เย่เฉินเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงได้แกะริบบิ้นสีแดงบนกล่องออก หลังจากที่เปิดออกอย่างระมัดระวัง เค้กสองชั้นที่สวยงามก็ปรากฏอยู่ในสายตา

เค้กนี้ดูแล้วไม่ได้หรูหราสวยสง่างามอย่างเค้กห้าชั้นที่กู้ชิวอี๋สั่งทำ และก็ไม่มีตุ๊กตาฟองดองท์ที่เสมือนจริง ที่มีอยู่ เพียงแค่เค้กรูปแบบธรรมดา แต่ว่า บนหน้าเค้กใช้ซอสช็อกโกแลตเขียนตัวหนังสือไว้บรรทัดหนึ่ง กลับทำให้ใจของเย่เฉินรู้สึกถึงความอบอุ่น

ตัวหนังสือบรรทัดนั้นเขียนไว้ว่า “สุขสันต์วันเกิด คุณเย่ที่รักของฉัน”

ผู้ลงนามคือ “ภรรยาที่รักนาย ชูหรัน”

เมื่อเห็นตัวหนังสือพวกนี้ เย่เฉินก็ยิ้มเล็กน้อย พูดกับคนขับคนนั้นว่า “เค้กไม่มีปัญหาอะไร ฉันเซ็นรับเลยละกัน”

พูดจบ ก็เซ็นชื่อลงใบสินค้า แล้วก็ยื่นใบสินค้าให้กับคนขับ

ทางด้านคนขับจากไปแล้ว เย่เฉินก็ห่อเค้กกลับไปเหมือนเดิม ถือเข้าไปในบ้าน

ภาพนี้ บังเอิญถูกนายหญิงใหญ่เซียวที่ตากผ้าอยู่บนดาดฟ้าตรงข้ามคฤหาสน์เห็นเข้า

เธอเห็นว่าเย่เฉินรับเค้กเดินกลับเข้าคฤหาสน์ กลับเข้าห้องอย่างอดไม่ได้ที่จะสงสัย แล้วถามเซียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงว่า “ฉางเฉียน ไห่หลง วันนี้คือวันอะไรพวกนายรู้มั้ย?”

เซียวฉางเฉียนยิ้มขมขื่น “แม่ครับ ตั้งแต่ตรุษจีนจนถึงตอนนี้ ผมทำอะไรก็อยู่แต่บนเตียง ทุกๆวันคือวันที่เท่าไหร่ และวันอะไร ผมก็ไม่รู้ทั้งนั้น”

เซียวไห่หลงพูดเสริมว่า “คุณย่าครับ ผมเองก็ไม่จำวัน”

นายหญิงใหญ่เซียวพึมพำว่า “วันนี้คือวันที่สองของเดือนจันทรคติที่สอง แต่ฉันนึกไม่ออกว่าวันนี้วันเกิดใคร ไอ้ลูกไม่รักดีเซียวฉางควนนั้นเหมือนว่าจะคลอดตอนฤดูหนาว ยัยเด็กบ้าเซียวชูหรันนั่นเหมือนว่าจะเป็นฤดูร้อน…”

เซียวไห่หลงนึกอะไรขึ้นได้ พูดว่า “วันที่สองเดือนสองมังกรเชิดเศียร….วันนี้เหมือนจะเป็นวันเกิดของไอ้เลวเย่เฉินนั่นครับ!”

นายหญิงใหญ่เซียวขมวดคิ้วถามว่า “นายแน่ใจ?”

“แน่ใจครับ!” เซียวไห่หลงพยักหน้ารัวๆ “มีครั้งหนึ่งเพิ่งออกปีใหม่ ผมก็ไปตัดผมที่ร้านทำผมเลย บังเอิญเห็นเย่เฉินกับเซียวชูหรันกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารเล็กข้างร้านตัดผม บนโต๊ะอาหารยังวางเค้กก้อนเล็กก้อนหนึ่งไว้ด้วย จากที่ผมสังเกตดู เย่เฉินเป็นคนเป่าเค้ก เพราะงั้นจะต้องเป็นเซียวชูหรันจัดวันเกิดให้กับเย่เฉินแน่นอน คุณย่าคุณไม่รู้ เค้กในตอนนั้นดูจนซะ ยังไม่ใหญ่กว่าจานกับข้าวเลย”

เมื่อนายหญิงใหญ่เซียวได้ยิน ก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที พูดยิ้มๆว่า “โอ๊ย ที่แท้วันนี้ก็วันเกิดของไอ้เนรคุณเย่เฉินนั่นนี่เอง!ไม่คิดเลยว่าจะตกต่ำเร็วขนาดนี้!”

เซียวไห่หลงถามอย่างไม่เข้าใจว่า “คุณย่าครับ ทำไมหรอครับ? ทำไมถึงได้พูดแบบนี้?”

นายหญิงใหญ่เซียวเบะปากพูดว่า “ก่อนวันตรุษจีนมีคนมากมายวิ่งมาหน้าบ้านเย่เฉินเพื่อมอบของขวัญ นายดูสินี้เพิ่งจะออกปีใหม่ วันเกิดเขาก็ไม่มีใครมาแสดงความยินดีด้วยสักคน ก็แสดงให้เห็นว่าตอนนี้มันไม่ได้เรื่องแล้ว คนที่ร่ำรวยมีเงินพวกนั้นไม่สนใจเขาแล้ว!”

เซียวไห่หลงถามว่า “คุณย่าครับ ดูเพียงแค่นี้ก็ดูออกแล้วว่าเย่เฉินมันไม่ได้เรื่องแล้ว?”

นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างจริงจังว่า “ไห่หลง มีสำนวนหนึ่งเรียกว่ายอดหญ้าไหวจึงรู้ทิศทางลม เพียงแค่นายเห็นว่ามีใบไม้หนึ่งตกลงมา ก็หมายความว่าฤดูใบไม้ร่วงเข้ามาแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงมาแล้ว ฤดูหนาวจะยังไกลอีกหรอ?”

พูดแล้ว เธอก็วิเคราะห์ด้วยสีหน้าลึกซึ้งซับซ้อนว่า “พวกนายคิดดูนะ ถ้าหากว่าตอนนี้เย่เฉินมันยังได้เรื่องอยู่จริงๆ งั้นหน้าบ้านของพวกนั้นก็จะต้องถูกพวกคนรวยพวกนั้นล้อมเต็มไปแล้ว มีสำนวนหนึ่งเรียกว่าหัวกระไดไม่แห้ง บรรยายว่าเมื่อคนๆหนึ่งกำลังโด่งดังอยู่ หน้าบ้านยังคึกคักยิ่งกว่าตลาดอีก!”

“เธอนายดูสิ วันนี้วันเกิดของเย่เฉิน สำหรับคนพวกนั้นที่อยากจะประจบเขา เรื่องใหญ่ขนาดนี้ สำคัญยิ่งกว่าตรุษจีนเยอะเลย บ้านพวกเขาจนตอนนี้ ไม่เห็นใครมาสักคน กลับกันกลายเป็นสำนวนประโยคหนึ่ง เรียกว่าเงียบเหงาไร้ผู้คน!”

“เพียงแค่สัญญานี้เพียงอย่างเดียว ฉันก็สามารถตัดสินออกมาได้อย่างชัดเจน เย่เฉินตอนนี้จะต้องล้มเหลวแล้วแน่นอน บางทีถึงขั้นดีไม่ดี ก็เกือบจะจบเห่แล้ว!”