แต่ว่า นับตั้งแต่ที่ความสัมพันธ์มาถึงจุดแตกหัก เย่ฉางหมิ่นจึงแยกกันอยู่ ตอนนี้ทั้งสองเจอหน้ากันน้อยมาก แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้ากัน เพียงแต่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่ยังคงอยู่

สำหรับเย่ฉางหมิ่นกับจงเจิ้งทาว เดิมทีเป็นแค่เพื่อนเก่ากัน ระหว่างทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกัน

แต่หลายปีก่อนที่งานเลี้ยงร่วมรุ่น เย่ฉางหมิ่นดื่มเหล้าไปนิดหน่อย หลังจากที่ดื่มเหล้าแล้วจึงเริ่มคุยกันถึงเรื่องสถานการณ์ปัจจุบัน เธอเริ่มบ่นเรื่องที่เธอกับสามีความสัมพันธ์มาถึงจุดแตกหัก แต่เพราะคำขอของพ่อทำให้เธอไม่สามารถหย่าได้ คราวนี้จึงทำให้จงเจิ้งทาวที่เป็นม่ายจ้องจับ

สำหรับจงเจิ้งทาวที่ชอบท่องดงดอกไม้ เขาต้องไม่ชอบสาวแก่แบบเย่ฉางหมิ่นแน่นอน

ถึงแม้ว่าเย่ฉางหมิ่นจะถือได้ว่ายังคงมีเสน่ห์อยู่ แต่เนื่องจากอายุ ถึงจะให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างไร แต่ก็ไม่มีทางเทียบกับเด็กผู้หญิงที่อายุสอบแปด สิบเก้า หรือยี่สิบกว่าได้

แต่เจิ้งจงทาวนักเลงเฒ่าที่ปลดปล่อยตัวเองตั้งนานแล้วอย่างเขา รสนิยมในการเลือกผู้หญิงของเขาสุดยอดมาก อย่าเห็นว่าเขาอายุ50กว่าแล้ว แต่ผู้หญิงที่อายุเกิน25ปี เขาแทบจะไม่มองเลยด้วยซ้ำ

แต่ว่า เย่ฉางหมิ่นนั้น พิเศษกว่าเล็กน้อย

ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในอนาคตเธอจะได้รับมรดกจากตระกูลเย่เยอะมากแค่ไหน ลำพังแค่ฐานะและทรัพย์สมบัติของเธอในตระกูลเย่ ก็เต็มไปด้วยพลังและผลประโยชน์แล้ว

ดังนั้น หลังจากที่งานเลี้ยงรุ่นครั้งนั้นแล้ว จงเจิ้งทาวก็เริ่มประจบประแจงเย่ฉางหมิ่น

ถึงแม้เย่ฉางหมิ่นจะเป็นสาวแก่แล้ว แต่ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง

อีกทั้ง ก็เหมือนกับที่คนอื่นๆพูดกันว่าถึงผู้ชายจะตายก็ยังคงเป็นเหมือนวัยรุ่น ผู้หญิงจะแก่แค่ไหน ก็ยังคงมีจิตใจที่เป็นสาวน้อยอยู่

จงเจิ้งทาวเป็นผู้ชายรูปหล่อ สง่างามอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้นำตระกูลจง ถึงแม้ว่าคุณท่านจงจะมีทายาทเยอะ แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลจงก็ยังคงดีกว่า ครอบครัวสามีของเย่ฉางหมิ่นที่ล่มจมไม่มีชิ้นดี ดังนั้นภาพโดยรวมจึงค่อนข้างเหมาะสมกับความต้องการของเย่ฉางหมิ่น

ภายใต้การช่ำชองเรื่องความรักของจงเจิ้งถามที่โจมตีด้วยการเอาใจใส่ดูแลอย่างพิถีพิถัน ทำให้เย่ฉางหมิ่นตกหลุมพรางในทันที รู้สึกราวกับว่าตัวเธอได้ตกหลุมรักอีกครั้งในวัยที่ล่วงวัยกลางคนไปแล้ว

ดังนั้น ทั้งสองจึงสานสัมพันธ์กันอย่างเงียบๆ

จงเจิ้งทาวทุ่มเทเต็มที่เพื่อให้เย่ฉางหมิ่นสัมผัสได้ถึงความรักอีกครั้ง และเย่ฉางหมิ่นได้ให้ผลประโยชน์ตอบแทนเขาไม่น้อย ในด้านทรัพยากรที่เธอมีอยู่

สำหรับเย่ฉางหมิ่นแล้ว เธอหวั่นไหวกับจงเจิ้งทาวจริงๆนั่นแหละ อยากจะหย่าแทบตายเพื่อจะได้คบกับเขาอย่างเปิดเผย และถึงแม้จงเจิ้งทาวจะไม่ได้ชอบเธอด้วยใจจริง แต่เห็นแก่ฐานะและภูมิหลังของเย่ฉางหมิ่น เขาจึงคาดหวังอยากจะแต่งงานกับเย่ฉางหมิ่นมาก

ที่พวกเขาทั้งสองคนไม่กล้าก้าวออกไปนั้น หลักๆแล้วก็เป็นเพราะคุณท่านเย่เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ให้เย่ฉางหมิ่นหย่า

ดังนั้น เย่ฉางหมิ่นจึงเริ่มคิดวางแผนของตัวเอง

เธอคิดว่า ถึงอย่างไรคุณท่านก็มีชีวิตอีกไม่กี่ปีแล้ว ตนจะหย่าหรือไม่ จะแต่งงานหรือไม่อย่างไร ก็ไม่รีบแล้ว

เนื่องจากตอนนี้ถึงแม้ทั้งสองจะไม่สามารถประกาศออกไปได้ แต่ก็แอบหาโอกาสไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ในเมื่อลักกินสามารถทำให้อิ่มได้ จึงไม่สนใจว่าจะเปิดตัวกันเมื่อไร

อีกทั้ง ถ้ายังไม่แต่งงาน ยังเป็นไปตามข้อตกลงของคุณท่าน จะต้องประจบให้คุณท่านมีความสุขก่อน เมื่อเป็นแบบนั้นอนาคตเรื่องการสืบทอด ก็จะมีโอกาสมากขึ้น

ไม่แน่ถ้าคุณท่านเกิดอารมณ์ดี อาจจะแบ่งสมบัติให้เธอเยอะขึ้นมาหน่อยก็เป็นได้

เมื่อเป็นแบบนี้ รอหลังจากที่รับมรดกเสร็จเรียบร้อยค่อยหย่ากับสามี แล้วแต่งงานกับจงเจิ้งทาวอย่างเปิดเผย ชีวิตที่เหลือก็จะแฮปปี้เอนดิ้งแล้วไม่ใช่หรอ?