ซวนเฟิงเหนียนแอบสอดส่องไหม้เฉิงซินและไหม้เค่ออยู่จริงๆ
แต่ว่า ก็ถามที่เย่เฉินคาดเดาไว้ เขาไม่ได้ตรงเข้าโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง แต่กลับจับตาดูอยู่ในที่ลับของด้านนอกโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
ที่สำคัญเพราะว่า ในโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงมีผู้คนมากมาย แล้วยังมีระบบกล้องกงวรปิดที่สมบูรณ์แบบ ถ้าหากว่าไม่มีคนช่วยเหลือ โอกาสที่อยากจะลบกล้องวงจรปิดแทบจะเป็นศูนย์
ซวนเฟิงเหนียนคิดว่า เพียงแค่ความสามารถของตัวเขาเอง สามารถจับตาดูทุกคนที่เข้าออกป๋าายจินฮ่านกงได้อย่างดี เพียงแค่ทวดเหลนไหม้เฉิงซินและไหม้เค่อทั้งสองคนออกไป ตัวเองก็จะสามารถติดตามไปได้ตลอดทาง
สำหรับไหม้เฉิงซิน ซวนเฟิงเหนียนไม่เชื่อใจ ส่วนหนึ่งเขากังวลว่าไหม้เฉิงซินจะไม่ตั้งใจทำหน้าที่ ไม่ช่วยเขาหาคนลึกลับนั่นดีๆ อีกส่วนหนึ่งก็คือเขากลัวว่าไหม้เฉิงซินจะแย่งผลงานของตัวเขา
ยังไงซะจากที่เขาดูแล้ว ไอ้แก่ไหม้เฉิงซินนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถวางใจได้
ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด นั่นก็คือแอบจับตาดูไหม้เฉิงซินไว้ ถ้าหากว่าไอ้แก่นี่กล้าแอบทำอะไรลับหลังเขาละก็ งั้นตัวเองก็จะจัดการเขาทิ้งก่อน
แต่ว่า ซวนเฟิงเหนียนไม่รู้ว่า ไหม้เฉิงซินในตอนนี้ได้เปลี่ยนฝ่ายไปแล้ว
หลังจากที่ทิ้งไหม้เค่อไว้ที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ไหม้เฉิงซินทำตามคำสั่งของเย่เฉิน ออกจากโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงคนเดียว มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลตู้
ซวนเฟิงเหนียนสงสัยอย่างมาก ไม่รู้ว่าทำไมไหม้เค่อถึงไม่ไปกับเขา แต่คิดไปแล้วว่าคนหนุ่มอย่างไหม้เค่อ ก็คงไม่มีความสามารถอะไร ดังนั้นจึงไม่ได้กลัวว่าไหม้เฉิงซินจะเล่นเกมล่อเสือออกจากถ้ำกับเขา
ดังนั้น เขาจึงขับรถเก๋งฟ็อลคส์วาเกินที่เช่ามาตามติดท้ายตลอดทาง
ไหม้ฉิงซินแกล้งทำเป็นอยู่ที่ใกล้เคียงกับคฤหาสน์ตระกูลตู้ไปครึ่งวัน แล้วก็เอาเข็มทิศและกระดาษยันต์ออกมาทำ จากนั้นเขาแกล้งทำเป็นว่าได้รับอะไรบางอย่าง เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง แล้วไปยังอุโมงค์ภูเขาจื่อจินซานในที่เกิดเหตุก่อน แล้วก็อ้อมอยู่ในเมืองจินหลิงอยู่กว้างขวาง จากนั้นก็ค่อยกลับเข้าตัวเมืองทำการเสาะหา แล้วสุดท้ายก็กลับไปยังโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
ซวนเฟิงเหนียนตามติดตลอดทาง ตามไหม้เฉิงซินไปยังคฤหาสน์ตระกูลตู้ แล้วก็ไปอุโมงค์ภูเขาจื่อจินซาน แล้วยังตามอ้อมเมืองจินหลิง จึงมั่นใจว่า ไอ้แก่นี่จะต้องหาเบาะแสอะไรเจอแน่นอน
ดังนั้น หลังจากที่ไหม้เฉิงซินกลับถึงโรงแรมแล้ว เขาก็โทรหาไหม้เฉิงซิน ในสาย ทำเป็นห่วงใยถามว่า “คุณท่านไหม้ ไม่ทราบว่ามีความคืบหน้าอะไรมั้ยครับ?”
เดิมทีไหม้เฉิงซินก็คิดจะโทรหาซวนเฟิงเหนียน ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะโทรมาหาก่อน ดังนั้นจึงได้ทำตามที่เย่เฉินสั่งไว้ เอ่ยปากพูดว่า “อาจารย์ซวน ข้าออกไปวิ่งไล่หาข้างนอกมา เพิ่งกลับถึงโรงแรม คุณก็โทรเข้ามาแล้ว”
ซวนเฟิงเหนียนถามด้วยรอยยิ้มว่า “โอ๊ะ คุณท่านไหม้ออกโรง คิดว่าเรื่องนี้จะต้องมีความคืบหน้าแน่นอน ไม่ทราบว่าผลลัพธ์เป็นยังไงครับ?”
ไหม้เฉิงซินพูดว่า “ไม่ปิดบังคุณ เรื่องราวมีจุดทะลุอย่างใหญ่เลยละครับ”
ซวนเฟิงเหนียนรีบถามต่อว่า “มีจุดทะลุยังไงบ้างครับ หาถูกคนมั้ยครับ?”
ไหม้เฉิงซินพูดอย่างลำบากใจเล็กน้อยว่า “อันนี้ก็….อาจารย์ซวน ข้าไม่สะดวกที่จะพูดในโทรศัพท์ครับ…..”
ซวนเฟิงเหนียนพูดอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “มีอะไรไม่สะดวกพูดกัน คุณบอกเบาะแสมาให้กับผม ผมหาตัวคนนั้นออกมาจัดการทิ้ง อย่างนี้คุณและผมก็จะสามารถไปรับผลที่คุณท่านซูได้แล้ว”
ไหม้เฉิงซินยิ้มเยาะ พูดว่า “อาจารย์ซวนครับ มีบางอย่างผมก็พูดตามตรงเลยละกันครับ เบาะแสบอกให้คุณได้ แต่ตัวผมก็ยังมีข้อตกลงเล็กน้อย…