ไม่ใช่ว่าหวั่นไหวต่อท่าทีของหม่าหลัน เพราะยังไงซะคนที่ไม่มีความคิดแบบเธอ ที่ผ่านมาก็เห็นแต่แค่เงินไม่เห็นแก่คน

สิ่งที่ทำให้เย่เฉินหวั่นไหวจริงๆก็คือ ความใส่ใจของเซียวชูหรัน

จัดงานวันเกิดที่บ้านด้วยกัน เทียบกับการไปทานอาหารนอกบ้าน ก็ต้องลำบากเหนื่อยกว่าอยู่แล้ว ที่รักมีเจตจำนงแบบนี้ได้ พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอให้ความสำคัญต่อวันเกิดของตัวเขาเองมาก

อีกอย่าง ที่ผ่านมาหลายปี ตัวเขาไม่มีดีอะไร ในตอนที่อยู่ในบ้านอย่างไม่ได้รับความยินดีพอใจ เซียวชูหรันก็ยังจำวันเกิดของตัวเขาได้ และก็มักจะแอบซื้อเค้ก ลากตัวเขาออกไปหาร้านอาหารที่สามารถจ่ายไหว แล้วกินข้าวด้วยกันอย่างเงียบๆ

นึกคิดถึงพวกนี้แล้ว หลายปีมานี้ที่เย่เฉินอยู่กับเซียวชูหรันอย่างไม่ทอดทิ้งกัน ในใจก็เต็มไปด้วยความขอบคุณ

ในเวลานี้ เซียวชูหรันเอ่ยปากพูดกับเย่เฉินว่า “ที่รัก พรุ่งนี้ฉันยังต้องไปที่เขตเมืองเก่าอีกครั้ง ตนเที่ยงไปที่ไซต์งานของตี้เหากรุ๊ป ส่วนตอนเย็น ฉันก็จะกลับมาไวหน่อย ประมาณสี่โมงเย็นก็กลับมาจำเตรียมอาหารค่ำ พรุ่งนี้เที่ยงนายกินน้อยหน่อยนะ เก็บท้องไว้กินมือใหญ่ตอนค่ำ ตอนค่ำพวกเราเริ่มงานกันเร็วหน่อย จัดวันเกิดให้นายเสร็จ แล้วพวกเราก็ไปดูงานคอนเสิร์ตของกู้ชิวอี๋กัน!”

เย่เฉินพยักหน้ายิ้มๆ “ไม่มีปัญหา ตามนี้เลย!”

พูดจบ เย่เฉินก็มองดูเวลา เอ่ยปากพูดว่า “ชูหรัน เธออยู่ดูทีวีกับพ่อแม่ไปก่อนนะ ฉันไปอาบน้ำ”

“โอเค” เซียวชูหรันพยักหน้า เห็นว่าเย่เฉินขึ้นไปชั้นบนแล้ว ก็เสนอความคิดเห็นกับเซียวฉางควนและหม่าหลันว่า “พ่อคะ แม่คะ คืนนี้พวกเราเฝ้ารอวันเกิดกับเย่เฉินกันเถอะ เฝ้าจนถึงเที่ยงคืน วันเกิดเขาที่ผ่านๆมา หนูก็มักจะรอจนถึงเที่ยงคืนแล้วบอกสุขสันต์วันเกิดกับเขา ปีนี้พวกเราทั้งสามคนสามารถอยู่เป็นเพื่อนกับเขาได้”

“ดีสิ!” หม่าหลันปรบมือพูดว่า “รอจนถึงเที่ยงคืน บอกสุขสันต์วันเกิดกับลูกเขยที่แสนดีของฉัน!”

เซียวฉางควนก็ไม่มีความเห็นอะไรอยู่แล้ว เพียงแค่พูดอย่างเศร้าใจไม่หยุดว่า “โอ๊ย!นึกถึงท่าทีเมื่อหลายปีก่อนที่ทำกับเย่เฉิน ฉันที่เป็นพ่อนี่ก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลย…..”

หม่าหลันที่อยู่ข้างกายนั่นกลับไม่คิดถึงพวกนี้ เธอเพียงแค่บ่นไม่หยุดว่า “ไม่รู้ว่าครั้งนี้ลูกเขยที่แสนดีจัดงานวันเกิด ลูกค้าพวกนั้นของเขาจะมาให้ของขวัญกับเขามั้ยนะ? ครั้งก่อนตอนวันตรุษจีน คนพวกนั้นให้มาไม่น้อยเชียว โอ้โห สมบัติล้ำค่าต่างๆ ช่างแสบตาจริงๆ!”

เซียวชูหรันพูดอย่างเอือมระอาว่า “แม่คะ…แม่มาคิดถึงอะไรพวกนี้ทำไมเนี่ย…สิ่งของที่คนพวกนั้นมอบให้เย่เฉิน พูดตามจริงนะคะว่าหนูเอาแต่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเลย แทบอยากจะให้ต่อไปพวกเขาไม่ต้องมอบอะไรให้อีก”

“กลัวอะไรกัน” หม่าหลันโบกมืออย่างไม่สนใจสักนิด “ลูกเขยที่แสนดีของฉันตอนนี้เป็นปรมาจารย์ฮวงจุ้ย สิ่งที่คนมีเงินชอบทำที่สุดก็คือให้ความเคารพต่อปรมาจารย์ฮวงจุ้ย ปรมาจารย์ชี่กง ก่อนหน้านี้ปรมาจารย์ชี่กงที่มีชื่อเสียงคนนั้น แค่เพียงทรัพย์สินที่พวกคนรวยพวกนั้นมอบให้ก็หลายพันล้านแล้ว สุดยอดมากเลย!”

เซียวฉางควนพูดอย่างจริงจังว่า “ไอ้นั่นมันก็แค่คนหลอกลวง ต่อมาก็ถูกจับไปแล้วไม่ใช่รึไง?”

หม่าหลันเบะปาก “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับลูกเขยที่แสนดีของฉัน? ลูกเขยที่แสนดีของฉันดูฮวงจุ้ยให้คนอื่น นั่นเป็นพรสวรรค์ที่มีความสามารถอย่างแท้จริง!”

พูดแล้ว หม่าหลันก็พูดด้วยสีหน้าเศร้าใจว่า “คนอื่นยังมอบเรือยอทช์หรูให้กับลูกเขยที่แสนดีของฉันอีกลำหนึ่งด้วยไม่ใช่หรอ? ขาของฉันก็ไม่สะดวกเท่าไหร่ ไม่มีโอกาสที่จะไปสัมผัสประสบการณ์นั่งเรือยอทช์ออกทะเลสักที นึกๆดูแล้วก็น่าเสียดาย….”

เซียวฉางควนเอ่ยปากพูดว่า “ตอนนี้อากาศยังไม่เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างจริงจังเลย นั่งเรือยอทช์ออกทะเลไปรับลมหนาวรึไง? ถ้าจะไปก็รอหลังงานไหว้บรรพบุรุษแล้วค่อยไป”

หม่าหลันตาเป็นประกาย พูดว่า “งั้นก็ดีสิ!รอผ่านวันไหว้บรรพบุรุษไปแล้ว ขาของฉันก็น่าจะสามารถถอดเฝือกได้แล้ว!”

พูดจบ ก็รีบพูดกับเซียวชูหรันอีกว่า “ชูหรัน ถึงตอนนั้นเธอวางแผนไว้ซะ ให้ลูกเขยที่แสนดีขับเรือยอทช์พาพวกเราออกไปเที่ยวเล่น!