ความจริง ในใจเฮ่อจือชิวค่อนข้างขัดแย้งกันเรื่องที่พ่อของเธอจะแต่งงานใหม่

เธอมักจะระบายความโกรธที่แม่จากไปกับพ่อของเธอ คิดว่าเขาต้องมีความรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการตายของแม่

แต่เนื่องจากประสบการณ์ในซีเรีย ทำให้เธอมีความอดทนและความเข้าใจต่อพ่อของเธอมากขึ้น

พ่อของเธอวิ่งทำงานสายตัวแทบขาดมาหลายปีเพื่อให้ครอบครัวมีรากฐานทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น แม้กระทั่งตอนที่รายรับประจำปีของเขาคือหลายสิบล้านดอลลาร์ เขาก็ไม่เคยนอกใจหรือนอกลู่นอกทาง ดูแลและเป็นห่วงครอบครัวเป็นอย่างดี

บางครั้งมันเป็นเรื่องยากที่จะสร้างสมดุลให้กับหน้าที่การงานและครอบครัว ส่วนใหญ่พ่อต้องไปทำงานข้างนอก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของยังอยู่ตัวคนเดียว อายุก็มากแล้ว ไม่เพียงแต่ขาดความอบอุ่นในชีวิต แต่ยังขาดคู่ชีวิตคอยดูแล

ว่ากันว่าสามีภรรยาพอแก่ตัวไปแล้วจะเป็นมิตรสหายกันเสมอ คนเราเมื่ออายุมากไปแต่ไม่มีสหาย ช่วงเวลานี้จะมีแต่ความเสียใจ

ในฐานะลูกสาว เธอไม่ต้องการให้พ่อของเธออยู่โดดเดี่ยวไปตลอด แม้ว่าเธอจะกลับมาอยู่ข้างกายเขาในฐานะลูกสาว แต่การขาดคู่ชีวิตจะยังคงทำให้ชีวิตของเขาไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม

เมื่อเฮ่อหย่วนเจียงได้ยินคำพูดของลูกสาว ก็เกิดความรู้สึกมั่นคงและตื้นตันอยู่ในใจจริงๆ

แต่เนื่องจากมีคนมากมายอยู่รอบๆ เขาจึงต้องบอกอย่างคลุมเครือว่า “ลูกมีหัวใจเช่นนี้ พ่อก็พอใจแล้ว ส่วนเรื่องระหว่างพ่อกับคุณน้าหานปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ”

เฮ่อจือชิวพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด “ไม่ได้หรอก! ปล่อยไปตามธรรมชาติ? คุณน้าที่มีคุณสมบัติดีแบบนี้ พ่อยังจะปล่อยไปตามธรรมชาติ? ไม่รู้ว่ามีใครตามจีบคุณน้าหานอยู่บ้างหรือเปล่า พ่อต้องพยายามอย่างเต็มที่ถึงจะประสบความสำเร็จ!”

เฮ่อหย่วนเจียงพูดอย่างเก้อเขิน “เอ่อ…เอ่อ…กลับบ้านไปค่อยคุยกันเถอะ กลับบ้านไปค่อยคุยกัน!”

เย่เฉินที่อยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้น ก็แอบทอดถอนใจอยู่ภายใน

“ถ้ามองตามนี้ พ่อตาเซียวฉางควนจะยังเอาโอกาสที่ไหนมาชนะ?”

“ทุกด้านคุณอาเฮ่อนั้นกินขาดจนถึงจุดที่ไม่เหลือหนทางอยู่เลย ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียว อาจจะเป็นเรื่องความรักครั้งแรกกับคุณน้าหาน”

“แต่ชายชราคนนี้นั้นใจเสาะเหมือนหนู ไม่กล้าตามจีบคุณน้าหานอย่างเปิดเผย และไม่กล้าพูดถึงเรื่องการหย่าร้างกับหม่าหลันด้วย ต่อมาแม้แต่เมื่อได้พบกับคุณน้าหาน เขาก็ยังกลัวนั่นกลัวนี่ ต้องบอกว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดและกลัวเรื่องต่างๆ ยังไม่แข็งแรงพอที่จะแบกรับภาระ ในช่วงเวลาที่คุณน้าหานกลับมา เธอคงจะผิดหวังในตัวเขามากสินะ?”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็อดมองไปที่เฮ่อหย่วนเจียงที่อยู่ข้างเขาไม่ได้

“ต้องบอกว่า คุณอาเฮ่อนั้นเป็นผู้ชายที่ดีแน่นอน มีการศึกษาสูง สุขุมเยือกเย็น เรื่องรายได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ประเด็นสำคัญคือตัวเขาเองก็มีกำลังวังชามากกว่าพ่อตามาก และตัวคุณอาเฮ่อเองก็เป็นม่าย สามารถอยู่กับคุณน้าหานอย่างเปิดเผยได้ตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งการจดทะเบียนสมรส สิ่งเหล่านี้พ่อตาของเขาเทียบไม่ติดเลย…”

สำหรับเย่เฉินแล้ว ให้เขายืนอยู่ในตำแหน่งที่มองและวิเคราะห์จากสภาพจริง เขาก็ยังมองเห็นหานเหม่ยฉิงคู่ควรกับเฮ่อหย่วนเจียงอยู่ดี นักวิชาการระดับสูงสองคนที่ห่างหายอารมณ์สุนทรีย์ หากได้เดินด้วยกันพูดได้ว่าฟ้าดินลิขิต เหมาะสมกันอย่างมาก

ส่วนเซียวฉางควนนั้น…

พูดตามตรง เย่เฉินรู้สึกว่าเซียวฉางควนไม่คู่ควรกับหานเหม่ยฉิงเลย

บางที เมื่อตอนรักแรกของทั้งสองนั้น เคยยืนอยู่จุดเริ่มต้นเดียวกันมาแล้ว

แต่ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา หานเหม่ยฉิงได้ก้าวไปข้างหน้ามาโดยตลอด ในขณะที่เซียวฉางควนกลับก้าวถอยหลัง

จนถึงตอนนี้ พวกเขาทั้งสองอยู่ห่างจากกันไกลโพ้น

ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ก็เกรงว่าจะไม่ยาวนาน