เย่เฉินพูดเยาะเย้ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูก “ผมรู้ว่าตาแก่อย่างพวกคุณนั้นคิดยังไง คนอย่างพวกคุณ สิ่งที่มักจะพูดติดปากก็คือ ‘ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน’ คุณคิดว่าคนก็คือคนอื่นฆ่า ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคุณแล้ว? ผมจะบอกคุณให้ ที่ตัวคนอื่น อาจจะถูกความคิดเลวๆแบบนี้ของคุณหลอกไปได้ แต่สำหรับที่ผม คุณน่ารังเกียจเหมือนกับคนที่ฆ่าคน!”

พูดถึงนี่ เย่เฉินก็พูดอย่างเย็นชาว่า “วันนี้ผมจะพูดไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าหากว่าซวนเฟิงเหนียนฆ่าใครอีกสักคนในเมืองจินหลิง ผมก็จะไม่ฝังพวกคุณไว้ที่สุสานเขาเฟิ่งหวงแล้ว เพราะว่าถ้าหากให้พวกคุณตายไปอย่างนี้ มันง่ายสำหรับพวกคุณเกินไป ถึงตอนนั้นผมจะขังทวดเหลนพวกคุณสองคนไว้ที่ลานเลี้ยงหมา ใช้ชีวิตอยู่ในกรงหมาไปทั้งชีวิต!”

ในขณะที่เย่เฉินพูดประโยคนี้ ไม่มีการปกปิดถึงไอสังหารของตัวเองเลยสักนิด สายตาที่น่ากลัวทำให้จิตใจของไหม้เฉิงซินรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด!

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ถึงเบื้องหลังของเย่เฉิน แต่ในตอนนี้เขาไม่สงสัยในคำพูดของเย่เฉินเลยสักนิด

ด้วยความประหม่า เขาอดไม่ได้ที่จะอธิบายว่า ฉันเองก็ไม่รู้ว่าซวนเฟิงเหนียนอยู่ที่ไหนกันแน่ คนๆนี้อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง แล้วยังไปมาคนเดียว เมื่อวานที่ไปเขาเฟิ่งหวงก็เขาเป็นคนติดต่อมา ให้ฉันไปหา”

เย่เฉินพูดเสียงเย็นชาว่า “ตามที่พูดมา คุณน่าจะมีช่องทางการติดต่อของเขา งั้นก็หาวิธีนัดเขาออกมาให้ผม”

ไหม้เฉิงซินอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย ถ้าหากว่านายมีความแค้นอะไรกับเขา นั่นก็เป็นเรื่องของพวกนายสองคน รบกวนนายอย่าได้ลาข้าเข้าไป อย่างมากพวกเราก็ออกไปจากหัวเซี่ยในคืนนี้ ไม่มีสัมพันธ์อะไรกับหัวเซี่ยอีกก็ได้แล้ว”

ไหม้เฉิงซินเคยเห็นความสามารถของซวนเฟิงเหนียน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเป็นศัตรูกับซวนเฟิงเหนียน

ถ้าหากว่าตัวเองช่วยคนหนุ่มตรงหน้านี้หาตัวซวนเฟิงเหนียน ปรากฏว่าคนหนุ่มนี่กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซวนเฟิงเหนียน ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่คนหนุ่มคนนี้ต้องตาย ตัวเขาเองก็จะไม่มีจุดจบที่ดีอะไรเช่นกัน

เขาตั้งแต่เด็กจนโต ความเชื่อที่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดที่สุดก็คือไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น เพียงแค่เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตัวเอง เขาล้วนไม่อยากเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น เขาก็ยิ่งไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับความแค้นระหว่างเย่เฉินและซวนเฟิงเหนียน

เย่เฉินเห็นว่าตาแก่นี่ทิฐิสูงแบบนี้ จึงยิ้มเยาะทีหนึ่ง พูดว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ตอนหัวเซี่ยเจอความลำบาก พวกคุณที่เข้าใจถึงฮวงจุ้ย ต่างก็พากันหนีไปต่างงประเทศจนหมด!ที่เรียกว่าเรื่องไม่เกี่ยวกับตัวเอง ก็เลี่ยงจนหมด ก็คือหมายถึงพวกคุณที่ไร้จิตสำนึก!ความยุติธรรมของชาติ นิสัยดีอะไรพวกนี้ ในสายตาของพวกคุณล้วนเป็นขยะ!”

ไหม้เฉิงซินถูกเย่เฉินประณาม แม้ใบหน้าจะมีความละอายอยู่บ้าง แต่ก็ยังปากแข็งพูดว่า “อย่างที่ว่าแกนนำล้มต่างก็แยกย้ายกันไป ในปีนั้นมีคนหนีไปต่างประเทศมากมาย ต่างก็มีความทะเยอทะยานของตัวเอง เรียกไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด ยิ่งกว่านั้น ในตอนนี้คือสังคมของกฎหมาย ทุกอย่างเพียงแค่ทำตามกฎหมาย อยู่ในกฎหมาย ก็คือพลเมืองดี!”

พูดจบ ไหม้เฉิงซินมองดูเย่เฉิน พูดเสียงแข็งว่า “กลับเป็นนาย!ถ้าหากว่านายกล้าจำกัดเสรีภาพของฉัน นั่นนายก็คือรู้กฎหมายแต่ทำผิด!”

เย่เฉินคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตาแก่นี่จะทั้งโง่ทั้งไร้ความรู้แบบนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสได้พบเจอ มองดูแล้วไม่เหมือนคนเลว วันนี้ถึงได้รู้ว่า ตาแก่นี่ไม่ใช่คนเลวที่ทำร้ายคนตรงๆ แต่ก็เรียกไม่ได้ว่าเป็นคนดี อีกอย่างไอ้คนนี้เมื่อพบเจอปัญหา ในสมองล้วนเต็มไปด้วยเอาตัวรอด ส่วนความเป็นความตายของคนอื่น เขาไม่มองไว้ในสายตา!

ดังนั้น เย่เฉินพยักหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา พูดนิ่งๆว่า “น่าสนใจ คุณเป็นคนกลัวยุ่งเรื่องชาวบ้าน ส่วนผมเป็นคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน เพราะงั้นคุณตกอยู่ในกำมือของผม ก็จะไม่มีโอกาสที่จะถอยออกไปได้ เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปสำรวจดูที่ลานเลี้ยงหมาก่อน สำรวจเสร็จแล้ว คุณค่อยมาบอกกับผมว่าคุณอยากจะเข้ามายุ่งด้วยมั้ย!”

ไหม้เฉิงซินโมโหอย่างหนัก แต่เห็นท่าทางว่าเย่เฉินดูจริงจัง ในใจก็มีความกลัวอยู่บ้าง ดังนั้นน้ำเสียงก็อ่อนลง พูดอย่างมีความอ้อนวอนเล็กน้อยว่า “คุณเย่ครับ ผมอายุปูนนี้แล้ว อยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้ว ทำไมคุณจะต้องกดดันผมแบบนี้ละครับ?”

เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างเยาะเย้ยว่า “พอแล้ว หยุดซะเถอะ ผมพูดไว้ตรงนี้เลยว่า หากซวนเฟิงเหนียนฆ่าคนอีกแค่คนเดียว ผมจะให้คุณตายอยู่ที่เมืองจินหลิง!