กู้ชิวอี๋ไม่ทราบเลยว่า เหตุผลหลักๆ ที่เย่เฉินลงโทษซูจือเฟยอันที่จริงก็คือซูจือเฟยต้องการจะตรวจสอบรถ BMW ของเซียวชูหรัน
ในความคิดของเธอ ที่เย่เฉินลงโทษซูจือเฟย ก็เพราะว่าพี่เย่เฉินที่เธอรัก ลึกๆ ในใจจะต้องให้ความสำคัญเธออยู่แน่นอน กระทั่งว่าปกป้องเธอราวกับเป็นสิ่งของของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น แน่นอนว่าต้องไม่ยินยอมที่จะให้ซูจือเฟยมายุ่งวุ่นวายด้วย
เดิมที กู้ชิวอี๋เป็นหญิงสาววัยรุ่นที่เป็นอิสระมาก สำหรับคำพูดของอัตวิสัยเชิงบุรุษนิยมที่ว่าผู้หญิงก็คือเครื่องประดับของผู้ชาย เธอรู้สึกเย้ยหยันมาแต่ไหนแต่ไร
ทว่า หลังจากที่เธอรู้จักกับเย่เฉิน อยู่ๆ ความคิดของหญิงสาวแกร่งของเธอก็หายไปปลิดทิ้ง
ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอในตอนนี้ ก็คือสามารถอยู่ข้างกายเย่เฉินได้อย่างมั่นคง ถูกเก็บสะสม ปกป้อง กระทั่งครอบครองโดยเขาราวกับสิ่งของล้ำค่าส่วนตัว
ดังนั้น แม้ว่าส่วนลึกในใจของเธอจะรู้สึกว่า เย่เฉินลงโทษซูจือเฟยเพื่อตนขนาดนี้ ด้านขั้นตอนค่อนข้างที่จะหนักหน่วงไปหน่อย ทว่าภายในใจของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยความสุขอีกแบบ
ดังนั้น เธอจึงตอบไปอย่างเขินอาย: “โชคดีที่ฉันตัดสินใจออกจากวงการบันเทิงหลังจบคอนเสิร์ตครั้งนี้ ไม่งั้น ต่อจากนี้ไปยังไม่รู้ว่าจะมีอีกสักกี่คนที่จะถูกพี่เย่เฉินส่งให้ไปแสวงบุญที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้…”
เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “หรือว่าออกจากวงการบันเทิงก็จะไม่มีคนมาตามรังควานเธอเหมือนซูจือเฟยแล้ว?”
กู้ชิวอี๋ตอบอย่างจริงจัง: “หลังออกจากวงการบันเทิงแล้ว ก็เตรียมที่จะไปรับช่วงต่อคุณพ่อ ถึงตอนนั้นก็เป็นลูกสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานจากตระกูลชั้นสูงทุกวัน ออกจากบ้านไปก็ทุ่มเทให้กับกิจการ”
สิ้นเสียง กู้ชิวอี๋ก็ถามขึ้นอีก: “แต่ว่าถ้าได้แต่งงานเร็วๆ หน่อยละก็ รับช่วงต่องานคุณพ่อช้าหน่อยก็ไม่เป็นอะไร รบกวนให้คุณพ่อเกษียณช้ากว่านี้หน่อย ส่วนฉันก็ปรนนิบัติสามีสอนลูก รอมีลูกให้พี่สักสองสามคนแล้วค่อยว่ากัน ถึงยังไงตอนนี้ร่างกายของคุณพ่อก็ดีเยี่ยมอยู่ ฉันว่านะให้เขาทำต่อไปอีกสิบปีก็ไม่เป็นไรหรอก!”
เย่เฉินได้ยินกู้ชิวอี๋เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่าจะมีลูกให้ตนสองสามคน ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถามเธอว่า: “จริงสิ ลุงกู้และน้าหลินถึงพรุ่งนี้กี่โมงนะ?”
กู้ชิวอี๋ตอบ: “พวกท่านน่าจะถึงประมาณ 11 โมง”
“โอเค” เย่เฉินเอ่ยต่อ: “ถ้างั้นพรุ่งนี้ประมาณเก้าโมงกว่า ฉันไปรับเธอที่โรงแรมนะ แล้วเราก็ไปสนามบินด้วยกัน”
กู้ชิวอี๋รีบเอ่ยอย่างตื่นเต้น: “ได้เลย! ถ้างั้นฉันจะรอพี่ที่โรงแรมนะคะ!”
เย่เฉินจบบทสนทนากับกู้ชิวอี๋ เก็บโทรศัพท์ ขณะที่เดินกลับคฤหาสน์ เซียวชูหรันภรรยาก็กำลังนั่งสนทนาอยู่กับพ่อตา แม่ยายอยู่บนโซฟา
เมื่อเห็นเย่เฉินเดินเข้ามา เธอจึงรีบเอ่ยถาม: “ที่รัก พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดคุณแล้ว เมื่อกี้ฉันเมื่อปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่แล้ว พรุ่งนี้ตอนบ่ายรีบกลับมา แล้วมากินอาหารมื้อใหญ่กันที่บ้าน พวกเราสี่คนฉลองวันเกิดให้คุณท่ีบ้าน ดีไหมคะ?”
เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “ได้เลยสิ กินอะไรง่ายๆ ก็พอนะ ไม่ต้องยุ่งยากหรอก”
“จะได้ยังไงกัน” เซียวชูหรันเอ่ยอย่างจริงจัง: “นี่เป็นวันเกิดแรก หลังจากที่ย้ายมาบ้านหลังใหม่ ถึงตอนนั้นจะต้องจัดอลังการหน่อยสิ!”
แม่ยายหม่าหลันก็รีบเอ่ยขึ้นเช่นกัน: “นั่นน่ะสิ ลูกเขยคนดี เธอเป็นคนสำคัญของบ้านเราเลยนะ วันเกิดของเธอทั้งที พวกเราก็ต้องจัดอลังการหน่อยสิ!”
เซียวฉางควนเอ่ยด้วยความรู้สึกละอายใจ: “เย่เฉิน เธอแต่งงานกับชูหรันสี่ปีแล้ว ตลอดระยะเวลาสี่ปีนี้ พ่อกับแม่ของเธอไม่เคยจัดงานวันเกิดให้เธอเลยสักครั้ง ช่างน่าละอายใจจริงๆ !”
“ใช่น่ะสิ!” หม่าหลันก็รีบเอ่ยขึ้นเช่นกัน: “ก็เป็นเพราะเมื่อก่อนไม่เคยได้ฉลองวันเกิดให้เธอเลย เพราะงั้นครั้งนี้เลยอยากจะฉลองให้เธอดีๆ สักครั้ง ตอนแรกแม่แนะนำว่าให้ออกไปกินข้างนอก ไปที่ร้านอาหารที่ดีที่สุดของจินหลิงเลย แต่ว่าชูหรันบอกว่าฉลองวันเกิดที่บ้านมีความหมายกว่า พอแม่คิดก็ใช่จริงๆ นั่นแหละ ฉลองวันเกิดก็จะต้องฉลองที่บ้านถึงจะอบอุ่น เพราะงั้นพรุ่งนี้พวกเราสามคนจะจัดงานวันเกิดให้เธอดีๆ จะต้องมอบวันเกิดที่อบอุ่นลืมไม่ได้ให้เธอแน่!”
เย่เฉินได้ยินถึงตรงนี้ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที