เย่เฉินพยักหน้า แล้วพูดว่า“คุณพูดถูก ถ้าคุณขายทั้งบริษัทขนส่งทางทะเลทิ้ง นั่นก็เท่ากับว่าคุณจะได้รับค่าชดใช้มหาศาล หลังจากนั้นคุณก็จะต้องตัดขาดจากตระกูลซู”

ซูจือหยูรีบถามว่า“ผู้มีพระคุณมีอะไรแนะนำไหมคะ?”

เย่เฉินพูด“ผมกำลังเตรียมจะเริ่มทำธุรกิจขนส่งทางทะเล ปัจจุบันในมือของผมมีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะลงทุน สิ่งที่ขาดในตอนนี้ก็คือทรัพยากรสำเร็จรูป ถ้าคุณสนใจ เราสามารถจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนกันได้ คุณนำบริษัทจนส่งทางทะเลของตระกูลซูมาร่วมหุ้น”

ซูจือหยูถามอย่างดีใจ“ร่วมงานกับคุณโดยตรงหรอคะ?”

“ครับ”เย่เฉินพยักหน้า แล้วกล่าวว่า“แต่ผมยังไม่อยากเปิดเผยตัวตนของผมเอง ดังนั้นบริษัทขนส่งทางทะเล น่าจะต้องก่อตั้งบริษัทใหม่เป็นเปลือกนอก อีกทั้งข้อมูลส่วนตัวของผมจะไม่ปรากฏในบริษัทนี้ด้วย”

ซูจือหยูรู้ดีว่าเย่เฉินเป็นคนถ่อมตัว จึงพูดว่า“ขอแค่ผู้มีพระคุณสั่งมา จือหยูจะรีบรวบรวมทรัพยากรทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันแล้วนำเข้ามาร่วมทุนทั้งหมดค่ะ และจะทำงานให้ผู้มีพระคุณอย่างเต็มที่!”

เย่เฉินกล่าวอย่างจริงจัง“ผมไม่อยากให้คุณทำงานร่วมกับผม เพียงเพราะผมเคยช่วยชีวิตคุณไว้ ในเมื่อเราเป็นผู้ร่วมทุนกันแล้ว คุณก็จะต้องได้ในสิ่งที่คุณต้องการ และจะต้องห้ามให้อีกฝ่ายเสียสละทำอะไรเองทั้งหมด”

พูดจบ เย่เฉินก็พูดขึ้นมาอีกว่า“เงื่อนไขของผมก็คือ ผมจะลงทุนเงินสดหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันผมสามารถใช้ทรัพยากรทั้งหมดร่วมลงทุนได้ และทางคุณ รวบรวมกลุ่มบริษัทขนส่งทางทะเลของตระกูลซูมาทั้งหมด ก่อตั้งบริษัทใหม่ ผมถือหุ้น51% คุณถือหุ้น49% ถ้าคุณยืนยันที่จะร่วมงานกับผม ผมก็สามารถเริ่มเตรียมการต่อไป”

ซูจือหยูกล่าวยังไม่ลังเลว่า“ฉันยินดีค่ะ!”

เย่เฉินพยักหน้า แล้วพูดอย่างจริงจังว่า“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นต่อไปผมก็จะพยายามช่วยคุณได้รับทรัพยากรและอำนาจการปฏิบัติงานที่มากขึ้น”

พูดจบ เขาก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วโทรหาเฉินจื๋อข่าย พลางพูดขึ้นมาว่า“เหล่าเฉิน ส่งมือถือของไหม้เฉิงซินมาหน่อย”

เฉินจื๋อข่ายรีบนำมือถือเครื่องที่กำลังปิดอยู่ส่งไปให้เขาอย่างรวดเร็ว

เย่เฉินรับโทรศัพท์มือถือมา แล้วทำการเปิดเครื่อง เลื่อนหาวิธีติดต่อซูเฉิงเฟิง พลางพูดกับซูจือหยูว่า“ตอนนี้ผมจะโทรหาปู่ของคุณ”

ซูจือหยูถามอย่างแปลกใจว่า“ผู้มีพระคุณ ทะ……ทำไมคุณต้องโทรหาเขาด้วยคะ?”

เย่เฉินหัวเราะแล้วพูดว่า“เขาตามหาผมมาตลอดไม่ใช่หรอ งั้นผมก็จะให้เขาสมปรารถนา”

ดังนั้น ในขณะที่ซูเฉิงเฟิงกำลังร้อนใจกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้า เย่เฉินจึงกดปุ่มโทรออก ต่อหน้าซูจือหยูและเฉินจื๋อข่าย

ซูเฉิงเฟิงที่กำลังปวดหัวอย่างหนัก จู่ๆก็เห็นไหม้เฉิงซินโทรหาตนเอง เขาจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก!

เขาพูดอย่างไม่รู้ตัวว่า“ฉันว่าแล้วว่าไหม้เฉิงซินต้องไม่เป็นอะไร เขาเป็นคนฉลาดหลักแหลมขนาดนั้น ขอแค่ได้กลิ่นความอันตรายแม้แต่นิดเดียว ก็จะรีบโกยเท้าวิ่งหนีแล้ว!”

พูดจบ เขาก็รีบกดรับสาย แล้วถามโพล่งออกไปว่า“สวัสดีครับลุง ตอนนี้ลุงอยู่ไหนครับ?ผมตามลุงมาทั้งเช้าก็หาไม่เจอ!”

เย่เฉินหลุดขำออกมาจากปลายสาย แล้วพูดอย่างเย้ยหยันว่า“ไม่ต้องตามหาหรอก เขาถูกผมควบคุมไว้แล้ว”

คำพูดของเย่เฉิน ทำให้ซูเฉิงเฟิงหัวใจถึงกับหล่นวูบ มือถือเกือบร่วงลงพื้น

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ฝืนทำเป็นเงียบสงบ แล้วถามอย่างลองเชิงว่า“คะ……คุณเป็นใครกันแน่?!”

เย่เฉินหัวเราะ“คุณท่านใหญ่ซู คุณใช้ความพยายามมากขนาดนั้น แถมยังส่งคนมาตามหาเบาะแสผมที่จินหลิง มันทำให้ผมรู้สึกได้รับความเมตตายังไงไม่รู้ เพราะฉะนั้นผมเลยโทรหาเพื่อทักทายคุณน่ะครับ”