คำบ่นของนายหญิงใหญ่เซียว ทำเอาเซียวฉางเฉียนเซียวไห่หลงสองพ่อลูกก้มหน้าละอายใจ
นายหญิงใหญ่เซียวเห็นว่าพวกเขาสองคนท่าทางอ่อนหัดแบบนี้ ในใจมีความดูถูก ดังนั้นจึงได้ลุกขึ้น พูดว่า “พวกนายสองคนนอนอยู่บนเตียงไปเถอะ ฉันไปเดินเล่นที่บ้านเย่เฉินสักรอบละ!”
เซียวไห่หลงรีบถามว่า “คุณย่า ท่านไปบ้านเย่เฉินทำไม?”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างเย็นชาว่า “หึ!ยังไปทำอะไรได้อีก ก็ต้องไปเยาะเย้ยพวกมันอยู่แล้วนะสิ!”
เซียวฉางเฉียนพูดอย่างกังวลเล็กน้อยว่า “แม่ เรื่องที่เย่เฉินจะล้มเหลว ยังไงก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาของท่านเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่เป็นความจริง ถ้าหากว่าท่านไปหาเรื่องพวกเขาตอนนี้ ถ้าหากว่าเย่เฉินยังไม่ล้มเหลว แล้วยังจัดการพวกเราสักที นั่นมันก็จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่หรือไงครับ?”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างดูถูกว่า “สายตาแหลมคมของยัยแก่อย่างฉัน เคยมองพลาดเมื่อไหร่กัน? บอกกับแกไปตั้งนานแล้วว่าเมียแกมันพึ่งไม่ได้ ให้แกโอนเงินมาให้ฉันให้หมด แกไม่เชื่อ ดูสิ ตอนนี้เมียแกหนีไปแล้วใช่มั้ย?”
พูดถึงนี่ นายหญิงใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่าอย่างโมโห “นังมารยาไร้ยางอาย ไปก็ไปสิ ยังกล้าขโมยเงินของฉันอีก!ถ้ายัยเลวนั่นไม่ตายละก็ พระเจ้าคงจะไม่มีตาแล้วละ!”
เซียวฉางเฉียนพูดอะไรไม่ออก
เรื่องของเฉียนหงเย่น ทำให้เขาอับอายจริงๆ
ขโมยเงินของนายหญิงใหญ่นั่นมันเรื่องเล็ก แต่แอบท้องลูกของคนอื่น แล้วยังมาแพร่เชื้อโรคให้กับตัวเขา นั่นถึงจะเป็นเรื่องที่ทำให้เขาโกรธเกลียดมากที่สุด
ในเวลานี้เซียวไห่หลงเอ่ยปากพูดว่า “คุณย่า ไอ้หนุ่มเย่เฉินนี้มันชั่วร้ายมาเสมอ บางครั้งที่ยิ่งรู้สึกว่ามันจะจบเห่ มันก็สามารถเล่นแง่มาได้ เพราะงั้นผมคิดว่าพวกเราถ่อมตนสักหน่อย รอมันล้มเหลวจริงๆ แล้วค่อยไปเยาะเย้ยมันก็ไม่สายนะครับ!”
นายหญิงใหญ่เซียวตกเข้าสู่ความเงียบ
ใจของเธอได้รับการกระทบจากเย่เฉินหนักมากเกินไป จึงเป็นเหตุให้เธออยากจะหาโอกาสเอาคืนอยู่เสมอ
แต่ว่า เธอยอมรับ ว่าที่หลานชายเซียวไห่หลงพูดนั้นมีเหตุผลจริงๆ ไอ้หนุ่มเย่เฉินนี้มักจะทำให้คนคาดเดาไม่ออก แล้วยังไม่ชอบทำตามที่ควรจะเป็น ต้องป้องกันไว้ให้มากจริงๆ ห้ามสะเพร่าเด็ดขาด
ดังนั้น หลังจากที่เธอคิดสักพัก ก็พูดว่า “เอาอย่างนี้ ฉันไปบ้านพวกมันก่อน ไปลองดูความเป็นจริง!”
เซียวไห่หลงรีบพูดเตือนว่า “คุณย่า ท่านจะต้องระวังไว้หน่อยนะครับ!”
“วางใจได้” นายหญิงใหญ่เซียวโบกมือ “ฉันพอรู้ดีอยู่”
พูดแล้ว จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ กัดฟันพูดว่า “ไม่ได้! ในเมื่อวันนี้เป็นวันเกิดของเย่เฉิน ฉันจะไปมือเปล่าได้ยังไง ฉันต้องไปตลาดแล้วซื้อกุยช่ายหนึ่งกิโลไปให้เขาสักหน่อย!”
เซียวไห่หลงงุนงง ถามอย่างประหลาดใจว่า “คุณย่า ทำไมต้องให้กุยช่ายกับเย่เฉินละครับ? เซียวชูหรันไม่ได้นอกใจเย่เฉินสักหน่อย?”
เซียวไห่หลงเพิ่งพูดถึงเรื่องนอกใจ เซียวฉางเฉียนก็รู้สึกว่าบนหัวมีเขา ด่าอย่างโมโหว่า “อย่ามาพูดถึงเรื่องนอกใจตรงหน้ากูนะ!”
เซียวไห่หลงสีหน้าไม่พอใจ นายหญิงใหญ่เซียวเอ่ยปากพูดว่า “ตอนนั้นเย่เฉินใช้ดอกแดฟโฟดิลมาสวมรอยเป็นกุยช่าย ทำเอาพวกฉันอ้วกแตกท้องเสียถูกหามส่งโรงพยาบาล ความแค้นนี้ ยัยแก่อย่างฉันยังจำอยู่นะ!”
เซียวไห่หลงนึกถึงตอนนั้นที่ตัวเองท้องเสียไม่หยุดที่บ้านในครั้งนั้น ก็ตัวสั่นไปทั้งตัว เอ่ยปากพูดว่า “คุณย่า ความแค้นนี้ผมเซียวไห่หลงก็ยังจำไว้เสมอ แต่ว่าท่านซื้อกุยช่ายหนึ่งกิโลก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้นี่ครับ!”
นายหญิงใหญ่เซียวกัดฟัน โบกมือพูดว่า “ช่างเถอะๆ ฉันไปลองดูพวกเขาก่อนค่อยว่ากันก็แล้วกัน!”
พูดจบ เธอก็ก้าวขาเดินออกจากห้องนอน
นายหญิงใหญ่เซียวที่หยิ่งอยู่เสมอ ตั้งแต่ที่ตกอับ ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวในโลกมาไม่น้อย แต่ที่ทำให้เธอโมโหมากที่สุด ก็คือเย่เฉินทั้งบ้านไม่สนใจอะไรเธอเลย
เดิมที ทั้งบ้านก็ยังพอให้เกียรติเธอบ้าง แต่เมื่อตอนนั้นที่เธอคิดอยากจะยึดครองคฤหาสน์ของบ้านเย่เฉิน สุดท้ายก็แตกหักกับครอบครัวเย่เฉินทั้งบ้านแล้ว
ตั้งแต่นั้นมา เธอติดคุก บาดเจ็บ รวมทั้งถึงขั้นที่เธอตกอับต้องไปดึงถุงพลาสติกให้กับลูกค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ครอบครัวเย่เฉินทั้งบ้านก็ไม่เคยให้ความช่วยเหลือกับเธอเลย โดยเฉพาะที่เซียวฉางควนเห็นเธอเป็นอากาศที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ยิ่งทำให้เธอโกรธแค้นมาจนถึงทุกวันนี้