เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ ซูจือหยูอารมณ์ดีมาก เธอควงแขนของแม่ แล้วพูดอย่างดีใจว่า“แม่คะ วันนี้ผู้มีพระคุณโทรหาคุณปู่ ต่อหน้าหนูด้วยค่ะ ในสายบอกว่าจะไปตามล่าคิดบัญชีกับเขาด้วย เขาตกใจจนหมดสภาพเลยค่ะ……”
“จริงหรอ?”ตู้ไห่ชิงอดที่จะถามไม่ได้ว่า“เย่เฉินเตรียมจะคิดบัญชีกับคุณปู่จริงๆหรอ?”
“ไม่หรอกค่ะ”ซูจือหยูอธิบาย“ผู้มีพระคุณคิดว่า ถ้าไปตามล่าคิดบัญชีกับคุณปู่ในตอนนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย กลับกันยังเป็นการยกผลประโยชน์ให้พวกคุณอา และคนของตระกูลเย่มากกว่า”
“ใช่”ตู้ไห่ชิงพูดอย่างเห็นด้วยว่า“ตระกูลซูมีคนมากมายตั้งตารอว่าคุณปู่ของลูกจะเกิดเรื่องมากกว่าเย่เฉินเสียอีก ถ้าเย่เฉินจัดการเขาขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าคนอื่นๆในตระกูลซูถึงจะนอนหลับฝันก็ต้องหัวเราะตื่นกันได้น่ะสิ”
ซูจือหยูพูดอย่างยิ้มๆว่า“ดังนั้นผู้มีพระคุณบอกว่าเขาแค่แสร้งทำเป็นโจมตี เพื่อข่มขู่คุณปู่ค่ะ หลังจากนั้นก็ให้คุณปู่มาขอร้องให้หนูช่วย เขาพึ่งวางสายได้ไม่นาน เป็นไปตามคาดคุณปู่โทรหาหนูทันทีเลยค่ะ คาดการณ์ยังกะเทพเลยค่ะ”
ตู้ไห่ชิงพยักหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า“ความจริงเรื่องแบบนี้ไม่ใช่คาดการณ์เหมือนเทพอะไรหรอก เย่เฉินเขาทำให้ทางตันทุกทาง เหลือแค่ทางออกไว้ให้เขาแค่ทางเดียว เขาอยากเป็นทะเลสาบสันดอนกั้น เขาเหลือทางออกไว้ เพื่อให้น้ำไหลไปที่ทางออกนั้นทั้งหมด”
พูดจบ ตู้ไห่ชิงก็พูดอีกว่า“เย่เฉินเขาช่วยลูกอีกแล้ว คุณปู่ของลูกถูกเขาข่มขู่แบบนี้ เกรงว่าเขาทำได้แค่ขอร้องให้ลูกช่วยรักษาชีวิตเขาไว้ หลังจากนี้ไปจะยิ่งไม่กล้าคิดอะไรไม่ดีกับลูกอีกแล้ว”
“ใช่ค่ะ”ซูจือหยูพูดอย่างยิ้มๆ“อีกทั้ง เพื่อที่จะเอาใจหนู เขายังยอมยกเหาะมัลดีฟส์ให้หนูอีกด้วย ก็คือเกาะที่เขาจะเก็บไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิตเกาะนั้นนั่นแหละค่ะ”
“ห้ะ!”ตู้ไห่ชิงกล่าวอย่างประหลาดใจ“นั่นมันของที่เขาหวงแหนที่สุด ลูกคงไม่ได้รับไว้จริงๆหรอกใช่ไหม?”
ซูจือหยูพูดอย่างจริงจัง“เขาจะมอบให้หนู หนูก็ต้องรับไว้สิคะ หนูคุยกับเขาไว้แล้ว พรุ่งนี้หนูจะบินไปที่มัลดีฟส์ เพื่อจัดการเรื่องเอกสารโอนย้ายกรรมสิทธิ์ของเกาะมัลดีฟส์มาเป็นของหนู”
ตู้ไห่ชิงอดอุทานไม่ได้ว่า“ลูกเอาเกาะนั้นไปทำอะไรล่ะลูก สู้เก็บไว้ให้คุณปู่เอาไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิตเถอะ คนเราพออายุมากขึ้น จะให้ความสำคัญกับสถานที่ที่เอาไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิตมาก นี่ไม่ใช่เรื่องการลงทุนพันสองพันล้านนะ นี่มันเป็นความใฝ่ฝันของเขา แม่คิดว่าเขาแค่พูดๆไปเท่านั้นแหละ คิดไม่ถึงว่าลูกจะเอามันจริงๆ”
ซูจือหยูทำเสียงหึเบาๆ ปนอารมณ์โกรธเคือง“หนูไม่สนหรอกค่ะ เขาให้หนูรับเอาไว้ หนูไม่แคร์หรอกว่าเขาจะจริงใจไหม”
“เด็กคนนี้หนิ……”ตู้ไห่ชิงถอนหายใจ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า“อภัยให้ได้ก็ควรอภัย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นปู่ของลูกด้วย”
ซูจือหยูส่ายหัวไปมาแล้วบอกว่า“หนูไม่ได้ใจกว้างเหมือนคุณแม่นะคะ ทุกการกระทำของเขา หนูทำได้มากที่สุดก็คือการไม่ให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ แต่หนูจะไม่มีวันให้อภัยค่ะ”
ตู้ไห่ชิงส่ายหัวไปมาอย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วถามเธอว่า“หนูเอาเกาะนั้นไปมันจะมีประโยชน์อะไร ถึงจะไปพักผ่อน ปีหนึ่งไปสักสิบวันก็จบวันหยุดแล้ว”
ซูจือหยูกล่าว“หนูไม่ไปหรอกค่ะ เก็บไว้ก่อนเถอะค่ะ เพื่ออนาคตข้างหน้ามีประโยชน์ขึ้นมาล่ะ?”
“ก็ได้”ตู้ไห่ชิงหัวเราะ แล้วพูดแซวว่า“หรือจะเก็บไว้ใช้เป็นสินเดิมของตัวเองลูก แล้วจัดงานแต่งงานที่นั่นซะเลย มีดาราและเศรษฐีมากมาย ฮิตการไปเหมาทั้งเกาะมัลดีฟส์จัดงานแต่งไม่ใช่หรอ?”
ซูจือหยูแก้มแดงฉ่า แล้วตอบอย่างกระมิดกระเมี้ยนว่า“นี่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นปีไหนเดือนไหน ถึงยังไงเกาะนั้นหนูก็จะเอา ถึงจะไม่ได้ใช้ แต่ปล่อยไว้อย่างนั้นหนูก็มีความสุขค่ะ”
“จ๊ะๆๆ”ตู้ไห่ชิงพยักหน้าแล้วพูดว่า“ลูกตัดสินใจแล้ว แม่จะไม่ยุ่งด้วย”
ซูจือหยูยิ้มหวาน แล้วถามเธอว่า“แม่คะ งั้นพรุ่งนี้แม่ไปมัลดีฟส์ไปหนูไหมละ?เราจะบินไปกันตั้งแต่เช้า ประมาณเจ็ดแปดชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ จัดการเอกสารน่าจะใช้เวลามากสุดก็แค่สองชั่วโมง หลังจากนั้นเราค่อยบินกลับมา ถ้าเป็นแบบนี้กลางคืนเราก็กลับมาถึงแล้วค่ะ”