เมื่อหานเหม่ยฉิงได้ยินในสิ่งที่เฮ่อจือชิวพูด ก็พยักหน้ายอมรับแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ง่ายเลยนะที่จะได้พบกับคนที่ประสบการณ์คล้ายคลึงกัน เราก็ต้องมีเรื่องคุยถูกคอกันมากทีเดียว”

ประโยคนี้ หานเหม่ยฉิงพูดออกมาจากหัวใจ

ชั่วชีวิตนี้ของเธอ ไม่ถึงกับขรุขระ แต่ก็ได้ผ่านพายุฝนมาหลายครั้งทีเดียว

ไปต่างประเทศ ย้ายถิ่นฐาน แต่งงาน มีลูก สูญเสียสามี จากนั้นก็เลือกที่จะกลับบ้านเกิดเมืองนอนพร้อมกับลูกชาย

คำพูดสั้นๆ เหล่านี้ เป็นตัวแทนประสบการณ์ชีวิตกว่า 50 ปีของเธอ

ที่น่าสนใจก็คือ เฮ่อหย่วนเจียงมีประสบการณ์เหมือนกันกับเธอแทบจะทุกอย่าง

เฮ่อหย่วนเจียง ก็ตัดสินใจที่จะกลับบ้านหลังจากการเสียชีวิตของภรรยา

ตอนแรกหานเหม่ยฉิงยังคิดว่าที่เขาแตกต่างจากเธอก็คือ เขากลับมาคนเดียว ส่วนลูกยังอยู่ต่างประเทศ วันนี้เมื่อเธอได้พบเฮ่อจือชิวอย่างกะทันหัน เธอถึงตระหนักว่า ลูกของเฮ่อหย่วนเจียงก็กลับมาด้วย

พูดตามตรง มันประจวบเหมาะจนหานเหม่ยฉิงคิดว่าส่องกระจก แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ตรงข้าม ยกตัวอย่างเช่น เฮ่อหย่วนเจียงเป็นผู้ชาย มีลูกสาว ส่วนตัวเธอเป็นผู้หญิง มีลูกชาย

ดังนั้นเมื่อเธอเห็นเฮ่อจือชิว ก็รู้สึกว่าคุ้นเคยกัน จึงกล่าวยิ้มๆ “จือชิว ลูกชายของฉันเพิ่งตามฉันกลับประเทศมา ถ้ามีโอกาสจะแนะนำให้พวกเธอรู้จักกัน เชื่อว่าเธอกับเขาจะต้องคุยกันถูกคอแน่ๆ”

เฮ่อจือชิวยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าแล้วกล่าวอย่างสุภาพ “ได้ค่ะคุณน้าหาน”

เห็นอย่างนี้เฮ่อหย่วนเจียงที่อยู่ข้างๆ ก็รีบพูดทันที “โอ๊ย! เหม่ยฉิง เอาอย่างนี้ไหม คืนวันพรุ่งนี้มาทำอาหารกินกันที่บ้านของผม คุณพาพอลมาทำความรู้จักกันด้วย แล้วปล่อยให้เด็กสองคนทำความรู้จักกัน คุณว่าดีไหม?”

หานเหม่ยฉิงครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ ฉันยังคอนเฟิร์มไม่ได้ กลับบ้านไปฉันจะลองถามพอลดูนะ”

เฮ่อหย่วนเจียงรีบบอกว่า “ได้! แต่ถ้าพอลมีเวลา คุณก็บอกผมมาได้เลย ผมจะเตรียมพร้อมไว้”

หานเหม่ยฉิงพยักหน้า มองดูเวลาแล้วบอกว่า “เอาล่ะ ฉันต้องขอตัวก่อน เพื่อนเก่าหลายคนกำลังรออยู่”

จากนั้นเธอก็โบกมือให้เย่เฉินแล้วบอกว่า “เย่เฉิน ถ้ามีเวลาก็ไปนั่งเล่นที่บ้านสิ พอลพูดถึงคุณอยู่ตลอด บอกว่าคุณเป็นคนที่เขาชื่นชมมากที่สุด”

เย่เฉินยิ้มๆ พูดอย่างเกรงใจ “ครับคุณน้าหาน ถ้าว่างผมต้องไปแน่”

หานเหม่ยฉิงยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดกับเฮ่อจือชิว “จือชิว น้าไปก่อนนะ วันหลังจะพาลูกชายไปเยี่ยมที่บ้านเธอ”

เฮ่อจือชิวยิ้มหวานพลางกล่าวว่า “ได้ค่ะคุณน้าหาน ดูแลตัวเองนะคะ”

หลังจากหานเหม่ยฉิงไปแล้ว เย่เฉินก็ไม่เสียเวลาอีก บอกกับเฮ่อหย่วนเจียงและเฮ่อจือชิวสองพ่อลูกว่า “พวกคุณขึ้นรถเถอะ”

“ครับ” เฮ่อหย่วนเจียงตอบรับ จากนั้นจึงเข้าไปในรถยนต์อเนกประสงค์

หลังจากที่ทุกคนขึ้นรถแล้ว เย่เฉินก็ให้คนขับรถไปที่คฤหาสน์ของเฮ่อหย่วนเจียงก่อน

ระหว่างทาง เฮ่อจือชิวอดถามเฮ่อหย่วนเจียงด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ “พ่อคะ พ่อคิดอะไรกับคุณน้าหานคนนั้นหรือเปล่า?”

เฮ่อหย่วนเจียงเกิดอาการเขินอายขึ้นมา ตอบตะกุกตะกัก “ยัยเด็กคนนี้ พูดจาเหลวไหลอะไร…”

เฮ่อจือชิวบุ้ยปาก “เห็นฉันเป็นเด็กสามขวบจริงๆ เหรอ? เรื่องแบบนี้ฉันจะดูไม่ออกเหรอ?”

ว่าแล้วเธอก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันรู้สึกประทับใจคุณน้าหานคนนี้ ฉันไม่เคยเห็นคุณน้าที่ดูสง่างาม ดูมีความรู้แบบเธอมาก่อน ที่สำคัญเธอเป็นคนใจดีมาก ฉันชอบเธอมาก”

“จริงเหรอ?” พอได้ยินอย่างนี้แล้ว เฮ่อหย่วนเจียงก็รู้สึกประหลาดใจขึ้น จึงหลุดปากถามออกไปว่า “เธอรู้สึกคุณน้าหานดีจริงๆ เหรอ?”

“จริงสิคะ” เฮ่อจือชิวกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันเองก็ไม่ได้หัวโบราณ พ่อก็อายุปูนนี้แล้ว ต่อไปต้องมีคู่ชีวิตอยู่ด้วย ถ้าพ่อจีบคุณน้าหานจริงๆ ฉันจะกดไลค์ให้ร้อยครั้งเลย ไปจีบอย่างสบายใจเถอะ ถ้าต้องการให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลย”