เมื่อกู้ชิวอี๋มองเห็นจงเทียนหยู่ เธอตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า“จงเทียนหยู่ ในเมื่อนายอยู่ตรงนี้แล้ว งั้นฉันก็จะพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วกัน งานคอนเสิร์ตที่จินหลิงในครั้งนี้ ฉันเตรียมเพื่อพี่เย่เฉินโดยเฉพาะ!อีกทั้งวันงานคอนเสิร์ตก็เป็นวันเกิดของพี่เย่เฉินด้วย ฉันไม่อยากให้งานคอนเสิร์ตของฉันเกิดความผิดพลาด ดังนั้นฉันไม่สามารถยอมให้นายปรากฏตัวบนงานคอนเสิร์ตของฉันได้ ก่อนหน้านี้นายพยายามหาเส้นสาย จนทำให้ฉันไม่สามารถพูดให้ชัดเจนได้ ในเมื่อตอนนี้คุยเปิดใจกันแล้ว ฉันก็จะไม่เก็บซ่อนอีกต่อไป ขอโทษด้วยนะ”

จงเทียนหยู่หัวใจสลายในทันที เขาแอบพึมพำในใจว่า“ที่แท้ในสายตาของกู้ชิวอี๋ฉัน มันก็แค่ว่า‘ความผิดพลาด’นี่เอง!”

ดังนั้น เขาจึงอดที่จะถามไม่ได้ว่า“เพราะอะไร……ตกลงมันเป็นเพราะอะไร?”

กู้ชิวอี๋พูดอย่างครุ่นคิดว่า“เพราะฉันเชื่อว่าพี่เย่เฉินเป็นว่าที่สามีของฉันมาตั้งแต่เด็กๆน่ะสิ อีกทั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันมายังเมืองที่เขาใช้ชีวิตอยู่ ในวันเกิดของเขา แสดงคอนเสิร์ตต่อหน้าของเขา สำหรับฉันแล้วมันสำคัญมากๆ ดังนั้นจึงไม่สามารถให้คุณขึ้นเวทีด้วย”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็พูดอย่างขอโทษว่า“แต่ว่า คอนเสิร์ตในเมืองอื่นๆ ฉันยังคงปฏิบัติตามข้อตกลง ถึงเวลานั้นฉันจะไม่ห้ามให้คุณขึ้นคอนเสิร์ต”

คราวนี้จงเทียนหยู่ตระหนักได้ว่าเขาได้ทำความผิดพลาดที่โง่แค่ไหน

ในใจของกู้ชิวอี๋มีตัวเลือกของว่าที่สามีตั้งนานแล้ว กระทั่งเดินทางมาไกลเพื่อแสดงคอนเสิร์ตให้ว่าที่สามีของเธอ แต่ตนกลับวิ่งเข้าไปตามจับเธอ สรุปสุดท้ายกลับเป็นเพราะล่วงเกินว่าที่สามีของเธอจึงทำให้เขาสูญเสียอิสระ

“นะ……นี่มันกลั่นแกล้งกันไม่ใช่หรอ?!”

เมื่อคิดได้อย่างนั้น จงเทียนหยู่ร้องไห้ออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้“ไม่อยากให้ผมร่วมงานด้วย ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรกล่ะ!ถ้าพูดตั้งแต่แรก ฉันจะมาที่จินหลิงสถานที่เฮงซวยแบบนี้หรอ?ถ้าฉันไม่มาสถานที่เฮงซวยแบบนี้ ฉันจะต้องมาโดนทรมานแบบนี้หรอ?!จะฆ่าฉันรึไง!”

เย่เฉินรีบกล่าวตำหนิ“ใครอนุญาตให้คุณใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับหนานหนาน?ผมให้โอกาสคุณพูดใหม่อีกครั้ง ถ้าขืนยังมีอีกคำผมจะไม่ฟัง จะเปลี่ยนจากสามปีเป็นสี่ปี!”

จงเทียนหยู่ถึงกับตัวสั่น รีบเก็บท่าทีโกรธเคืองของตัวเองทันที แล้วพูดอย่างอ้ำอึ้งว่า“ชิวอี๋……เมื่อกี้ฉันใจร้อนเกินไป ฉะ……ฉันไม่ได้หมายความเป็นอื่น ขอโทษนะ!”

กู้ชิวอี๋พูดอย่างจริงจัง“ขอโทษนะจงเทียนหยู่ ความจริงก่อนหน้านี้ฉันปฏิเสธนายไปแล้วนะ แต่คุณก็หาเส้นสายมากมายขนาดนั้น จนทำให้ฉันไม่สามารถปฏิเสธนายได้ ฉันเลยทำได้แค่ฝืนรับปาก แต่ตอนที่ฉันรับปากคุณ ฉันคิดไว้นานแล้วว่า รอคอนเสิร์ตวันนั้นเริ่ม ฉันจะประกาศต่อหน้าผู้ชมทุกคนในงานคอนเสิร์ต ว่าคุณมีธุระกลางคัน ทำให้ขึ้นเวทีไม่ได้ หลังจากนั้นค่อยให้รปภ.ขวางคุณไว้ ไม่ให้คุณขึ้นเวที ฉันตกใจจริงๆ ขอโทษด้วยนะ”

ตอนนี้จงเทียนหยู่ตระหนักได้แล้วว่า เดิมทีตนคิดว่ามีโอกาสตามจีบกู้ชิวอี๋ แต่คิดไม่ถึงว่า ตนจะเป็นแค่ไอ้หมาขี้ประจบที่คิดไปเอง

อีกทั้ง เป็นหมาที่ไม่ชนะใจผู้หญิงที่ตนรัก เป็นไอ้หมาขี้ประจบตาบอดที่เลียถูกราวกั้นเหล็กอุณหภูมิติดลบสี่สิบองศา ซึ่งถูกลิขิตให้ถูกราวเหล็กกั้นฉีกหนังถลอก

เลียจนไม่เหลืออะไรแม้แต่นิดเดียว……

พอสิ้นสุดความคิด จงเทียนหยู่ถึงกับหัวใจแตกสลาย หมอบร้องไห้กับพื้น

เย่เฉินหันกล้องกลับมา แล้วพูดกับกู้ชิวอี๋ว่า“หนานหนาน วางใจเถอะ ไอ้หมอนี่จะไม่มีทางไปปรากฏตัวที่งานคอนเสิร์ตใดๆของเธอทั้งนั้น”

กู้ชิวอี๋พยักหน้า แล้วอดที่จะถามไม่ได้ว่า“พี่เย่เฉินอย่าทำให้เขาลำบากใจมากเกินไปนะคะ เรื่องนี้ฉันจัดการได้ไม่ดีเอง”

เย่เฉินโบกมือไป“เธอไม่ได้จัดการไม่ดีหรอก เขาหน้าด้านหน้าทนเอง ที่ยุ่งวุ่นวายกับเธอไม่หยุด อีกทั้งที่เธอพูดมาเมื่อกี้ มันก็เป็นแค่สิ่งที่เธอวางแผนไว้เท่านั้น เธอไม่ได้ทำสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรกับเขาหรอก!”