รายละเอียดของรายงานข่าวนี้อ้างว่า ต้นสังกัดของจงเทียนหยู่ผ่านการคิดไตร่ตรองดีแล้ว คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับการอยู่วงการบันเทิงต่อไป ดังนั้นตั้งใจจะให้ความสำคัญกับการเรียน เขามุ่งหน้าไปศึกษาต่อปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ เพื่อเตรียมรับช่วงบริษัทต่อในอนาคต ดังนั้นจึงตัดสินใจจะถอนตัวออกจากวงการบันเทิงถาวร

เมื่อซูจือเฟยได้เห็นแบบนั้น เขาก็ถึงกับหัวเราะออกมา แล้วกล่าวว่า“ผมว่าที่จงเทียนหยู่ไปเรียนต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ เขาไม่มีหน้าอยู่ในวงการบันเทิงมากกว่า เมื่อวานคลิปที่สนามบินจนถึงตอนนี้ยังติดเทรนอยู่เลย บนโซเชียลเต็มไปด้วยคำเยาะเย้ยถากถางเต็มไปหมด ถ้าเป็นผมนะ ต้องไม่มีหน้าอยู่ในวงการต่อแน่”

เฉืนตัวตัวหัวเราะอย่างมีมารยา แต่ไม่ได้พูดอะไร

แต่ทว่า ในใจของเธอกลับรู้สึกตกใจกับการกระทำของเย่เฉิน

อิทธิพลของตระกูลจงเทียนหยู่ ถึงแม้จะไม่สามารถเทียบได้กับลูกผู้ดีมีเงินชั้นนำอย่างซูจือเฟย แต่ภายในประเทศ เขายังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนั้น

ถึงจะเป็นซูจือเฟยก็เถอะ เกรงว่าจะไม่มีใครกล้าลงมือกับเขาอย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้ แต่เย่เฉินเหมือนจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ดาราที่เป็นทายาทเศรษฐีคนหนึ่งคนหนึ่ง หน้าที่การงานกำลังรุ่งเรือง แต่พอมาถึงจินหลิง อนาคตของเขากลับถูกเย่เฉินขุดหลุมฝังไปทั้งหมด น้ำมือโหดเหี้ยมขนาดนี้ เธอไม่เคยพบเห็นในวงการมาก่อน

……

ขบวนรถเดินทางมาจนถึงโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ซูจือเฟยจึงกล่าวกับเฉินตัวตัวว่า“ตัวตัว พวกคุณจองห้องพักกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ”เฉินตัวตัวพยักหน้า“จองล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วค่ะ”

ซูจือเฟยถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วกล่าวว่า“งั้นผมไม่ส่งพวกคุณเข้าไปแล้วละกัน ถึงอย่างไรพวกคุณวางสัมภาระเสร็จก็ต้องไปสถานที่จัดคอนเสิร์ตอยู่ดี ผมรอพวกคุณอยู่ที่รถนะ เดี๋ยวพวกคุณออกมา แล้วผมจะไปที่ส่งพวกคุณที่สถานที่จัดคอนเสิร์ต”

เฉินตัวตัวไม่คิดอะไรมาก จึงกล่าวว่า“ขอบคุณคุณชายซูมากๆนะคะ เดี๋ยวฉันจะให้ทุกคนพยายามเก็บของกันเร็วๆนะคะ”

พูดจบ เฉินตัวตัวก็ผลักประตูลงจากรถ

ซูจือเฟยเองก็รีบลงมา เพื่อช่วยเฉินตัวตัวนำสัมภาระออกจากรถ หลังจากที่พาเธอและทุกคนเข้าไปจัดการเช็กอินเข้าที่พักเสร็จ เขาก็รีบกลับเข้ามานั่งในรถ

ซูจือเฟยที่อยู่ภายในรถ มีความประหม่าเล็กน้อย

เขารู้ดีว่าก่อนหน้านี้หลังจากที่ซูโสว่เต้าพ่อของตัวเองเดินทางมาที่โรงแรมป่ายจินฮ่านกงก็หายตัวไปจนถึงตอนนี้ ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาไม่อยากก้าวเข้าไปในโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงแม้แต่ครึ่งก้าว

หลังจากเฉินตัวตัวจัดการเช็กอินเข้าพักเรียบร้อย ก็นำสัมภาระของตัวเอง มายังห้องที่ได้จองไว้ในตอนแรก

เธอกับกู้ชิวอี๋รู้จักสนิทกัน ดังนั้นครั้งนี้ทั้งสองคิดจะพักห้องชุดหรูห้องเดียวกัน แบบนี้เวลาออกไปทำงานข้างนอก ต่างฝ่ายต่างจะได้ช่วยเหลือกัน

หลังจากที่เฉินตัวตัวมาถึงห้องพัก เธอก็จัดการวางสัมภาระ แล้วคอลหากู้ชิวอี๋

วิดีโอคอลถูกรับอย่างรวดเร็ว กู้ชิวอี๋ที่อยู่ปลายสายกำลังเหยียดตัวนอนอยู่บนเตียง แล้วถามอย่างขี้เกียจว่า“ตัวตัว เธอถึงจินหลิงแล้วหรอ?”

เฉินตัวตัวตอบกลับว่า“ฉันมาถึงโรงแรมแล้ว”

พูดจบ ก็หันกล้องจับภาพบรรยากาศโดยรอบของโรงแรม

กู้ชิวอี๋รีบถามว่า“เห็นพี่เย่เฉินไหม?”

เฉินตัวตัวเบะปาก“ฉันจะไปเจอเขาที่ไหนกันล่ะ!แต่ฉันเห็นซูจือเฟยด้วยแหละ เขาเป็นคนไปรับพวกเราที่สนามบินเอง”

กู้ชิวอี๋อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้“เขาไปได้ยังไง?”

เฉินตัวตัวจึงกล่าวว่า“อยากแสดงความกระตือรือร้นไง อยากทำอะไรที่แตกต่างออกไปล่ะมั้ง อีกทั้งยังคอยถามเรื่องเวลาที่เธอจะมาถึงกับฉันด้วย ฉันว่าเขาคงอยากจะไปรับเธอที่สนามบินแน่ๆ”

กู้ชิวอี๋โพล่งออกไปว่า“ฉันไม่ให้เขามารับนะ!ถึงเวลาพี่เย่เฉินจะมารับฉันที่สนามบินเอง อย่าให้ซูจือเฟยมาทำลายแผนการของฉันนะ!ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยเขาไว้แน่!”

เฉินตัวตัวพูดอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร“เอะอะอะไรก็พี่เย่เฉิน พี่เย่เฉิน เธอรู้แต่พี่เย่เฉินของเธอ ไม่รู้ว่าคนที่หักหลังชีวิตการแต่งงานของตัวเองมีค่าอะไรให้เธอหลงใหลขนาดนี้!”

กู้ชิวอี๋พูด“เธอไม่ใช่ฉันสักหน่อย จะไปรู้อะไร!จริงด้วย ของรักของหวงของฉันเธอเอาไปด้วยไหม?”

เฉินตัวตัวตอบปัดๆอย่างไม่สบอารมณ์“เอา!มา!แล้ว!”

พูดจบ ก็หันกล้องไปที่กระเป๋าเดินทาง แล้วพูดว่า“นู้น อยู่ในกระเป๋าเดินทาง!”

กู้ชิวอี้กล่าวอย่างอดใจรอไม่ไหวว่า“รีบเปิดให้ฉันตรวจสอบดูหน่อย อย่าให้เป็นอะไรเด็ดขาดนะ!