เซียวไห่หลงเมื่อฟังคำพูดพวกนี้ของนายหญิงใหญ่เซียว ก็ดีใจขึ้นมาทันที พูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณย่า!ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ งั้นก็จะดีมากเลยครับ!ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าไอ้เลวเย่นเฉินั่นสักวันจะต้องล้มเหลว ดูแล้วนี่ก็คงจะเป็นสัญญาณก่อนหน้าที่จะล้มเหลว!”
สีหน้าของนายหญิงใหญ่เซียวปรากฏความได้ใจ “บ้านพวกมันปีกว่ามานี้อยู่ได้สบายขนาดนี้ ล้วนพึ่งพาจากที่เย่เฉินออกไปหลอกลวงด้านนอกทั้งนั้น!ปรมาจารย์ชี่กง ปรมาจารย์ซวนซวยที่ผ่านมาพวกนั้นก็มีไม่น้อยที่ร่ำรวยจากพวกคนมีเงินพวกนั้น แต่ก็ไม่มีใครที่มีจุดจบที่ดี!ฉันดูแล้วเย่เฉินนี่เองก็จะจบเห่แล้ว!”
เซียวไห่หลงตื่นเต้นจนร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย พูดอย่างดีใจว่า “ถ้าหากเย่เฉินนี่ล้มเหลวจริงๆ คิดดูแล้วพวกเขาทั้งบ้านก็จะต้องจบเห่ไปด้วยแน่!ดีไม่ดีอีกไม่กี่วัน หวังเจิ้งกางนั่นก็จะมายึดคฤหาสน์นี้คืน!”
เซียวฉางเฉียนที่นอนอยู่ด้านข้าง รู้สึกตื่นเต้นอย่ามาก พูดว่า “โอ๊ย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ชีวิตพลิกผันแล้ว!ทางที่ดีที่สุดก็คือเย่เฉินมันรีบล้มเหลว จากนั้นพวกเขาทั้งบ้านก็ไม่มีที่ไป เร่ร่อนข้างถนน ถึงตอนนั้นก็คอยดูความล้มเหลวของพวกมันทั้งบ้าน!”
พูดถึงนี่ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างภูมิใจว่า “โลกล้วนมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ!พวกเขาจะต้องคิดไม่ถึงแน่ ว่าบ้านพวกเราจะยังสามารถมีชีวิตขึ้นมาจากความสิ้นหวังได้ ตอนนี้เวยเวยมีกุ้ยเหรินให้ความช่วยเหลือ บริหารบริษัทโมเดลลิ่งที่ใหญ่ที่สุดในจินหลิง ชีวิตของพวกเราในอนาคต จะต้องยิ่งอยู่ยิ่งดีขึ้นแน่นอน!”
นายหญิงใหญ่เซียวยิ้มเยาะ พูดว่า “ให้พูดถึงเวยเวยของเรา นั่นถึงจะเก่งจริงๆ!เริ่มจากศูนย์ ก็สามารถบริหารให้บริษัทโมเดลลิ่งให้เป็นอันดับหนึ่งของเมืองได้ เพียงแค่จุดนี้ ก็ไม่รู้ว่าเก่งกว่าผู้ชายสองคนอย่างพวกแกมากเท่าไหร่แล้ว!”
พูดแล้ว นายหญิงใหญ่เซียวก็มองทั้งสองคน พูดอย่างโมโหว่า “พูดถึงแล้ว ผู้ชายอย่างพวกแกสองคนนี้ก็เป็นขยะจริงๆ!บอกให้พวกแกไปจัดการหม่าหลันสักที ปรากฏว่าพวกแกสองกลับให้คนอื่นตีตัวเองจนพิการ ตอนนี้นอนอยู่บนเตียง ให้ยัยแก่อย่างฉันมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้!มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!”
เมื่อพูดอย่างนี้ออกมา เซียวฉางเฉียน เซียวไห่หลงสองพ่อลูกมองหน้ากัน ต่างก็สามารถเห็นถึงความอับอายในสายตาของกันและกันได้
ถ้าจะพูดถึงผู้ชายของตระกูลเซียว ก็ไม่มีทักษะและความสามารถอะไรเลยจริงๆ
แม้ว่าเซียวฉางเฉียนจะเป็นลูกชายคนโต แล้วยังได้รับความสำคัญจากนายหญิงใหญ่เสมอ แต่คนๆนี้พื้นฐานแล้วก็เป็นคนไร้ความสามารถคนหนึ่ง ถือเป็นคนที่ชอบอวดฉลาด
ส่วนเซียวไห่หลงหลานชายคนโตคนนี้ ก็ยิ่งเละเทะไร้ประโยชน์ ถือเป็นพวกทำอะไรก็ไม่ได้ แต่อวดเก่งเป็นที่หนึ่ง
พวกเขาสองคนทำงานอยู่ที่บริษัทเซียวซื่อมานานหลายปีขนาดนี้ โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ได้ทำผลงานอะไรออกมาเลย พื้นหลังของบริษัทเซียวซื่อคือคุณท่านใหญ่เซียวที่รับเอาเงินชดเชยจากตระกูลเย่ แล้วก็พยายามมาครึ่งชีวิตถึงก่อตั้งขึ้นมาได้ ตั้งแต่หลังจากที่ตายจากไปแล้ว สินทรัพย์ก็หดลดลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ล้มละลาย
นายหญิงใหญ่เซียวในตอนนี้เห็นว่าสองพ่อลูกไม่พูดจา ก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอา พูดอย่างถอนใจว่า “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากุ้ยเหรินนั่นของเวยเวยมาจากไหน ฟังความหมายของเธอแล้ว ความสามารถของอีกฝ่ายถือว่าเยอะมาก ไปบังคับขอคนจากบริษัทที่โกงนั้นมาจากเจ้านายเดิม แล้วก็มาให้เวยเวยบริหารอย่างนี้เลย!ส่วนเจ้านายคนเดิมของเธอคนนั้น ไม่เพียงแต่ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เจ้าตัวยังเต็มใจยินดีไปเป็นทาสให้ที่KTVด้วย!ทำลายคนแล้วยังต่อว่าคนได้อีกแบบนี้ พวกนายว่าคนๆนี้จะมีความสามารถมากสักแค่ไหนเชียว!”
“ใช่แล้ว!” เซียวฉางเฉียนเองก็อดไม่ได้ที่จะพูด “ผมได้ยินเวยเวยพูดมาว่าเจ้านายคนเดิมนั่นยังเป็นคนนักเลงใหญ่ด้วย มีฝีมืออยู่บ้าง ไม่คิดเลยว่าแค่สองประโยคก็ถูกคนเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว คิดดูแล้วกุ้ยเหรินคนนั้นจะต้งรู้จักกับบุคคลใหญ่โตของจินหลิงแน่ๆ ดีไม่ดีอาจจะเป็นคุณชายของตระกูลใหญ่สักตระกูลก็ไม่แน่!”
นายหญิงใหญ่เซียวเอ่ยปากพูดว่า “ถ้าหากว่าเวยเวยสามารถคบหากับกุ้ยเหรินคนนั้นได้ก็ดี ตอนนี้ที่บ้านเราขาดแคลนที่สุดก็คือที่พึ่งพิง!”