ในตอนที่เย่เฉินมุ่งหน้ามายังสนามบินอยู่นั้น ซูจือเฟยก็ได้ใช้ช่องทางของตัวเอง รู้ความเคลื่อนไหวของเวลาที่เครื่องของกู้ชิวอี๋จะขึ้น

พอดีกับที่ สายสืบที่เขาแฝงตัวไว้บอกกับเขาว่า กู้ชิวอี๋จะมาถึงที่ซ้อมเวลาสิบเอ็ดโมงกว่า

เวลาเริ่มขึ้นเครื่องกับเวลาซ้อมห่างกันสองชั่วโมง ทำให้เขามีความมั่นใจกับกำหนดการเดินทางของกู้ชิวอี๋

เขาคิดว่า ในเมื่อกู้ชิวอี๋จะมาถึงตอนเที่ยงกว่า เกือบบ่ายโมง งั้นตนก็ไม่ต้องรีบไปสนามบินขนานนั้นก็ได้

ดังนั้น เขาจึงบอกกับลูกน้องของเขาว่า ออกเดินทางสิบเอ็ดโมงครึ่ง ไปรับกู้ชิวอี๋ที่สนามบิน

แต่ทว่า สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ กู้ชิวอี๋ในตอนนี้ได้นั่งเครื่องบินมุ่งหน้ามายังจินหลิงแล้ว

เย่เฉืนมาถึงสนามบินประมาณเก้าโมงครึ่ง ในตอนที่เขามาถึง เฉินจื๋อข่ายก็มาถึงแล้ว

จากการนำทางของเฉินจื๋อข่าย เย่เฉินนำรถเข้าไปจอดภายในสนามบิน ตลอดทางที่จอดรถ

เพื่อไม่ให้ตัวตันของกู้ชิวอี๋ถูกเปิดเผย เฉินจื๋อข่ายจึงใช้เส้นสาย เพื่อย้ายพนักงานและเครื่องบินอื่นๆออกจากโรงเก็บเครื่องบินที่สามารถรองรับเครื่องบินได้สี่ลำ

เพื่อให้แน่ใจว่าก่อนหน้าที่เครื่องบินของกู้ชิวอี๋จะลงจอด โรงเก็บเครื่องบินจะมีแค่เธอกับเย่เฉินสองคนเท่านั้น

หลังจากผ่านไปสิบห้านาที กู้ชิวอี๋ก็นั่งเครื่องบินส่วนตัวลงจอดที่สนามบินจินหลิง หลังจากนั้นตามรถที่นำทางไปและแล่นไปจนสุดทางไปยังโรงเก็บเครื่องบิน

เครื่องบินพึ่งจอดเข้ามา เฉินจื๋อข่ายก็หยิบช่อดอกไม้ในรถของเขายื่นส่งให้เย่เฉิน แล้วกล่าวว่า“คุณชายครับ นี่ครับดอกไม้ที่คุณให้ผมเตรียมไว้”

เย่เฉินถามอย่างแปลกใจ“ผมให้คุณเตรียมดอกไม้เมื่อไร?”

เฉินจื๋อข่ายรับตอบเสียงเบา“คุณชายครับ คุณกู้เดินทางมาตั้งไกล ถ้าคุณไม่เตรียมดอกไม้สักช่อ คงไม่ดีหรอกมั้งครับ?”

เย่เฉินก้มลงมองดอกกุหลาบช่อใหญ่ในมือ แล้วกล่าวอย่างอึดอัดใจว่า“ถึงจะให้ช่อดอกไม้ ให้กุหลาบมันไม่เหมาะสมมั้ง?”

“โธ่!”เฉินจื๋อข่ายรีบโบกมือไปมา“คุณชายครับ ไม่มีอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมหรอกครับ ถ้าไม่มีดอกไม้สิถึงเรียกว่าไม่เหมาะสม”

เฉินจื๋อข่ายพึ่งพูดจบ ประตูของเครื่องบินส่วนตัวก็ค่อยๆเปิดออก บันไดเครื่องบินค่อยๆถูกปล่อยลงจากประตูเครื่อง กู้ชิวอี๋เดินลงมาดุจดั่งสายลม แล้ววิ่งเข้ามาอย่างมีความสุข

“พี่เย่เฉินคะ!”

พอเห็นเย่เฉิน กู้ชิวอี๋ก็ตะโกนเรียกอย่างเสียงหวาน หลังจากนั้นก็วิ่งมาตรงหน้าของเย่เฉิน เห็นดอกไม้ในมือของเขา เธอก็พูดอย่างดีใจว่า“ว้าว!พี่เย่เฉินคะ ดอกไม้นี่ให้ฉันหรอคะ?”

เย่เฉินมองช่อดอกไม้ในมือ ด้วยความหน่ายใจ แต่กลับพยักหน้าแล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า“ใช่แล้ว ฉันเอามาให้เธอน่ะ……”

“ดีจังเลย!”กู้ชิวอี๋รับดอกไม้มาอย่างดีใจ แล้วมองซ้ายมองขวา นอกจากเฉินจื๋อข่ายแล้ว ก็ไม่มีคนนอก เธอจึงเขย่งปลายเท้า แล้วหอมแก้มของเย่เฉินเบาๆ แล้วพูดอย่างหวานหยดย้อยว่า“ขอบคุณค่ะพี่เย่เฉิน!”

ตอนนี้ เฉินจื๋อข่ายรีบหันหน้าไปข้างๆแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย

เขารู้ดีว่า ฉากที่กู้ชิวอี๋หอมแก้มเย่เฉินเมื่อสักครู่ ถ้าถูกจับภาพได้ล่ะก็ เกรงว่ามันจะทำให้ถูกพาดหัวข่าวหน้าแรกและการค้นหายอดนิยมอันดับหนึ่งเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์

ซึ่งมันแตกต่างจากความนิยมของจงเทียนหยู่ที่ใช้เงินซื้อ แต่ของกู้ชิวอี๋เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น ในหัวเซี่ย เธอเป็นไอดอลประจำชาติ เป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายทุกคน สถานภาพของเธอสูงกว่าภรรยาแห่งชาติอย่างยูอิ อารางากิของญี่ปุ่นเสียอีก