“บัดซบ!”จงเจิ้งทาวตะคอกด้วยความโกรธ“ล้อเล่นอะไรกัน?!จะให้ลูกชายผมไปเป็นลูกเรือสามปี เขาคิดว่าเขาเป็นใครกันห้ะ?!วันนี้ถ้าเขาไม่ปล่อยลูกผมกลับมา ได้เห็นดีกับผมแน่!”

เย่ฉางหมิ่นเกลี้ยกล่อมเขา“เจิ้งทาว ฟังฉันหน่อยเถอะ คนอย่างเย่เฉิน ไม่ใช่คนที่จะยั่วยุได้ ถึงจะเป็นฉันก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ถ้าล่วงเกินเขาจะต้องได้รับการลงโทษจากเขา แม้แต่พ่อของฉันยังไม่เข้าข้างฉันเลย ครั้งนี้เทียนหยู่อยู่ในมือของเขา ใครก็ช่วยเขาไม่ได้หรอก รวมถึงฉันและคุณ”

“ว่าไงนะ?!”จงเจิ้งทาวกัดฟันกอดถามว่า“คุณหมายความว่าผมจงเจิ้งทาวที่ใช้ชีวิตมา50ปี ยังสู้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของตระกูลเย่พวกคุณไม่ได้อีกงั้นหรอ?!”

เย่ฉางหมิ่นอยากบอกกับเขาว่า อย่าว่าแต่คุณเลย แม้แต่ทายาทสองคนของตระกูลซูที่อายุไล่เลี่ยกับคุณยังไม่สามารถหนีอุ้งปีศาจของเย่เฉินพ้นเลย เพียงแต่ประโยคนี้เธอไม่กล้าพูดกับจงเจิ้งทาว เพราะในใจของเธอรู้ดี ถ้าตนทรยศเย่เฉิน เย่เฉินจะต้องไม่ปล่อยเธอไปแน่

ดังนั้น เธอจึงเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดีว่า“เจิ้งทาว เรื่องนี้ฉันขอเตือนคุณให้ยอมรับอย่างใจเย็นเถอะ สำหรับทางด้านเทียนหยู่ ถึงแม้อีสามปีข้างหน้าจะค่อนข้างลำบาก แต่มันก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว”

จงเจิ้งทาวพูดอย่างเย้ยหยันว่า“เย่ฉางหมิ่น ตระกูลเย่ของพวกคุณ รังแกคนอื่นเกินไปแล้วนะ!คุณอยากปกป้องหลานชายคุณใช่ไหม?งั้นคงไม่ต้องเอาอนาคตของลูกชายผมไปก็ได้มั้ง?!อีกอย่าง คุณเห็นผมจงเจิ้งทาวเป็นเด็กสามขวบรึไง?คิดว่าเกลี้ยกล่อมผมไม่กี่คำ แล้วผมจะยอมให้ลูกชายผมไปลอยอยู่ในทะเลสามปีหรอ?ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ เพ้อเจ้อทั้งเพ!”

เย่ฉางหมิ่นถึงกับร้อนใจ โพล่งออกไปว่า“จงเจิ้งทาว!คุณฟังไม่เข้าใจรึไง?หลานชายคนนี้ของฉันแทบอยากจะขึ้นมาขี้มาคอฉัน ถึงฉันจะต้องปกป้องหมาฉันก็ไม่มีทางปกป้องเขาหรอก!ที่ฉันเกลี้ยกล่อมคุณ มันเป็นเพราะฉันคำนึงถึงคุณกับเทียนหยู่ ฉันยืนอยู่ข้างเดียวกับพวกคุณ ฉันอยากพยายามปกป้องพวกคุณสองพ่อลูก ถ้าคุณฟังฉัน ก็ให้อดทนหน่อย เรื่องนี้ให้มันจบที่ เทียนหยู่คนเดียวพอ ถ้าคุณไม่ฟังฉัน แล้วไปหาเรื่องเย่เฉินล่ะก็ งั้นฉันพนันได้เลย แปดสิบเปอร์เซ็นต์คุณจะต้องขึ้นเรือไปพร้อมกับเทียนหยู่แน่นอน!”

จงเจิ้งทาวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาเอ่ยปากถามว่า“ผมจะโทรหาคุณท่านเย่ ให้คุณท่านช่วยผมทวงความยุติธรรม!ผมไม่เชื่อว่าเขาจะอนุญาตให้หลานชายของเขารังแกคนอื่นแบบนี้!”

เย่ฉางหมิ่นพูดย่างหมดแรงว่า“เอาล่ะ ขอแค่คุณอย่าพยายามไปหาเรื่องเย่เฉินก็พอ โทรหาพ่อฉันเถอะค่ะ ดูสิว่าเขาจะพูดยังไง”

จงเจิ้งทาววางสายทันที แล้วรีบโทรหาเย่โจงฉวนคุณท่านตระกูลเย่

เย่โจงฉวนรู้จักกับจงเจิ้งทาว ตอนที่พ่อของเป็นเพื่อนกับคุณท่าน

ในเวลานี้เอง หลังจากที่รับสายของจงเจิ้งทาว เย่โจงฉวนก็หัวเราะแล้วถามว่า“เสี่ยวโจง นึกยังไงถึงโทรหาฉันหืม?”

จงเจิ้งทาวรีบกล่าวว่า“ลุงเย่ครับ มีเรื่องหนึ่ง ผมอยากขอให้ลุงช่วยรับผิดชอบให้กับตระกูลจงของผมด้วย!”

พูดจบ เขาก็รีบนำเรื่องราวทุกอย่างเล่าให้เขาฟังในสายทั้งหมด

หลังจากเย่โจงฉวนฟังจบ เขามึนงงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร

เขาแอบคิดในใจว่า“แม้แต่คนของตระกูลซูเย่เฉินยังคงจัดการอย่างไม่บิดพลิ้ว นับประสาอะไรกับตระกูลจง?”

“แม้แต่ซูโสว่เต้าลูกชายคนโตของตระกูลซูยังถูกเย่เฉินจับส่งไปที่ซีเรีย ลูกชายของจงเจิ้งทาวคนอย่างแก ในสายตาของเย่เฉินยังสู้หมาสักตัวไม่ได้เลย คนอย่างแกเนี่ยนะ ยังกล้าแจ้นมาที่จินหลิง เพื่อกระโดดโลดเต้นไปมา นี่มันรนหาที่ตายเองไม่ใช่หรอ?”

เมื่อคิดได้ดังนั้น เย่โจงฉวนก็หลุดคำ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า“เสี่ยงจง ฉันกับพ่อของนายถือว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน ดังนั้นฉันต้องอธิบายกับนายให้รู้เรื่อง”

จงเจิ้งทาวรีบกล่าวว่า“ลุงเย่ครับ พูดมาได้เลยครับ!”

เย่โจงฉวนพูดอย่างจริงจัง“อย่าไปยุ่งกับเย่เฉิน นายไม่มีปัญญาทำอะไรเขาได้!