อย่างที่คาดไว้!
ไหม้เฉิงซินถูกคำถามย้อนกลับของเฉินจื๋อข่ายถามจนนิ่งไป
เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมาก
ทำไมถึงได้เลือกขโมยตัวเอง?
ทำไมถึงได้เลือกขโมยมรดกตกทอดของตัวเอง?
ถ้าหากไม่ใช่คนที่เข้าใจทางด้านนี้ จะต้องเลือกเอาเงินแน่นอน ใครจะไปเอาเข็มทิศที่เก่าแก่ ดูยุคสมัยหรือมูลค่าไม่ออก?
นึกถึงนี่ คนแรกที่ไหม้เฉิงซินนึกถึงกลับเป็นซวนเฟิงเหนียน
เขาสงสัย จะเป็นซวนเฟิงเหนียนแอบขโมยเข็มทิศบรรพบุรุษของตัวเองหรือเปล่า?
คนแซ่ซวนนี้ เดิมทีก็ไม่เชี่ยวชาญวิชาฮวงจุ้ยอยู่แล้ว ดีไม่ดีอาจจะเพื่อนำไปปิดจุดด้อยด้านนี้ ดังนั้นจึงได้เล็งไปยังเข็มทิศบรรพบุรุษของตระกูลตัวเอง!
นึกถึงนี่ ไหม้เฉิงซินเองก็ไม่กล้าไปตั้งคำถามใส่เฉินจื๋อข่ายแล้ว เพราะงั้นจึงทำได้เพียงคาดหวังทางตำรวจ ดังนั้นจึงรีบร้อนถามเฉินจื๋อข่าย “ไม่ทราบว่าทางตำรวจจะมาถึงเมื่อไหร่ครับ?”
เฉินจื๋อข่ายมองดูเวลา พูดว่า “ผมคาดว่าอย่างมากน่าจะสามนาทีครับ คุณรอสักครู่”
“ได้!” ไหม้เฉิงซินทำได้เพียงพยักหน้าตอบตกลง
หลังจากนั้นสามนาที คนหนุ่มคนหนึ่งที่ออร่าไม่ธรรมดาเดินเข้ามาในห้องของเขา
คนๆนี้ก็คือเย่เฉินที่เพิ่งมาถึงโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
เย่เฉินก้าวเดินเข้ามา เดินวนรอบห้องหนึ่งครั้ง แล้วก็ส่งสายตาของตัวเองมองไปยังไหม้เฉิงซิน เอ่ยปากถามว่า “ท่านนี้ก็คือคุณท่านไหม้ใช่มั้ยครับ?”
ไหม้เฉิงซินเห็นว่าเย่เฉินดูองอาจ คิดว่าเป็นตำรวจในชุดลำลอง ดังนั้นจึงได้รีบพูดว่า “สวัสดีครับคุณตำรวจ ผมคือไหม้เฉิงซิน ผมมีสิ่งของชิ้นหนึ่งที่สำคัญมากถูกขโมยครับ!”
เย่เฉินพยักหน้า พูดกับเฉินจื๋อข่ายที่อยู่ข้างกาย รวมทั้งพนักงานว่า “ฉันจะสำรวจสถานที่เกิดเหตุสักหน่อย คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องก็ออกไปก่อนแล้วกัน”
เฉินจื๋อข่ายแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา รีบพูดว่า “ได้ครับ”
พูดจบ ก็เรียกพนักงานคนอื่นออกจากห้องพักไปด้วยกัน ในขณะที่ออกไปก็รวดปิดประตูด้วย
ในห้องพัก ตอนนี้เหลือเพียงแค่เย่เฉินและไหม้เฉิงซินทวดเหลนสองคน
ไหม้เฉิงซินเห็นว่าเฉินจื๋อข่ายปิดประตูด้วย อดไม่ได้ที่จะถามเย่เฉินว่า “คุณตำรวจครับ หรือว่าทางคุณที่ออกมาทำคดีในครั้งนี้มีเพียงคุณคนเดียวงั้นหรอครับ?”
เย่เฉินมองไหม้เฉิงซิน จู่ๆก็พูดด้วยสีหน้าที่มีความเย็นชาว่า “ในเมื่อไม่มีคนนอก งั้นผมก็พูดอย่างตรงไปตรงมาเลยละกัน ผมไม่ใช่ตำรวจ ผมมาหาคุณ เพราะมีเรื่องบางอย่างอยากจะตรวจสอบกับคุณสักหน่อย”
ไหม้เฉิงซินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น ถามอย่างระมัดระวังอย่างมากว่า “นายไม่ใช่ตำรวจ? งั้นนายเป็นใครกันแน่?!เข็มทิศของฉันอยู่ที่นายใช่มั้ย?!”
เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยังเป็นห่วงเข็มทิศของคุณอยู่? ผมจะบอกคุณนะ สิ่งที่ผมจะถามต่อไปนี้ ทางที่ดีคุณตอบมาตามความจริง ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่เข็มทิศเลย แม้แต่ชีวิตของคุณก็จะตกอยู่ในกำมือผม!”
ไหม้เค่อที่อยู่ด้านข้างฟังคำนี้จบ ก็พูดอย่างโมโหในทันทีว่า “ฉันไม่สนว่านายเป็นใคร แต่รบกวนนายพูดจาระวังหน่อย!ไม่อย่างนั้น อย่าโทษที่ฉันไม่เกรงใจ!”
เย่เฉินเหลือมองไหม้เค่อ นิ้วมือหนึ่งก็ชี้ตรงไปยังที่หน้าผากของเขา!
ตามมาด้วย ปราณทิพย์เล็กน้อยก็ทำการปิดกั้นระบบประสาทส่วนกลางของเขาไว้ ไหม้เค่อยังไม่ทันแม้แต่จะส่งเสียงสักคำก็ได้สูญเสียการควบคุมของร่างกายไปแล้ว ทั้งตัวเหมือนว่าเป็นโรคอัมพาตร้ายแรง ไม่สามารถขยับเลยสักนิด!
สีหน้าของไหม้เค่อหวาดกลัวอย่างมาก อยากจะพูด แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปากด้วยซ้ำ!
เย่เฉินขี้เกียจจะไปสนใจเขา แต่กลับมองไปยังไหม้เฉิงซินที่ตกใจอย่างมาก พูดอย่างเย็นชาว่า “คุณท่านไหม้ ผมรู้เบื้องหลังของคุณ และก็รู้เป้าหมายที่คุณมาเมืองจินหลิง ผมรู้แม้กระทั่งว่าเมื่อคืนคุณไปเจอกับซวนเฟิงเหนียนที่สุสานเขาเฟิ่งหวง เพราะงั้นทางที่ดีคุณอย่าได้เล่นตัวอะไรกับผม ไม่อย่างนั้น พรุ่งนี้ผมก็จะให้พวกคุณทวดเหลนทั้งสองเข้าไปอยู่ยังสุสานเขาเฟิ่งหวง!”