ได้ยินดังนั้น เขาจึงเอ่ยทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตา: “ผู้มีพระคุณ…ชีวิตต่ำต้อยของผมนี้…คุณเป็นคนช่วยเหลือไว้เอง คุณต้องการเอามันไปก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลดี…แต่ว่าผมยังคงต้องการขอร้องให้คุณไว้ชีวิตต่ำต้อยนี้ของผมอีกสักครั้งเถอะนะ ต่อให้เป็นการเห็นแก่แม่และน้องสาวของผมก็ตาม ไว้ชีวิตต่ำต้อยนี้ของผมเถอะนะผู้มีพระคุณ…ขอร้องคุณล่ะผู้มีพระคุณ…”

เย่เฉินมองดูท่าทางของเขาที่น้ำตาท่วมใบหน้า เจ็บปวดรวดร้าวอย่างถึงที่สุดเช่นนี้ จึงได้เอ่ย พร้อมยิ้มราบเรียบ: “ฉันเห็นแก่แม่และน้องสาวนายแล้ว เลยไว้ชีวิตที่ต่ำต้อยของพ่อนายไป หรือว่านายยังอยากให้ฉันไว้ชีวิตที่ต่ำต้อยนี้ของนายด้วยงั้นเหรอ?”

ซูจือเฟยเอ่ยถาม ตามสัญชาตญาณ: “ผู้มีพระคุณ พ่อของผมเขา…พ่อของผมเขายังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?!”

เย่เฉิน ยิ้มอ่อน เอ่ยว่า: “ตอนนี้พ่อของนายอยู่ที่ซีเรีย แม้จะกลับมาตอนนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางตายในตอนนี้หรอก”

“ซีเรีย?!” ซูจือเฟย เบิกตากว้างทันที ซักถามต่อ: “พ่อของผมเขา…ทำไมถึงไปซีเรียได้ล่ะ?”

เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “สาเหตุที่เขาไปที่ซีเรีย ก็เพราะว่าเขาทำฉันโกรธ ตอนแรกฉันควรที่จะฆ่าเขาไปให้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ฉันเห็นแก่หน้าแม่และน้องสาวนาย เลยไว้ชีวิตต่ำต้อยของเขา ให้เขาไปสำนึกผิดที่ซีเรียดีๆ ”

ซูจือเฟยคิดไม่ถึงเลยว่า พ่อของตัวเองจะถูกเย่เฉินส่งตัวไปยังซีเรีย ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม: “ผู้มีพระคุณ พ่อของผม…เขาทำผิดต่อคุณอะไรกันแน่? เท่าที่ผมจำได้ เขาไม่ได้มีความข้องเกี่ยวอะไรกับคุณเลยนี่นา…”

“ทำผิดอะไรต่อฉัน?” เย่เฉินยิ้มเย้ยหยัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ลืมบอกนายไปเลย ฉันและตระกูลซูนายมีความแค้นกันมารุ่นต่อรุ่น โดยเฉพาะพ่อและปู่ของนาย”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เย่เฉินก็ชะงักไปเล็กน้อย ค่อยพูดต่อว่า: “อ้อจริงสิ ลืมแนะนำตัวเองไป ฉันแซ่เย่ ชื่อเย่เฉิน พ่อของฉันชื่อว่าเย่ฉางอิง”

“อะไรนะ?! เย่…เย่ฉางอิง…” ซูจือเฟยได้ยินถึงตรงนี้ ก็อึ้งไปทันที

ซูจือเฟย ไม่เคยได้ยินชื่อของเย่เฉินมาก่อน แต่ชื่อจริงของเย่ฉางอิงเขากลับได้ยินคุ้นชินมาตั้งนานแล้ว

อีกทั้งเขาก็ไม่ใช่คนโง่ เขาชัดเจนดีว่าแม่ของตน ตกหลุมรักเย่ฉางอิงผู้ที่เสียชีวิตไปตั้งนานแล้วคนนี้มาโดยตลอด

ถึงขั้นว่า การไม่เข้ากันของพ่อแม่ ก็เกิดจากการที่แม่ยังคงไม่ลืมเลือนผู้ชายคนนั้นอยู่เสมอ

ทว่า เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือตนและน้องสาว กลับเป็นคนตระกูลเย่แห่งเย่นจิง ที่มีความแค้นรุ่นต่อรุ่นกับตระกูลซู!

อีกทั้ง ยังเป็นลูกชายของเย่ฉางอิงอีกต่างหาก!

เขาลนลานขึ้นมาอย่างที่สุด เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ: “ผู้มีพระคุณ…คุณ…คุณคือลูกชายของเย่ฉางอิง?!”

เย่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ถูกต้อง ฉันเอง!”

หลังจากได้ยินคำตอบของเย่เฉิน ซูจือเฟยก็ทราบทันที ว่าเย่เฉินไม่มีทางปล่อยตนไปได้อย่างง่ายดาย

เพราะว่าในบ้านตนเอง ไม่เพียงแต่มีความแค้นส่งต่อรุ่นต่อรุ่นกับบ้านเขา ก็เป็นดั่งที่เขาได้เอ่ยว่า ตนได้ติดค้างหนึ่งชีวิตกับเขาอยู่ด้วย

และที่ยุ่งยากกว่านั้นก็คือ ตนกลับมาหาถึงที่โดยไม่รู้โชคชะตาของตัวเอง นี่มันเป็นการหุงข้าวประชดหมาไม่ใช่หรือ?

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็รู้สึกหดหู่ใจทันที พร้อมมองไปยังเย่เฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิงว่า: “ผู้มีพระคุณ คุณตั้งใจจะจัดการผมยังไงกันแน่? หรือไม่…หรือไม่คุณก็ส่งผมไปที่ซีเรียเหมือนกัน ให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อผมดีไหม พวกเราสองคนจะสำนึกผิดอยู่ที่ซีเรียดีๆ ตั้งใจไถ่โทษดีๆ …”