กู้ชิวอี๋กล่าวว่า“ฉันน่าจะบินไปประมาณแปดโมงเช้า น่าจะถึงประมาณเก้าโมงห้าสิบ แต่ฉันนัดกับพี่เย่เฉินแล้วล่ะ ถึงเวลาเขาจะมารับฉันที่สนามบินเอง เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”

เฉินตัวตัวกล่าวว่า“วันนี้ซูจือเฟยเขาถามฉันว่าเธอจะมาถึงเมื่อไร ฉันสงสัยว่าลักษณะนิสัยของเธอกับเขา มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะคิดหาทางไปรับเธอที่สนามบิน เธอต้องระวังตัวหน่อยนะ”

กู้ชิวอี๋ถึงกับมึนงง“ทำไมเขาถึงน่าเบื่อขนาดนี้?”

เฉินตัวตัวเบะปาก“แม้แต่ทีมงานของเรา เขายังมารับที่สนามบินด้วยตัวเองเลย นับประสาอะไรกับเธอล่ะ?ฉันเดาว่าเขาน่าจะเริ่มสนใจเรื่องเที่ยวบินที่เข้ามาในสนามบินจินหลิงแล้วล่ะ ดีไม่ดีเครื่องบินของเธอยังไม่ทันบิน ข้อมูลเรื่องการยื่นขอเส้นทางการบินของเธอเขาอาจจะเห็นแล้วก็ได้”

กู้ชิวอี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า“งั้นเอาแบบนี้นะ พรุ่งนี้ฉันจะใช้เครื่องบินของที่บ้านขอใบอนุญาตการบินที่จะขึ้นเครื่องเวลา สิบเอ็ดโมงเช้า เพื่อปล่อยข่าว เธอก็พูดกับทีมงานด้วยนะ บอกว่าฉันจะมาถึงสิบเอ็ดโมงเช้า พอถึงแล้วฉันจะตรงไปสถานที่จัดคอนเสิร์ตทันที เพื่อให้ซูจือเฟยเชื่อว่าเป็นข่าวจริง หลังจากนั้นฉันค่อยเช่าเครื่องบินส่วนตัวอีกลำ บินมาตอนแปดโมงเงียบๆ”

เฉินตัวตัวรีบกล่าวว่า“ต้องลำบากขนาดนี้เลยหรอ เธอก็บอกให้พี่เย่เฉินของเธอไปรับเธอก็จบแล้ว พอซูจือเฟยเห็น ก็จะรู้ว่าเธอมีคนในใจแล้ว แบบนี้เขาจะได้ถอยไปไง”

“ได้ไงกัน”กู้ชิวอี๋โล่งออกไปว่า“ตอนนี้พี่เย่เฉินยังอยู่ในสถานะแต่งงานแล้ว ถ้าถูกคนอื่นรู้เรื่องฉันกับเขา เรื่องแดงออกไปมันจะไม่ดีต่อเขานะ”

เฉินตัวตัวตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดอย่างทำอะไรไม่ได้ว่า“ก็ได้……งั้นเดี๋ยวฉันจะบอกกับทุกคนแล้วกัน บอกว่าเธอจะมาถึงบ่ายโมง หวังว่าจะสามารถหลอกซูจือเฟยได้นะ”

……

เช้าวันรุ่งขึ้น

เย่เฉินกับเซียวชูหรันตื่นตั้งแต่เช้า หม่าหลันแม่ยายเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย

ตอนอาบน้ำ เย่เฉินได้รับข้อความของกู้ชิวอี๋ บอกว่า“พี่เย่เฉินคะ ฉันจะมาถึงสนามบินจินหลิงตอนเก้าโมงห้าสิบนะคะ สิบโมงตรงเจอกันที่ประตูทางออกของสนามบินค่ะ เวลาของพี่ไม่มีปัญหาใช่ไหมคะ?”

เย่เฉินรีบตอบกลับเธอว่าไม่มีปัญหา

หลังจากนั้นกู้ชิวอี๋ก็ส่งข้อความกลับมาว่า เดี๋ยวเจอกันค่ะ

ในตอนที่ทานข้าวอยู่นั้น เย่เฉินมองดูเวลาครู่หนึ่ง ปกติเซียวชูหรันออกจากบ้านแปดโมงเช้า ตนจะขับรถไปที่ส่งเธอที่โรงแรมของตี้เหากรุ๊ป แล้วค่อยเดินทางไปสนามบิน น่าจะไปทัน

เซียวชูหรันทานข้าวไปด้วย พูดกับเย่เฉินไปด้วยว่า“จริงด้วยคุณ ตั้งแต่วันนี้ไป คุณไม่ต้องส่งฉันไปทำงาน ทุกวันแล้วนะคะ ฉันว่าหลายวันมานี้จินหลิงไม่มีคดีฆาตกรรมอะไร น่าจะไม่มีอะไรแล้วล่ะ”

เย่เฉินไม่ได้พูดอะไร หม่าหลันรีบกล่าวว่า“โธ่ชูหรัน เรื่องนี้จะประมาทไม่ได้นะ ฆาตกรอาจจะกำลังซ่อนอยู่ก็ได้ ลูกต้องระวังหน่อยนะ แม่มีแค่หนูเป็นลูกสาวคนเดียว ลูกจะเป็นอะไรไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!”

นับตั้งแต่เข้าพักที่Tomson Riviera หม่าหลันตระหนักถึงความจริงอย่างหนึ่ง อนาคตข้างหน้าชีวิตของตน จะต้องพึ่งพาลูกเขย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกสาวที่ อ่อนโยนจิตใจดีอีกทั้งกตัญญูต่อพ่อแม่ ถึงแม้ลูกเขยจะไม่มีที่ติ แต่ยังไงก็เป็นคนนอก

ดังนั้น ด้านหนึ่งเธอก็เป็นห่วงลูกสาว อีกด้านก็เป็นกังวล ถ้าลูกสาวเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว เย่เฉินเกิดแตกคอและไม่สนใจแม่ยายอย่างเธออีก

กล่าวอีกนับก็คือ เซียวชูหรันก็คือสิ่งที่รับประกันว่าเธอจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย

ถึงแม้เย่เฉินจะรู้ว่า ซวนเฟิงเหนียนศิษย์พี่ของหยูจิ้งไห่จะตายไปแล้ว ในอนาคตจินหลิงจะไม่มีคดีฆาตกรรมแบบนั้นอีก แต่เพื่อความสบายใจของภรรยาและแม่ยาย เขายังคงเอ่ยปากพูดว่า“ชูหรัน ช่วงนี้เราต้องระวังตัวกันหน่อย ห้ามประมาท ดังนั้นเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่ทำงานครับ”

เซียวชูหรันกล่าวอย่างยิ้มๆ“งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปส่งฉันที่เมืองเก่า เช้าวันนี้ฉันจะยังไม่ไปตี้เหากรุ๊ปค่ะ”

เย่เฉินถามอย่างแปลกใจว่า“ทำไมถึงไปเขตเหล่าเฉิงเช้าขนาดนี้ล่ะครับ?”

เซียวชูหรันกล่าวอย่างยิ้มๆ“งานออกแบบของตี้เหากรุ๊ปเสร็จแล้วไม่ใช่หรอคะ กำลังเริ่มก่อสร้างแล้วค่ะ ดังนั้นตอนนี้ที่บริษัทกำลังรับออเดอร์ออกแบบงานอื่นแล้ว พนักงานของฉันหลายวันก่อนรับลูกค้าใหม่คนหนึ่งที่อยู่เขตเหล่าเฉิง จะปรับโฉมบ้านเก่าใหม่ ฉันจะเป็นคนทำแผนการออกแบบเอง เลยต้องไปดูด้วยตัวเอง เพื่อไปติดต่อกับเจ้าของที่หน่อย”