เซียวฉางเฉียนพยักหน้าเบาๆ พูดว่า “ผมเห็นทุกครั้งที่เวยเวยพูดถึงกุ้ยเหรินคนนั้น ดวงตาก็มักจะเป็นประกาย ไม่แน่เธออาจจะแอบชอบกุ้ยหรินคนนั้นไปนานแล้วก็ได้”
“อือ” นายหญิงใหญ่เซียวพยักหน้า “ที่นายพูดนี่ฉันเองก็ดูออก แต่ว่าเวยเวยไม่ยอมจะบอกตัวตนของกุ้ยเหรินคนนั้น นายหญิงใหญ่อย่างฉันก็ทำได้แค่ร้อนรนไปงั้น”
พูดแล้ว นายหญิงใหญ่เซียวก็พูดอีกว่า “ใช่สิฉางเฉียน ไว้นายคุยกับเวยเยวเองตามลำพังสักหน่อย หลอกถามดูสิว่าเธอกับกุ้ยเหรินคนนั้นพัฒนากันไปถึงระดับไหนแล้ว ถ้าหากว่ายังชัดเจน ก็บอกให้เธอเร่งมือหน่อย ทางที่ดีก็รีบทำให้เป็นจริงสักที!”
เซียวฉางเฉียนพูดอย่างอึดอัดว่า “แม่ครับ เรื่องแบบนี้ ผมจะสะดวกคุยกับเวยเวยได้ยังไงละครับ ทำเอาเหมือนกับว่าผมใจร้อนอยากจะขายลูกสาวงั้นแหละ”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดว่า “มีเพียงแค่นายถามถึงจะเหมาะสมที่สุด ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเรื่องของเซียวอี้เชียน เวยเวยก็ไม่พอใจฉันมาโดยตลอด ฉันไปถามเธอ เธอจะต้องไม่ยอมบอกกับฉันแน่นอน”
เซียวไห่หลงรีบอาสาสมัครพูดว่า “คุณย่าครับ ผมไปคุยกับเวยเวยเองดีมั้ยครับ พวกผมสองคนไม่มีช่องว่างระหว่างวัยต่อกัน สื่อสารกันก็ง่ายกว่า”
“นายหยุดซะเถอะ!” นายหญิงใหญ่เซียวกลอกตาบนใส่เขา พูดว่า “ความสามารถในการแสดงออกของนาย ทั้งตระกูลเซียวหาคนที่แย่กว่านายไม่ได้แล้ว!”
เซียวไห่หลงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจในทันทีว่า “คุณย่า! ท่านพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ความสามารถการแสดงออกของผมมีปัญหาอะไร? ผมรู้สึกว่าผมพูดจาคล่องแคล่วดีออก!”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างไม่พอใจว่า “ถ้าหากว่านายพูดจาคล่องแคล่วได้ดีจริงๆ ต่งรั่งหลินก็หลานเป็นสะใภ้ของบ้านเราไปนานแล้ว!ถ้าหากว่าตอนนั้นนายจับต่งรั่งหลินไว้ได้ บ้านของเราก็คงไม่ตกต่ำมาจนถึงจุดนี้หรอก!”
พูดถึงนี่ นายหญิงใหญ่เซียวก็พูดอย่างโมโหว่า “แต่ว่านะไห่หลง ความสามารถอื่นนายไม่มี แต่ความสามารถในการหาเรื่องซวยนั้นเก่งจริงๆ!ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะว่านายมาพูดให้ร้ายเซียวชูหรันใส่หูฉัน ฉันก็คงไม่กลับคำ แล้วให้ตำแหน่งผู้จัดการที่ตกลงกับเซียวชูหรันไว้ให้นายหรอก!”
“เดิมทีเซียวชูหรันก็เป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น นอกจากที่ให้เธอหย่ากับเย่เฉินแล้วเธอไม่เชื่อฟัง อย่างอื่นฉันสั่งให้เธอทำอะไรเธอก็ทำอย่างนั้น ก็เพราะครั้งนั้นที่ได้รับการเป่าหูจากนาย ยัยนี่ถึงได้เริ่มมีการต่อต้าน ถึงขั้นเห็นว่าฉันเร่ร่อนข้างถนนก็ไม่สนใจ!”
พูดถึงนี่ เธอมองเซียวไห่หลง พูดอย่างไม่พอใจมากว่า “ไห่หลง คำว่าไร้ประโยชน์คำนี้ ก็คือพูดตัวนาย!”
เซียวไห่หลงไม่คิดเลยว่า คุณย่าจะต่อว่าใส่ตัวเขา เถียงไม่ออกไปชั่วขณะ ทำได้เพียงก้มหัวอย่างละอายใจ
เซียวฉางเฉียนรีบพูดไกล่เกลี่ยว่า “แม่ครับ แม่ก็อย่าไปว่าไห่หลงแล้วเลย ช่วงก่อนหน้านี้พวกเรานั้นลำบากกันอยู่สักหน่อยก็จริง แต่พูดตามจริง ใครที่ทั้งชีวิตจะไม่เจออุปสรรคละครับ? แม่ดูสิเซียวฉางควนพวกมันทั้งบ้าน หลายปีก่อนชีวิตก็ไม่ดี ต่อมาก็ค่อยๆดีขึ้นแล้วไม่ใช่หรือไงครับ? ตอนนี้หน้าที่การงานของเวยเวยพัฒนาไปได้ดี ถ้าหากว่าสามารถได้ทั้งหน้าที่การงานและความรัก ดีไม่ดีบ้านของเราก็จะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นายหญิงใหญ่เซียวอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เฮ้อ เมื่อก่อนเอาแต่คิดว่าหลานชายดี หลายชายถึงจะเป็นคนของตัวเอง ตอนนี้ดูแล้ว หลานชายเชื่อถือได้มากว่าหลานชายเยอะเลย!”
พูดจบ เธอก็เอ่ยปากพูดอีกว่า “ถ้ารู้แต่แรกว่าเวยเวยมีความสามารถมากขนาดนี้ เมื่อปีกว่าก่อนหน้านั้น ก็ควรจะมอบบริษัทให้เวยเวยบริหาร ไม่แน่บริษัทเซียวซื่อก็คงจะไม่ล้มละลายแล้ว”