ช่วงนี้ซูจือเฟยเอาแต่ยุ่งเกี่ยวกับคอนเสิร์ตในสเตเดียม เขาออกมาดูงานตั้งแต่เช้า ดังนั้นถึงแม้จะเห็นว่าน้องสาวจะจัดงานแถลงข่าว แต่เขาก็ไม่มีเวลาถามน้องสาวว่าวางแผนไว้อย่างไร
เพราะฉะนั้น เขาจึงพูดกับซูเฉิงเฟิงว่า“คุณปู่ครับ พอดีวันนี้ผมมีเรื่องยุ่งนิดหน่อย ยังไม่มีเวลาคุยรายละเอียดกับจือหยูเลยครับ เอาอย่างงี้ไหมครับรอผมแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวผมจะโทรถามเธอดูครับ”
ซูเฉิงเฟิงโพล่งออกไปว่า“อย่าโทรนะ มีรายละเอียดมากมายในโทรศัพท์ที่ไม่สามารถตรวจจับได้ เอาแบบนี้นะ แกรีบกลับไป คุยกับจือหยูหน่อย ทางที่ดีให้หลีกเลี่ยงแม่กับตาของแก แล้วแอบถามกับจือหยู ถามว่าตกลงเธอวางแผนจะทำอะไรกันแน่ ทางฉันจะได้เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ”
ซูเฉิงเฟิงกลัวว่าซูจือหยูจะมุ่งเป้ามาที่ตนเอง ในงานแถลงข่าว
ผู้คนภายนอกก่นด่าตัวเอง ว่าเป็นเรือขาดหางเสือ ทุกคนพากันถ่มน้ำลาย
แต่ถ้าซูจือหยูพาคนมาก่นด่าตัวเอง คนทั่วทั้งประเทศกว่าหลายร้อยล้านคนก็จะมีแนวทางในการระบายความโกรธเคืองได้ชัดเจนขึ้น ถึงเวลานั้นเกรงว่าถือป้ายก่นด่าเขาไปตามถนน
ซูจือเฟยสังเกตได้ว่าปู่ของตนค่อนข้างประหม่าในเรื่องนี้มาก จึงรีบพูดอย่างร้อนใจว่า“ได้ครับคุณปู่ ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละครับ ถ้ามีความคืบหน้าผมจะรายงานคุณปู่ทันทีเลยครับ!”
ซูเฉิงเฟิงกำชับว่า“ฉันไม่ได้ให้แกไปถามความคิดของจือหยูอย่างเดียวนะ แกยังต้องคิดหาวิธีเกลี้ยกล่อมให้เธอปล่อยความโกรธแค้นไป แกต้องทำให้เธอรู้ว่า เธอคือคนของตระกูลซู ไม่ใช่คนของตระกูลตู้ เธอเป็นหนึ่งเดียวกับตระกูลซู หนึ่งล่วงทุกคนล่ม หนึ่งโรจน์ทุกคนรุ่ง ตอนนี้ตระกูลซูมีปัญหาทั้งภายในและภายนอก จะเห็นแก่ตัวไม่ได้อีกแล้วนะ!”
ซูจือเฟยรีบพูดขึ้นมาว่า“ผมรู้แล้วครับคุณปู่ วางใจเถอะครับ ผมจะพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ!”
“ดี……”ซูเฉิงเฟิงพูดอย่างห่อเหี่ยวใจ“แกจะต้องพยายามอย่างเต็มที่นะ เกลี้ยกล่อมให้เธอจัดการเรื่องนี้อย่างละมุนละม่อม!ขอแค่แกสามารถเกลี้ยกล่อมเธอได้ ปู่จะปฏิบัติต่อแกอย่างยุติธรรม”
เมื่อซูจือเฟยได้ยินอย่างนั้น เขารับปากอย่างซาบซึ้งใจ รีบขับรถกลับบ้าน
ในคฤหาสน์ของตระกูลตู้ ซูจือหยูขังตัวเองอยู่ในห้อง กำลังเตรียมสคริปต์ที่จะแถลงข่าวในคืนนี้
การแถลงข่าวในคืนนี้ เป็นการเริ่มต้นแผนการสามปีของเธอ สำหรับตนแล้ว มันมีความหมายมาก ดังนั้นเธอไม่สามารถทำพลาดได้
ซูจือเฟยเคาะประตูห้อง แล้วเอ่ยปากถามว่า“จือหยู พี่เข้าไปได้ไหม?”
เมื่อซูจือหยูได้ยินเสียงของพี่ชาย สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
สองวันานี้เธอเอาแต่คาดเดาว่า พี่ชายและซูเฉิงเฟิงผู้เป็นปู่ได้แอบติดต่อกัน อาจจะใกล้ชิดกันมากก็เป็นได้ กระทั่งภายในใจของเขาอาจจะเอนเอียงไปทางคุณปู่
แต่เธอก็มีหลักฐานไม่เพียงพอ
ดังนั้น อันที่จริงวันนี้เธอจะทำการทดสอบซูจือเฟย
เธอรู้ดีว่าซูจือเฟยไปที่สเตเดียมตั้งแต่เช้า เพื่อเตรียมคอนเสิร์ตให้กับกู้ชิวอี๋
ดังนั้นเธอคิดว่า ถ้าซูจือเฟยรีบทิ้งงานที่อยู่ในมือของตนเองแล้วรีบกลับมา เพราะเรื่องการแถลงข่าวของตน ถ้างั้นอย่างน้อยร้อยละเจ็ดสิบก็ต้องเอนเอียงไปทางคุณปู่
อีกทั้ง ถ้าซูจือเฟยรีบกลับมาเพราะเรื่องนี้ และยังมาพูดบอกให้เธอ ให้อภัยคุณปู่ ต่อหน้าตนเอง ถ้าอย่างงั้นเขาก็จะต้องหันหลังให้เธออย่างสิ้นเชิง!
ถ้าซูจือเฟยหันหลังให้เธอจริงๆ ก้นบึ้งหัวใจของซูจือหยูไม่เพียงแต่ตั้งแง่เขา อีกทั้งยังไม่มีทางให้อภัยเขาอย่างแน่นอน
เพราะเธอรู้สึกว่า ทุกการกระทำของซูเฉิงเฟิงผู้เป็นปู่ ไม่มีความเป็นมนุษย์ อีกทั้งเกือบจะทำให้แม่และตัวเธอเองต้องตาย!
ต่อหน้าความเป็นจริงแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรพี่ชายก็ควรที่จะยืนอยู่ข้างความถูกต้องและคนในครอบครัว ยืนอยู่ข้างเธอและแม่ให้สนิทแนบแน่น
ถ้าหากต่อหน้าความเป็นจริง เขากลับยืนอยู่ข้างคุณปู่ นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่า ในสายตาของเขา ทรัพย์สินเงินทองและตำแหน่งสำคัญกว่า ความถูกต้องและครอบครัว
ถ้าหากเป็นแบบนี้ มันก็พิสูจน์ได้เหมือนกันว่าพี่ชายคนนี้ ได้สูญเสียความเป็นมนุษย์ที่คนธรรมดาทั่วไปควรมี
อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่มีเงื่อนไขความเป็นพี่ชาย ในใจของซูจือหยู
ดังนั้น เธอเก็บสคริปต์ของตัวเองอย่างเย็นชา แล้วนวดคลึงใบหน้าที่ค่อนข้างเย็นชา กระทั่งแก้มที่แข็งทื่อ
หลังจากที่พยายามทำตัวเองให้ดูเป็นธรรมชาติ เธอถึงเอ่ยปากพูดออกไปว่า“พี่คะ เข้ามาเถอะค่ะ ประตูไม่ได้ล็อก”