ในใจของไหม้เฉิงซิน มีความไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับคนชั่วร้ายแบบนี้อย่างมาก

แต่ว่าขาก็ไม่กล้ามุทะลุมีปัญหากับอีกฝ่าย ดังนั้นจึงได้พยักหน้าพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว!พวกเราสองฝ่ายต่างก็มีความถนัดของตัวเอง ร่วมมือกันถึงจะสามารถเติมเต็มจุดด้อยต่อกัน”

“ใช่แล้ว!” ซวนเฟิงเหนียนยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้ก็ลำบากคุณท่านไหม้หาวิธีเข้าใกล้ซูจือหยูนั่นหน่อยนะครับ ที่อยู่เดี๋ยวผมส่งข้อความให้กับคุณ”

“ตกลง” ไหม้เฉิงซินพยักหน้า แล้วก็ถามว่า “ไม่ทราบว่าอาจารย์ซวนยังมีเรื่องอื่นอีกมั้ยครับ?”

“ไม่แล้วครับ” ซวนเฟิงเหนียนยิ้ม พูดว่า “มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นครับ ลำบากคุณท่านไหม้มาหา และก็เพราะเป็นห่วงว่าบทสนทนาของพวกเราจะถูกคนอื่นได้ยิน ได้โปรดคุณท่านอย่าได้ถือสา”

ในใจไหม้เฉิงซินยิ้มเยาะ เขาจะดูความคิดของซวนเฟิงเหนียนไม่ออก? ไอ้นี่ไม่ได้เป็นห่วงว่าบทสนทนาจะมีคนอื่นได้ยิน เขาแค่อยากจะเรียกตัวเองมา ใช้รปภ.คนเมื่อกี้มาขู่ตัวเขาก็เท่านั้น!

แต่ว่า เขาเองก็ไม่กล้ามีปัญหากับซวนเฟิงเหนียน จึงรีบพูดอย่างเกรงใจว่า “อาจารย์ซวนพูดเกินไปแล้วครับ คุณเองก็รับผิดชอบให้กับคุณท่านซู ผมเข้าใจครับ”

พูดจบ ไหม้เฉิงซินก็ถามอีกว่า “อาจารย์ซวนจะกลับเข้าในเมืองมั้ยครับ? ถ้าหากว่ากลับ ผมให้เหลนชายของผมเรียกรถ พวกเราสามารถกลับไปด้วยกันได้ ถ้าหากว่าอาจารย์ซวนไม่อยากกลับกับพวกเรา ก็ให้เขาเรียกรถให้คุณคนเดียวอีกคัน”

“ไม่ต้องครับ” ซวนเฟิงเหนียนชี้ศพที่พื้นนั่น พูดเยาะว่า “เลือดของคนตายสำหรับผมล้วคือของดี สามารถใช้โอกาสนี้ฝึกฝนเครื่องมือทางธรรมได้ ถ้าหากว่าจากไปอย่างนี้ จะดูฟุ่มเฟือยไปหน่อย คุณท่านไหม้กลับไปก่อนเถอะครับ”

ไหม้เฉิงซินยิ้มเยาะทีหนึ่ง แล้วกุมมือทำความเคารพ “ในเมื่ออย่างนี้ ข้าก็กลับก่อนละครับ”

ซวนเฟิงเหนียนยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูชั่วร้ายว่า “คุณท่านไหม้ครับ เรื่องหาตัวคนก็ลำบากคุณละ อย่าได้เสียเวลาที่จะร่ำรวยของผมเด็ดขาดละครับ!”

ไหม้เฉิงซินใจกระตุก รีบพูดว่า “อาจารย์ซวนวางใจได้ครับ ข้าทำให้เต็มที่แน่นอน!”

พูดจบ เขาก็พูดกับไหม้เค่อที่หน้าซีดอยู่ด้านข้างว่า “ไหม้เค่อ รีบบอกลากับอาจารย์ซวนเร็ว”

ไหม้เค่อได้สติมา รีบร้อนโค้งคำนับพูดว่า “ลาก่อนครับอาจารย์ซวย!”

ซวนเฟิงเหนียนหัวเราะ พยักหน้าเล็กน้อย

ไหม้เฉิงซินรีบพาไหม้เค่อ เดินไปยังด้านนอกสุสาน

เดินออกมากว่าร้อยเมตรแล้ว ไหม้เค่อก็พูดเสียงเบาว่า “ทวดครับ….”

ไหม้เฉิงซินรีบดุเสียงเบาว่า “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กลับไปก่อน!”

ไหม้เค่อหุบปากอย่างเข้าใจ

สิ่งที่พบเจอเมื่อกี้ พลิกผันต่อความรู้ที่เขามีต่อโลกใบนี้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ในตอนนี้แม้แต่กำลังเดินอยู่ก็ยังรู้สึกสองขาอ่อนแรง ออกแรงไม่ไหว

ตามความต้องการของไหม้เฉิงซินแล้ว ไหม้เค่อไม่ได้เรียกรถในทันที ทวดเหลนทังสองเดินด้วยกันมาไกล เดินมาจนถึงถนนใหญ่ ถึงได้ยื่นมือเรียกรถแท็กซี่ที่ผ่านมาคันหนึ่ง

เมื่อขึ้นรถ ไหม้เค่อก็ขดตัวนั่งอยู่ที่มุมของเบาะรถ รู้สึกเหมือนกับเพิ่งป่วยหนักมา

ไหม้เฉิงซินเองก็รู้สึกไม่ดี ในใจบ่นว่า “ดูแล้ว ครั้งนี้ที่มาหัวเซี่ยเป็นเรื่องที่ผิดจริงๆ….เอาแต่คิดอยากจะหาโอกาส แต่ลืมคิดไปว่าความอันตรายก็มีอยู่เช่นกัน ซวนเฟิงเหนียนคนนี้ อันตรายมากเกินไปจริงๆ จะต้องตอบโต้อย่างระมัดระวัง….”

ทวดเหลนสองคนนั่งรถกลับโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงอย่างตื่นตระหนก ระหว่างทางนี้ ทั้งสองไม่ได้พูดจา ยังไงซะเรื่องเมื่อกี้ที่พบเจอก็ดูน่าหวาดกลัวมากเกินไปจริงๆ ทั้งสองเองก็กลัวว่าพูดข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอะไรออกมาแล้วถูกคนขับรถแท็กซี่ได้ยินเข้า”

ยังไงซะ ที่สุสานนั่นวันนี้ก็มีคนตาย พรุ่งนี้ก็จะถูกคนอื่นรับรู้ ไม่แน่ไม่นานก็คงจะถูกตั้งคดีสืบสวน

ทวดเหลนทั้งสองคนไม่มีใครอยากจะลากทางฝ่ายตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ว่า สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ลูกน้องของเฉินจื๋อข่าย รวมทั้งคนหนุ่มสองคนของตระกูลเหอ ได้เริ่มแอบควบคุมเริ่มงานแล้ว

ในขณะนี้ ลูกน้องของเฉินจื๋อข่ายแอบเฝ้าอยู่อยู่ที่หน้าประตูโรงแรม รอทวดเหลนทั้งสองคนกลับมา จากนั้นก็ใช้การติดตามพวกเขาเมื่อกี้ ทำการย้อนรอยติดตาม