สำหรับซูจือเฟย ตอนนี้ขอเพียงไว้ชีวิตต่ำต้อยของตนเอาไว้ได้ มันสำคัญเสียยิ่งกว่าสิ่งใด

เพราะว่าเขาชัดเจนดีมาก ว่าเย่เฉินมีพละกำลังที่เพียงพอ ก็มีเหตุผลที่เพียงพอสำหรับฆ่าตนได้เช่นกัน

อีกทั้งตามพละกำลังของเขา ต่อให้เขาจะฆ่าตนเอง ตระกูลซูอาจไม่แม้แต่จะแก้แค้นให้ตน

ถึงอย่างไรคุณปู่ของตนยังไม่เคยพบหน้าเขาด้วยซ้ำ ก็หวาดกลัวเขาจนนอนไม่หลับทั้งคืนแล้ว!

เพื่อที่จะร้องขอความสันติจากเขา คุณปู่ถึงขั้นว่ามอบหยวนหยางขนส่งกรุ๊ปของตระกูลซูทั้งหมดให้กับน้องสาวของตน

ประเด็นนี้ก็สามารถมองเห็นได้ว่า คุณปู่ของตนหวาดกลัวเย่เฉินเป็นอย่างมาก

ดังนั้น ขอเพียงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ต่อให้จะโยนเขาไปยังซีเรีย ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร

อย่างน้อยๆ เมื่อถึงซีเรียแล้ว ก็ยังได้ใช้ชีวิตแบบพึ่งพากันและกันกับคุณพ่อด้วย ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

เมื่อเย่เฉินได้ยินคำวอนขอชีวิตของซูจือเฟย ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม เอ่ยถามว่า: “ทำไม? นายก็อยากไปซีเรียงั้นเหรอ?”

ซูจือเฟยพยักหน้าติดต่อกัน เอ่ยด้วยความแน่วแน่ว่า: “ผมอยากไป! ผมยินดีไป! ขอร้องผู้มีพระคุณให้ผมไปเถอะ!”

เย่เฉินมองหน้าเขา ยิ้มอ่อน จากนั้นก็โบกมือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “ฉันจะให้พวกนายสองพ่อลูกพบหน้ารวมตัวกันที่ซีเรียได้ยังไงล่ะ? พวกนายฝันหวานเกินไปหรือเปล่า?”

ซูจือเฟยเอ่ยอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา และลนลาน: “ผู้มีพระคุณ ผมขอร้องคุณล่ะ ขอแค่คุณไว้ชีวิตที่ต่ำต้อยน้ีของผมได้ คุณให้ผมทำอะไรผมยอมทั้งนั้น ชีวิตต่ำต้อยของผมคุณเป็นคนช่วยเหลือไว้ ถ้าคุณฆ่าผมไปตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นความพยายามที่คุณช่วยเหลือผมในตอนแรกก็สูญเปล่าแล้วไม่ใช่เหรอ? ขอร้องคุณเห็นแก่เรื่องนี้ ไว้ชีวิตผมเถอะนะ”

เย่เฉินยิ้ม มองหน้าเขาโดยไม่ได้เอ่ยอันใด มองจนกระทั่งซูจือเฟยหวาดกลัวจับใจ จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า: “ซูจือเฟย อันที่จริงนายต้องขอบคุณที่นายยังมีน้องสาวที่ดีนะ”

ซูจือเฟยอึ้งไปในชั่วขณะ จึงเอ่ยถาม: “ผู้มีพระคุณ…คุณหมายความว่ายังไง?”

เย่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ตอนนี้ฉันกับน้องสาวของนายมีการร่วมมือโปรเจกต์ที่ยิ่งใหญ่กันอยู่ เห็นแก่หน้าน้องสาวนาย การจะไว้ชีวิตต่ำต้อยของนายก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”

อันท่ีจริง เย่เฉินไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าซูจือเฟยจริงๆ

ไม่เพียงแต่เพราะว่าเขายังมีการร่วมมือกับซูจือหยูเท่านั้น แต่เพราะว่าในลึกๆ ในใจของเขายังคงมีความเคารพต่อแม่ของซูจือเฟย ตู้ไห่ชิงอยู่มาก

ผู้หญิงคนนั้น รักพ่อของตนมานานหลายปี อีกทั้งไม่เคยทำเรื่องที่ทำลายครอบครัวตนเองเลย เพียงแต่ความรักที่เธอมีต่อพ่อ ก็ควรค่าแก่การเคารพ

ถึงขั้นว่า ควรค่าแก่การที่ตนจะรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณ

ซาบซึ้งท่ีพ่อของตนตายไปตั้งนานขนาดนี้แล้ว ก็ยังมีคนที่ไม่ลืมเลือนเขา

ถึงอย่างไร เมื่อคนคนหนึ่งตายไปแล้ว ยังสามารถจดจำไว้ในใจได้ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายแต่อย่างใด

หากเขาฆ่าซูจือเฟยจริงๆ แล้วจากนี้ไปเขาจะเจอหน้าตู้ไห่ชิงได้อย่างไร?

ดังนั้น ภายในใจของเขาก็ชัดเจนดีมาก ว่าตนไม่สามารถฆ่าซูจือเฟยได้

เมื่อซูจือเฟยได้ยินคำพูดที่เย่เฉินเอ่ย ก็ตื่นเต้นขึ้นมา จึงได้เอ่ยถามว่า: “ผู้มีพระคุณ คุณตัดสินใจไว้ชีวิตผมครั้งหนึ่งจริงๆ เหรอ?!”

เย่เฉินโบกมือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “วันนี้เป็นเพราะดวงชะตาของนายยังไม่ถึงฆาต แต่คำโบราณว่าไว้ว่า โทษประหารสามารถละเว้นได้ แต่ยังไงก็ต้องถูกลงโทษหนักอยู่ดี ซูจือเฟยตื่นเต้นอย่างยิ่ง เอ่ยถามอย่างไม่ลังเลใจว่า: “ขอแค่ผู้มีพระคุณไว้ชีวิตผมได้ คุณให้ผมทำอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น! คุณอยากจะลงโทษผมยังไง ผมก็ยอมทั้งนั้น!”

เย่เฉินครุ่นคิด จากนั้นเอ่ยว่า: “เอาแบบนี้ละกัน ตระกูลซูของพวกนายทำอะไรก็ไร้คุณธรรมโหดร้าย ไม่สนญาติมิตรพี่น้องมาแต่ไหนแต่ไร และบาปหนา ในเมื่อนายอยากให้ฉันไว้ชีวิตที่ต่ำต้อยนี้ของนาย ถ้างั้นนายก็ตั้งใจไถ่โทษให้ตระกูลซูนายซะเลยดีกว่า”

“ได้เลย! ผมจะไปไถ่โทษ!”

ซูจือเฟยได้ยินดังนั้น แม้จะยังไม่ทราบว่า เย่เฉินให้ตนไถ่โทษอย่างไร ทว่าเขาก็ยังคงตอบรับไปโดยไม่ลังเลสักนิด จากนั้นเอ่ยต่อว่า: “ผมยอมไปไถ่โทษ! ผมยอมไปไถ่โทษเพื่อตัวผม เพื่อพ่อผม เพื่อทั้งตระกูลซู! พรุ่งนี้ผมจะไปจุดธูปที่วัด เพื่อสั่งสมส่วนบุญให้ตระกูลซูเยอะๆ !!”