้วเชิญเธอและน้าตู้มาที่นี่”

เฉินจื๋อข่ายถามด้วยความเร่งรีบว่า “คุณชาย คุณจะปล่อยพวกเธอไปหรือ?”

เย่เฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “ผมสัญญากับพวกเธอไว้แล้ว วันนี้ผมจะให้อิสระแก่พวกเธอ และปล่อยพวกเธอไป จากนั้นคุณให้คนของเราขับรถพาพวกเธอไปที่ชานเมือง แล้วเอาโทรศัพท์มือถือให้พวกเธอ ส่วนที่เหลือคุณไม่ต้องเป็นห่วง”

เฉินจื๋อข่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “คุณชาย ผมมีประโยคหนึ่งไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูดดี? ”

“คุณพูดเถอะ”

“คุณชาย ซูโสว่เต้าเพิ่งหายตัวไปวันนี้ ตอนนี้ตระกูลซูกำลังตามหาเขาไปทุกแห่ง หากปล่อยตัวสองแม่ลูกซูจือหยูไปตอนนี้ ตระกูลซูสามารถเชื่อมโยงการหายตัวไปของซูโสว่เต้ากับพวกเธอสองคนได้อย่างง่ายดาย เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้ข่าวของซูโสว่เต้าจากพวกเธอสองแม่ลูก ดังนั้นผมคิดว่าอย่าเพิ่งปล่อยพวกเธอไปจะดีกว่า อย่างน้อยก็ให้ผ่านไปอีกสองสามวัน……”

เย่เฉินโบกมือและกล่าวว่า “แม้ว่าผมจะปล่อยพวกเธอช้าไปอีกสองสามวัน ผลลัพธ์ก็จะเหมือนกัน”

หลังจากนั้น เย่เฉินอธิบายว่า “ข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุของพวกเธอก่อนหน้านั้นกำลังโหมกระหน่ำ และผู้คนทั่วประเทศต่างให้ความสนใจ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งคนปกติไม่สามารถมีชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าพวกเธอทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนจะคิดตามสัญชาตญาณว่าคนที่ช่วยชีวิตพวกเธอนั้นไม่ใช่คนธรรมดา”