เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิมันจะงอกขึ้นมาใหม่ พอถึงกลางฤดูร้อน มันจะปีนป่ายเต็มกำแพงเลยค่ะ กำแพงบ้านที่เป็นอิฐสีส้มกับเถาคันสีเขียวสด มันสวยมากๆเลยค่ะ!”
ชะงักไปครู่หนึ่ง สถาปนิกสาวก็พูดขึ้นมาอีกว่า“อีกทั้ง เมื่อมีบอสตัน จะสามารถป้องกันความร้อนได้ดีเลยค่ะ พอถึงหน้าร้อน อุณหภูมิภายในบ้านจะลดลงมาหลายองศา”
ตอนนี้ตู้ไห่ชิงราวกับมองเห็นเถาคันเขียวชอุ่มปีนป่ายไปทั่วทั้งกำแพง แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า“เยี่ยมเลย!ถึงเวลานั้นหญ้าสนามหน้าบ้านก็จะขึ้นเขียวชอุ่ม เข้ากับกำลังสีอิฐ ทางที่เป็นบลูสโตนรวมถึงเถาคันที่ปีนป่ายทั่วกำแพง แค่ลองนึกดูก็รู้ได้เลยว่ามันต้องสวยมากแน่ๆ!”
สถาปนิกสาวพยักหน้าแล้วกล่าวว่า“บลูสโตนในสนามหน้าบ้านของคุณน้า พอถึงฤดูร้อนหลังจากฝนตกเสร็จจะมีตะไคร่น้ำขึ้นปกคลุม ถ้าเป็นแบบนั้นมันต้องสวยมากแน่ๆเลยค่ะ แต่ว่าตอนเดินคุณน้าต้องระวังมากๆนะคะ ระวังลื่นล้ม”
พูดจบ สถาปนิกสาวก็มองดูเวลา แล้วพูดขึ้นมาว่า“น้าตู้คะ ความต้องการของคุณน้าหนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูขอกลับไปคุยกับบอสก่อนนะคะ จะพยายามเอาแผนการออกแบบส่งให้คุณน้าดูค่ะ เพื่อให้คุณน้าสามารถเข้ามาพักได้ภายในฤดูร้อน”
“ไม่มีปัญหาจ๊ะ”ตู้ไห่ชิงพูดอย่างยิ้มๆ“รบกวนเธอด้วยนะเสี่ยวหวัง มีความคืบหน้ายังไง โทรบอกฉันได้ตลอดเลยนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะ”สถาปนิกสาวพยักหน้าแล้วพูดว่า“งั้นหนูขอตัวลาก่อนนะคะน้าตู้”
“ฉันไปส่งเธอนะ!”
ตู้ไห่ชิงส่งสถาปนิกสาวไปที่หน้าประตู หลังจากนั้นก็กลับเข้ามา
เมื่อเห็นว่าซูจือหยูมองดูสนามด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า จึงอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า“จือหยู ลูกดูอะไรอยู่หรอ?”
ซูจือหยูกล่าวอย่างยากที่จะปิดบังว่า“แม่คะ ถึงเวลานั้นคุณแม่ต้องเก็บห้องไว้ให้หนูด้วยนะคะ หนูอยากมาอยู่กับคุณแม่ที่นี่ค่ะ!”
ตู้ไห่ชิงพูดอย่างยิ้มๆว่า“เก็บห้องไว้ให้ได้ แต่ลูกอย่าลืมนะว่า โรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ดจะเปิดเดือนสิงหาคมนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ลูกวางแผนจะไปเดือนพฤษภาคมไม่ใช่หรอ?”
สีหน้าของซูจือหยูถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง
เธอสับสนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรวบรวมความกล้าพูดออกไปอย่างจริงจัง“แม่คะ หนูคิดไตร่ตรองแล้วค่ะ หนูว่าจะไม่ไปฮาร์วาร์ดแล้วค่ะ”
ตู้ไห่ชิงดูไม่แปลกใจกับการตัดสินใจของเธอ เธอถามด้วยน้ำเสียงเงียบสงบว่า“คิดดีแล้วหรอ?”
“คิดดีแล้วค่ะ!”ซูจือหยูพยักหน้า แล้วพูดยืนกรานว่า“วันนี้หนูไปพบผู้มีพระคุณ ตัดสินใจที่จะร่วมบริหารธุรกิจขนส่งทางทะเลกับเขาค่ะ ถึงเวลานั้นหนูจะรวบรวมบริษัทขนส่งทางทะเลเข้าไปร่วมทุน หนูถือหุ้น49% ถือหุ้นรองลงมา”
ตู้ไห่ชิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า“ลักษณะนิสัยและความสามารถของเขาสามารถเชื่อถือได้ ลูกสามารถเอาทรัพยากรในมือมอบให้เขาใช้ได้เลย ลูกไปร่ำเรียนให้จบดีกว่า”
ซูจือหยูส่ายหัวไปมา“ผู้มีพระคุณพึ่งเริ่มทำงานด้านนี้ กำลังขาดคน ถ้าหนูไปเรียนตอนนี้ ก็จะไม่สามารถช่วยงานเขาได้น่ะสิคะ?ดังนั้นหนูอยากอยู่ต่อไป ถึงเวลานั้นก็ไปร่วมงานกับผู้รับผิดชอบงานของฝั่งเขา บริหารธุรกิจนี้ขึ้นมาให้ได้”
ตู้ไห่ชิงมองดูลูกสาว แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า“พูดมาเยอะแยะขนาดนี้ ความจริงแล้วลูกอยากอยู่ที่นี่ต่อไปเพราะเย่เฉินใช่ไหมล่ะ?”
ซูจือหยูคิดไม่ถึงว่า เธอเก็บอาการไว้ดีขนาดนี้ อธิบายเยอะแยะ สุดท้ายก็ถูกแม่มองทะลุหมดจด
ดังนั้น เธอจึงไม่ปิดบังอีกต่อไป แล้วพยักหน้าเบาๆ
ตู้ไห่ชิงถอนหายใจ แล้วลูบมือของเธอเบาๆ พลางพูดอย่างจริงจังว่า“แม่เคยลิ้มรสกับเสียใจมาแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าผลสุดท้ายจะดีหรือร้าย ในเมื่อลูกตัดสินใจแล้ว ก็ต้องวางใจแล้วลงมือทำ!ไม่ว่าจะเป็นยังไง แม่ก็สนับสนุนลูกเสมอ!”