ไหม้เค่อซินไม่รู้ ว่าตอนนี้ได้มีคนเล็งพวกเขาได้แล้ว

รถแท็กซี่จอดลงที่หน้าประตูโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ไหม้เฉิงซินก็ลงจากรถโดยการพยุงของไหม้เค่อ

จากนั้น ทั้งสองคนที่เหนื่อยล้าอย่างมากก็รีบกลับไปพักผ่อนที่ห้องพัก

ส่วนลูกน้องของเฉินจื๋อข่าย รวมทั้งคนหนุ่มของตระกูลเหอ กลับจงใจขึ้นรถขับตามรถแท็กซี่คันนั้นออกไปจากสถานที่

หลังจากนั้นไม่กี่นาที พวกเขาก็บีบให้รถแท็กซี่จอดลงที่ปากทางแห่งหนึ่ง ลูกน้องของเฉินจื๋อข่ายหนึ่งในนั้นก็รีบเดินไปยังนอกหน้าต่างของที่นั่งคนขับ มองคนขับรถคนนั้น เอ่ยปากถามว่า “ปู่หลานสองคนเมื่อกี้ที่นายไปส่ง ขึ้นรถจากที่ไหน?”

“คือ….”

คนขับรถแท็กซี่เห็นว่าผู้มาไม่ประสงค์ดี จึงรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรตอบตามจริงมั้ย

ลูกน้องของเฉินจื๋อข่ายคนนั้น โยนธนบัตรเงินหนึ่งหมื่นเข้าไปทางช่องหน้าต่าง เอ่ยปากพูดว่า “พวกเราคือคนของท่านหงห้า นายตอบมาตามความจริง ไม่มีใครทำอะไรนาย เงินหนึ่งหมื่นนี้ก็เป็นค่าตอบแทนที่ให้นาย”

พูดจบ ก็เปลี่ยนวิธีการพูด พูดขู่ว่า “แต่ถ้าหากนายไม่พูด หรือไม่พูดความจริง งั้นก็อย่าโทษที่พวกเราไม่เกรงใจ!ทะเบียนรถนายฉันก็จำไว้แล้ว เพียงแค่ฉันพูดออกไป ต่อไปนายก็จะอยู่ในเมืองจินหลิงอย่างยากลำบาก!”

ถ้าหากว่าพูดชื่อของเฉินจื๋อข่าย คนขับรถแท็กซี่คงจะไม่รู้ แต่ว่า ถ้าหากพูดชื่อของหงห้าออกไป ก็จะไม่มีคนขับรถแท็กซี่คนไหนที่จะไม่รู้จัก

เพราะยังไงซะ หงห้าก็เป็นพี่ใหญ่ของโลกแห่งเมืองจินหลิง ลูกน้องในมือมากมาย ผูกขาดกับหลายสายงานของเมืองจินหลิง โดยเฉพาะไนต์คลับ ผับบาร์พวกนี้

คนขับรถแท็กซี่ไปทำงานอยู่กับสถานที่พวกนี้ทุกวัน จะต้องรู้เข้าใจสถานการณ์พวกนี้อย่างแน่ชัดอยู่แล้ว

ดังนั้น เมื่อได้ยินชื่อจริงของหงห้าแล้ว คนขับรถคนนี้ก็รีบเอ่ยปากพูดว่า “พี่ใหญ่ครับผมพูด ผมพูด!สองคนนั้นขึ้นรถที่ข้างทางใกล้ๆเขาเฟิ่งหวงครับ!”

“เขาเฟิ่งหวง?!” ลูกน้องของเฉินจื๋อข่ายขมวดคิ้วแน่น “ที่ตรงนั้นนอกจากสุสานเขาเฟิ่งหวงแล้ว ก็ไม่มีที่อื่นแล้วใช่มั้ย?”

“ใช่ครับ!” คนขับรถรีบพยักหน้าพูดว่า “ที่ตรงนั้นไม่มีผู้คน เมื่อก่อนมีหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ต่างก็ถูกนักพัฒนาของสุสานเขาเฟิ่งหวงซื้อไว้และย้ายออกไปแล้วครับ”

ลูกน้องของเฉินจื๋อข่ายพยักหน้าเล็กน้อย พูดเสียงเย็นชาว่า “จำไว้ เรื่องเมื่อกี้ ห้ามบอกกับใครทั้งนั้น เข้าใจมั้ย?”

คนขับรถคนนั้นรีบแสดงออกพูดว่า “คุณสบายใจได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว!”

พูดจบ ก็เอาเงินหนึ่งหมื่นยื่นออกมา พูดอย่างตื่นกลัวว่า “พี่ใหญ่ครับ เงินนี่คุณเก็บไว้เถอะครับ ผมไม่สามารถรับไว้…”

ลูกน้องของเฉินจื๋อข่ายด่าว่า “ให้นายเก็บไว้ก็เก็บไว้ซะ พูดอะไรมาก? รีบไปซะ!”

คนขับรถไม่กล้าประมาท ทำได้เพียงรับเงินไว้ แล้วก็เหยียบคันเร่งจากไป

ลูกน้องของเฉินจื๋อข่ายรีบบอกสถานการณ์ที่พิสูจน์แล้วให้กับเฉินจื๋อข่าย ส่วนเฉินจื๋อข่ายเองก็รีบบอกกับเย่เฉิน

เย่เฉินได้ยินมาว่าทวดเหลนไหม้เฉินซินทั้งสองไปที่เขาเฟิ่งหวง ในใจเองก็รู้สึกประหลาดใจ ในใจคิดคำนวณว่า “สองคนนี้มาจินหลิงเพื่อหาตัวฉัน แต่ดึกขนาดนี้แล้วไปที่เขาเฟิ่งหวงทำไมกัน?”

เมื่อคิดได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก เย่เฉินก็บอกกับเฉินจื๋อข่ายว่า “เหล่าเฉิน นายรีบตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดตอนที่พวกเขาออกจากโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงหน่อย ดูสิว่าตอนนั้นพวกเขานั่งรถแท็กซี่คันไหนออกไป!”

“จากนั้นก็หาวิธีใช้ทะเบียนรถ ตามหาคนขับรถแท็กซี่คันนั้น จะต้องถามให้แน่ชัดว่าเขาพาทั้งสองคนนี้ไปที่ไหนกันแน่!”

“อีกอย่าง ให้เขานึกคิดให้ดีๆ ว่าสองคนนี้คุยอะไรกันบนรถบ้าง สิ่งที่เกี่ยวข้องสามารถจำได้มากเท่าไหร่ก็บอกมาให้ฉันมากเท่านั้น แล้วทำบันทึกส่งมาให้ฉันดู!”

“ได้ครับคุณชาย!”